สับเละงบสภา/พ.โยกเงินให้พวก

อภิปรายงบ 69 วันที่สองเริ่มเดือด!  "ปชน." ดาหน้าสับเละ "ไอติม" ฟัด "พิเชษฐ์" ปมงบปรับปรุงรัฐสภา ซัดงบกลางแจงไม่เคลียร์ เล็งยื่นใบสมัครเข้า กมธ.งบฯ 69 ตามชำแหละ "ภัณฑิล" ฟาดงบอบรมสัมมนาใช้แบบไม่บันยะบันยัง  เปิดชื่อย่อผู้บริหาร "พ." เอี่ยวโยกเงินทำคำขอไปแจกกลุ่มสนับสนุน แถมตั้งตัวเอง-เพื่อนนั่งคุม คกก. "สุรเชษฐ์” แฉ “คมนาคม” ของบสร้างตึกสำนักปลัดฯ ใหม่ 3,832 ล้าน แพงกว่าตึก สตง.ที่ถล่ม ปูดห้อง รมต.อยู่ชั้น 22 ดาดฟ้ามีลานจอด ฮ. มีโรงหนังใหญ่ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ใหญ่กว่าโรงแรมหรู แต่มี ขรก.อยู่แค่ 319 คน จี้ “สุริยะ”  ตอบให้ชัด "จุลพันธ์" สวน "ณัฐพงษ์" รู้แก่ใจไทยไม่ใกล้เคียงรัฐล้มเหลว เหน็บชอบใช้โวหารการเมือง บอกยินดีปรับงบในชั้น กมธ. "สว." ขยับตั้ง กมธ.งบฯ 69 ดัน "อลงกต" นั่งประธาน

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันที่สองว่า วันนี้ (29 พ.ค.) ไม่เข้า เข้าวันที่ 30 พ.ค.

ที่รัฐสภา เวลา 09.00 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่สอง 

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ขอใช้สิทธิ์พาดพิงจากที่นายพิเชษฐ์กล่าวถึงเมื่อคืนวันที่ 28 พ.ค. ในการอภิปราย โดยนายพริษฐ์แจกแจง 4 เรื่อง ทั้งเรื่องที่นายพิเชษฐ์พาดพิงไปจุดกระแสหรือว่ารื้อรั้วบ้าน ซึ่งนายพริษฐ์ยืนยันเจตนาไม่ใช่เป็นการรื้อรั้วบ้าน  แต่ทำหน้าที่ตรวจสอบคำของบประมาณ และไม่ได้เพ่งเล็งมาที่งบประมาณของสภาแห่งเดียว และเรื่องงบปรับปรุงศาลาแก้ว ปรับปรุงห้องงบประมาณ การก่อสร้างอาคารที่จอดรถ มีประกาศผู้ชนะการคัดเลือกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้ที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา เพราะมีบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องเข้ามาทักท้วง เนื่องจากมีการเปิดเวลาในการรับข้อเสนอสั้นเพียงแค่ 10 วัน รวมทั้งเรื่องที่นายพิเชษฐ์บอกงบประมาณยังไม่ผ่านสภาจะทุจริตได้อย่างไร

 “ท่านบอกสิ่งที่ผมทำหน้าที่ไปอาจจะทำให้สภาเสียหาย ผมยืนยันว่าการตั้งคำถามของผมในฐานะตัวแทนประชาชนไม่ทำให้สภาเสียหาย แต่ถ้าผู้บริหารสภาไม่สามารถตอบคำถามที่ประชาชนสงสัยได้อย่างดีเพียงพอ จนทำให้ประชาชนหมดข้อสงสัยว่าการพิจารณางบฯ ของสภานั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ อันนั้นต่างหากที่จะทำให้สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้เสียหาย” นายพริษฐ์กล่าว

ทำให้นายพิเชษฐ์ตอบโต้ทันทีว่า ตนยืนยันปกป้องงบประมาณของสภาเต็มที่ ไม่มีปัญหาถ้าจะตรวจสอบงบประมาณ ก็ไม่เป็นไร แต่ท่านได้เชิญเจ้าหน้าที่ของสภาไปชี้แจงงบประมาณของรัฐสภา ท่านเชิญเขาไป เขาเป็นข้าราชการตัวเล็กๆ ที่เลวร้ายที่สุดท่านไลฟ์สด และตอนเจ้าหน้าที่ตอบไม่ได้ แล้วท่านก็เป็นพระเอก เป็นวีรบุรุษในโซเชียล แล้วท่านก็ตัดต่อ ตัดตอน เอาไปลงใน Tiktok YouTube เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ เสียหายขนาดไหน

นอกจากนี้ นายพิเชษฐ์ยังชี้นิ้วไปที่ฉากหลังบัลลังก์แล้วกล่าวว่า “แล้วฉากหลังบัลลังก์นี้ ท่านดูสิครับ ปกติมีงบประมาณอยู่แล้ว แต่ถูกตัดไป  ท่านดูสิครับ ปูนเปลือยอยู่อย่างนี้นะครับ แล้วมีเส้นขีดอยู่เต็มไปหมด ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน ไปทำรุ่นลูกรุ่นหลานอีก 100 ปีหรือ ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรนะครับถ้าไม่ทำ แต่มันเป็นศักดิ์ศรีของรัฐสภา ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร ถ้ามันสวยมันดี เป็นหน้าเป็นตา เป็นเกียรติ"

ชัดงบกลางใช้ไม่บันยะบันยัง

ด้านนายพริษฐ์ได้ลุกขึ้นชี้แจงทุกประเด็นที่นายพิเชษฐ์กล่าวถึง รวมทั้งระบุว่า "ท่านมาพาดพิงผม ผมเลยต้องพูดในสภา แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะยื่นใบสมัครเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณปีนี้ และจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ จะทำให้ทุกคนเห็นว่าห้องประชุมที่เราใช้กันอยู่ 2-3 เดือน ไม่ได้มีอะไรที่เป็นปัญหาที่ต้องปรับปรุงถึง 120 ล้านบาท"

ต่อมา นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรค ปชน. อภิปรายเน้นไปที่งบของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า การใช้ประโยชน์พื้นที่สภาที่ไม่คุ้มค่ากับงบลงทุน โดยเฉพาะการปรับปรุงอาคารรัฐสภา ในส่วนการเปิดยื่นข้อเสนอ 10 วัน สำหรับการออกแบบอาคารและพื้นที่จอดรถใต้ดิน ว่าทำไมเราจึงไม่คิดหาทางเลือกอื่น เนื่องจากยังมีทางเลือกที่ถูกกว่า คือการสร้างอาคารในพื้นที่ค่ายทหารที่อยู่บริเวณติดกัน ที่ยังใช้ประโยชน์จากพื้นที่ไม่เต็มศักยภาพ ซึ่งใช้เก็บรถถัง ปืนใหญ่ จริงๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าการนำมาเก็บตรงนี้ จะเอาไปออกรบกับใคร

"การบริหารจัดการด้านอาวุธของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภา ที่อยู่บริเวณใต้ห้องประชุมสุริยัน จะนำมาทำเป็นคลังอาวุธหรือ มีไปทำไมคลังแสงอาวุธ จะไปสู้รัฐประหารหรือ ท่านมาสู้อะไรตอนนี้ ท่านก็ไปแก้รัฐธรรมนูญเอา ถ้ามีคนทำรัฐประหารหรือจะเอามาปราบพวกเรากันเอง อยู่ข้างใต้พวกเรา ขึ้นลิฟต์มาชั้นเดียว น่ากลัวจริงๆ" นายภัณฑิลกล่าว

สส.พรรค ปชน.รายนี้ระบุถึงงบอบรมสัมมนาว่า เงินในส่วนนี้มีการใช้แบบไม่บันยะบันยัง ในแผนยุทธฯ พัฒนาและเสริมสร้างการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น 6 เท่า ในระยะเวลา 3 ปี การของบในส่วนนี้เป็นไปเพื่อการนำไปแจก เป็นเงินทุน เงินบริจาค เงินสนับสนุนให้กับประชาชนโดยตรง ซึ่งมีลายเซ็นของผู้บริหารสภากำกับไว้เรียบร้อย ขนาดข้าราชการเองยังลำบากใจเลย มาบอกกับตนว่าผู้บริหารสภาชงแจกเงิน เพราะมันทำไม่ได้ แต่คนจะเอาก็จะเอาให้ได้

"กดดันข้าราชการจนมีคำแนะนำว่า ถ้าจะทำให้ได้ก็ต้องจัดเป็นการอบรมสัมมนา จึงมีการแก้เอกสารในโครงการนี้ ซึ่งภายหลังเมื่อโดนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตัดงบประมาณในส่วนนี้ออกไป  ก็ไม่พอใจ ก็ยังมีการขอแปรเพิ่ม ได้มาครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินที่ขอไป เมื่อได้งบมาแล้วก็ตั้งคณะกรรมการมาดูแลโครงการโดยตั้งตัวเอง ชื่อย่อ 'พ.' และเพื่อน สส.พรรคเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน มานั่งติดกัน และในจังหวัดเชียงราย ก็มีโครงการของสภา ที่มีงบประมาณ ในทุกตำบล หมู่บ้าน โดยในเอกสารเหล่านั้นก็ยังเหมือนกันทุกตัวอักษร ท่านประธานอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอกปีหนึ่งจัดสัมมนากว่า 1,300 งาน เป็นไปได้ครับ เพราะมีคนมากระซิบว่าเอาเงินไปก่อน ทำโครงการลงไป ให้เงินมันเหลือ เพื่อให้ถูกโยกไปใช้ในโครงการอื่น" สส.พรรค ปชน.รายนี้ระบุ

นายภัณฑิลกล่าวว่า ยังมีการให้จัดตั้งกองเกียรติยศเจ้าหน้าที่ตำรวจสภาเพื่อใช้ในงานพิธีต่างๆ อย่างเท่ จะจัดสวนสนาม หรือทำอะไรกัน ทำไมต้องมีงบไปซ้อม แล้วเงินมาจากไหน นำมาจากโครงการที่ไปล้วงกระเป๋าเยาวชนมาหรือไม่ ได้ยินมาว่าจะมีแผนโยกงบในส่วนนี้ไปใช้ในโครงการก่อสร้างอีก ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจน การส่อทุจริตเช่นนี้ต้องรีบจัดการ

"อย่าคิดว่าไม่ได้เป็นรัฐมนตรีจะอยู่เหนือการตรวจสอบ ไม่มีใครสามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดนี้สามารถพาท่านไปทานข้าวแถวสนามบินน้ำได้แน่นอน เพราะถูกรางวัลทุจริต เจอกันที่ ป.ป.ช.ครับ" นายภัณฑิลระบุ

ปชน.แฉตึกคมนาคมหรูหรา

เวลา 11.35 น. นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายงบกระทรวงคมนาคมว่า ขอใช้ชื่อตอนว่า “งบคมนาคมยังคงเดิมๆ เพิ่มเติมคือสร้างตึกเพื่อใคร” สำนักปลัดฯ ปีนี้รับงบไปทั้งสิ้น 1,124 ล้านบาท เพิ่มเท่าตัวจากปีก่อนๆ ที่รับอยู่ที่ประมาณปีละ 600 ล้านบาท ส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นคือค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ งบปี 69 จำนวน 574.8 ล้านบาท ผูกพันปี 70 จำนวน 1,628.6 ล้านบาท และปี 71 อีก 1,628.6 ล้านบาท รวมงบ 3 ปี จำนวน 3,832 ล้านบาท มากกว่าตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มอีก

"ตั้งคำขอมามากถึง 4,500 ล้านบาท นี่ขนาดสำนักงบฯ ปรับลดแล้วยังเหลืออยู่ตั้ง 3,832 ล้านบาท ตึกคมนาคมกินพื้นที่ 18.5 ไร่ เทียบกับตึก สตง. 10.75 ไร่ อยู่ในทำเลทองของอาณาจักรบางซื่อ 1,471 ไร่ โดยตึกใหม่ของคมนาคมอยู่ในโซน E ที่วางแผนจะให้เป็นสมาร์ทซิตี้คอมเพล็กซ์  141.65 ไร่ น่าเสียดายพื้นที่แถบนี้ควรนำมาพัฒนา เป็นการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน" นายสุรเชษฐ์กล่าว

สส.พรรค ปชน.รายนี้ระบุว่า การที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม จะเอาพื้นที่ไปสร้างตึกใหม่ให้กระทรวง  มีการจ้างออกแบบเสร็จแล้ว มีจำนวน 22 ชั้น จึงขอให้ รมว.คมนาคมต้องตอบให้ชัดว่าใครจะไปอยู่บ้าง เพราะในแบบระบุเพียงสำนักปลัดฯ ซึ่งมีข้าราชการอยู่ 319 คน ซึ่งตามคำขอระบุมาเพียงหน่วยงานใหม่ที่เกิดขึ้น ดังนั้นขอดูเอกสารของหน่วยงานที่จะแสดงความจำนงไปอยู่ตึกใหม่ด้วย และอย่าตบแต่งตัวเลขเพื่อจะมาของบมากๆ เพื่อเอาไปสร้างตึกใหญ่ๆ 

 “ตึกคมนาคมโอ่อ่ามาก ได้งบต่อหัวมากถึง 3.8 ล้านบาท มากกว่า 1.1 ล้านบาทตามบรรทัดฐานของ สตง.ที่ใครก็ด่าว่าแพง ห้องรัฐมนตรีอยู่ชั้น 22 ขึ้นไปดาดฟ้ามีลานจอด ฮ.ด้วย อย่างเท่เลย ห้องรัฐมนตรีใหญ่มาก 65 ตารางเมตร แต่ยังไม่เห็นความหรูหรา นอกจากนั้นยังมีการสร้างโรงหนังที่ชั้น 9 ทะลุไปชั้น 10 มีล็อบบี้ขนาดใหญ่ มีออดิทอเรียมขนาด 300 ที่นั่ง เป็นห้องโค้งพร้อมสโลปชั้นบันไดคล้ายโรงหนังไอแมกซ์ ไอคอนสยาม มีจอแบบแอลอีดีขนาดใหญ่ ระบบแสงสีเสียงครบ เมื่อเทียบกับตึก สตง.และไอแมกซ์ จะเห็นว่าตึกคมนาคมอลังการเวอร์ มีพื้นที่ 631 ตารางเมตร ใหญ่กว่าไอแมกซ์เกือบเท่าตัว” นายสุรเชษฐ์ สส.พรรค ปชน.รายนี้ระบุ 

นายสุรเชษฐ์ยังกล่าวว่า ส่วนชั้น 8 เป็นห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ 100 ที่นั่ง มีขนาด 1,000 ตารางเมตร ห้องสกุณตลา โรงแรมเพนนินซูลา ยังแค่ 520 ตารางเมตร ห้องแกรนด์บอลรูม ไฮแอท สุวรรณภูมิ ยังแค่ 814 ตรางเมตร ตึกคมนาคมเฉพาะค่าตบแต่งฝ้าพื้นผนัง 3.3 ล้านบาท ห้องประชุมขนาดใหญ่ 424 ตารางเมตร มีเวทีขนาด 31.5 ตารางเมตร มีจอแอลอีดีพร้อมแสงสีเสียงแบบจัดเต็ม แค่โคมไฟก็ราคา 1 ล้านบาทแล้ว จะใช้ไว้จัดคอนเสิร์ตหรืออย่างไร

จากนั้นเวลา 12.05 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ชี้แจงว่า กรณีที่ สส.บางคนเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่างกฎหมายงบประมาณไปปรับปรุง ไม่สามารถทำได้ เพราะจะไม่ทันรอบการใช้งบประมาณ ทั้งนี้ การพิจารณาปรับแก้ ปรับเปลี่ยนมีความยืดหยุ่นเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น ประเทศไทยมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

นายจุลพันธ์กล่าวว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายประเทศไทยจะกลายเป็นรัฐล้มเหลว และถูกนำไปขยายความ ตนขอชี้แจงว่า ประเทศไทยไม่ใกล้เคียงกับรัฐล้มเหลว เพราะไม่มีสงครามกลางเมือง รัฐบาลควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินได้ครบถ้วน ไม่มีการบุกรุกพื้นที่ชายแดน กรอบอาณาบริเวณของความเป็นรัฐไม่เกิด

 “ผมทราบว่าท่านทราบดีว่าไม่ใช่และไม่ใกล้เคียง แต่เป็นโวหารทางการเมือง แต่เมื่อสื่อสารและถูกนำไปเล่น ควรรับผิดชอบในการใช้คำ ท่านไม่ชอบรัฐบาลได้ แต่ต้องรักษาประเทศ การสะท้อนมุมมองเชิงลบที่ใช้ในรัฐสภา ทำให้มุมมองต่อประเทศไทยเป็นไปในเชิงลบ ทั้งผมและท่าน และที่คนเรียนรัฐศาสตร์ก็รู้ไม่ใกล้เคียงเลย ผมขอยืนยันไม่มี คำคำนี้ ท่านไม่ชอบรัฐบาลได้ แต่อย่าใช้คำว่ารัฐล้มเหลว เพราะไม่ใช่และใกล้เคียงเลย” นายจุลพันธ์ชี้แจง

สว.ขยับตั้ง กมธ.งบฯ 69

เวลา 13.00 น. น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรค ปชน. ลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายของปีนี้ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม และการยกระดับภาคเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน รวมถึงการเสนอแนวทางการพัฒนาท้องถิ่นในเขตแหลมฉบังและอ่าวอุดม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายครั้งนี้ น.ส.กฤษฎิ์ได้นั่งอยู่ในโซนของพรรคกล้าธรรม ทั้งมีการขยับป้ายก่อนการขึ้นกล่าวอภิปราย และได้ใช้เวลาในการอภิปรายในสัดส่วนของฝ่ายรัฐบาลด้วย

เวลา 13.11 น. นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ขอเป็นตัวแทนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 7,850 ทั้งประเทศ ในการจัดทำงบประมาณปี 69 ต้องขอบคุณรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นำร่างรายจ่ายงบประมาณ 3.78 ล้านล้านบาท เข้าสู่สภา เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2568 จำนวน 27,000 ล้านบาท

ต่อเวลา 14.06 น. นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายงบประมาณของกรมการข้าว ใช้งบประมาณผิดทิศผิดทางมาตลอด 2 ปี

เวลา 14.55 น. น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อภิปรายสนับสนุนโดยเฉพาะในส่วนงบประมาณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมยืนยันสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 นี้ และขอให้กระทรวงเกษตรฯ ใช้งบอย่างกล้าทำและจริงใจ เพื่อเปลี่ยนที่ดินให้เป็นทุนชีวิตของเกษตรกรไทยทุกคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายครั้งนี้ น.ส.กาญจนาได้นั่งอยู่ในพื้นที่ของพรรคกล้าธรรม และได้ใช้เวลาในการอภิปรายในสัดส่วนฝ่ายรัฐบาลของพรรคกล้าธรรมด้วย

วันเดียวกัน ภายหลังที่ประชุมวุฒิสภา มีการลงมติงดใช้ข้อบังคับการประชุม ข้อ 138 เป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรจะยังมิได้ลงมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายฉบับดังกล่าว ผลปรากฏว่า เห็นด้วย 170 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 9 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 4 เสียง โดยตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา จำนวน 45 คน

ทั้งนี้ ในการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณฯ วุฒิสภาจะต้องให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 20 วันนับแต่วันที่ร่าง พ.ร.บ.นั้นมาถึงวุฒิสภา ตามมาตรา 143 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 6 มิ.ย. แต่เนื่องจาก สว.บางคนอาจไม่สะดวก จึงยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่แน่นอน และคาดว่าจะมีการเสนอชื่อ นายอลงกต วรกี สว. ซึ่งทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณอยู่แล้ว เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ชุดนี้ 

"เหตุผลในการตั้ง กมธ.คู่ขนานกันไปนั้น เป็นไปเพื่อให้เกิดความราบรื่น และทันการปิดปีงบประมาณในช่วงเดือน ก.ย. เพราะหากรอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแล้วเสร็จ อาจต้องใช้เวลาไปถึงเดือน ส.ค." แหล่งข่าวระบุ.