DSIส่งปปช.ฟัน70ราย ฮั้วประมูลตึกสตง.ถล่ม

ดีเอสไอเผยขบวนการฮั้วประมูลสัญญา สตง. ล็อกสเปก-ปลอมเอกสารบุคลากร ส่งสำนวน ป.ป.ช.ไต่สวน 70 ราย ทั้งผู้บริหารระดับสูงและกรรมการ 10 ชุด   พร้อมเร่งสอบคดีนอมินี-ฝุ่นแดงเหล็กไม่ได้มาตรฐาน

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)   ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 58/2568 กรณีตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาการออกแบบ  สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน ในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวพันกันในส่วนของตำแหน่งหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  ดำเนินการไต่สวน

รองอธิบดีดีเอสไอเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 3   มิ.ย. มีการนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าว วันนี้ตนได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อสอดคล้องข้อเท็จจริงกับเรื่องการสอบสวน ซึ่งที่จริงแล้วคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการประชุมตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการสรุปสำนวนคดีพิเศษที่ 32/2568 และได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ ในรายละเอียดคดีพิเศษที่ 32/2568 จะเป็นการดำเนินการในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 กรณี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10  (ประเทศไทย) จำกัด มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 ราย จึงทำให้เราพบความเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 2 ส่วน คือ 1.คดีฮั้วประมูล (คดีพิเศษที่ 58/2568) และ 2.คดีนอมินีภาคสอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ให้ข้อมูล

ทั้งนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการออกเลขรับเป็นคดีพิเศษอีกหนึ่งสำนวน โดยจะมีบริษัท 16 รายเกี่ยวข้อง แต่จะต้องมีการคัดกรอง เบื้องต้นอาจจะมีประมาณ 4 บริษัท ซึ่งถ้าหากมีความคืบหน้าอย่างไรจะได้แจ้งรายงานให้ทราบอีกครั้ง รวมถึงกรณีฝุ่นแดง เหล็กไม่ได้มาตรฐาน ก็ขอให้พนักงานสอบสวนได้ใช้เวลาในการทำสำนวนอีกสักระยะ

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับคดีพิเศษที่ 58/2568 คดีฮั้วประมูล ดีเอสไอได้สรุปว่ามีกรณีที่มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.ผู้บริหารองค์กรอิสระ 2.คณะกรรมการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จำนวน 10 คณะ ทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน และ 3.คณะกรรมการการออกแบบวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 27 จำนวน 15 ราย รวมทั้งหมดประมาณ 70 ราย จะได้สรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ภายในสัปดาห์นี้ ไม่เกินสัปดาห์หน้า

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวด้วยว่า กรณีที่ดีเอสไอดำเนินคดีจากที่มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ และพบพยานหลักฐานการฮั้วประมูลนั้น มาจากการควบคุมงาน ที่รับผิดชอบดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า PKW ซึ่งรายละเอียดของการควบคุมงานจะมีการให้คะแนนทั้งหมด 3 หมวด คือ การดำเนินงาน บุคลากร และเรื่องอื่นๆ รวม 100 คะแนน  แต่ในส่วนที่ดีเอสไอพบการกระทำความผิดคือ  บุคลากร เพราะมีการปลอมลายมือชื่อแล้วเอาชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาดำเนินการเสนอราคาในการคัดเลือก จึงพบความผิดดังกล่าว และได้กล่าวหาดำเนินคดีกับกิจการร่วมค้า PKW รวม 6 ราย

 (1.บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด 2.นายปฏิวัติ ศิริไทย 3.บริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 4.นายกฤตภัฏ ปล่องกระโทก 5.บริษัท ว. และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด โดยนายโชควิชิต ลักษณากร หรือ นายพลเดช เทอดพิทักษ์วานิช และนางปราณีต แสงอลังการ และ 6.นายพลเดช เทอดพิทักษ์วานิช) อีกทั้งรายละเอียดมันเชื่อมโยงกันทั้งหมด รวมถึงมีผู้ต้องหาหนึ่งในนี้ มีการกล่าวหาว่าเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการจัดฮั้วประมูล ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง จึงทำให้คดีทั้งหมดเกี่ยวข้องกัน และอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 61 ดีเอสไอจึงต้องส่งรายละเอียดให้ ป.ป.ช. ตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคล 2 รายที่มากล่าวโทษผู้บริหารของ สตง. ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษตามมาตราใดของ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ร.ต.อ.สุรวุฒิระบุว่า ตามกฎหมาย เขามีการกล่าวหาในพฤติการณ์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องการทุจริต เรื่องการล็อกสเปก และการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสัญญา โดยเฉพาะมาตรา 10 มาตรา 11 มาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการไต่สวนความผิด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทาง  สตง.ได้มีเจ้าหน้าที่มาให้การรายละเอียดเรื่องของการดำเนินการกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด รวมทั้งเป็นพยานสำคัญในการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย

ร.ต.อ.สุรวุฒิระบุถึงกรณีของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างฯ พบว่ามีการกล่าวหาในเรื่องของการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน แต่ที่พบชัดเจนคือ การควบคุมงาน เพราะใช้วิธีการคัดเลือก ซึ่งตามกฎหมาย หากคัดเลือกเสร็จแล้ว จะต้องมีหนังสือเชิญชวนไม่น้อยกว่า 3 ราย แต่ในส่วนนี้ทราบว่ามีการเสนอไป 19 ราย ซึ่งในส่วนของกิจการร่วมค้า PKW พบว่ามี 1 ใน 19 ราย คือ บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ส่วนอีก 2 บริษัทคือ บริษัท ว.  และสหายคอนซัลแตนตส์ จำกัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ไม่ได้เข้ามาอยู่เสนอราคาด้วย แต่ทางผู้ดำเนินการได้มีการขอยกเว้นหลักเกณฑ์ เสนอไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ตามมาตรา 29 เพื่อให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎกระทรวง ซึ่งกรณีเช่นนี้จึงทำให้มีการกล่าวหาว่าการยกเว้นดังกล่าวมันเป็นการเอื้อต่อกิจการร่วมค้า PKW อย่างไรก็ดี จากพยานหลักฐานพบว่ามีการดำเนินการยกเว้นจริง ส่วนจะมีการเอื้อหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้ไต่สวน ส่วนจะมีผู้บริหารของ สตง. เป็นผู้เซ็นอนุมัติหรือไม่ เป็นรายละเอียดภายในสำนวน

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวถึงข้าราชการ 3 กลุ่มที่ถูกกล่าวหาในเรื่องการฮั้วประมูลว่า กลุ่มที่ 1 มีการกล่าวหาผู้บริหารว่ามีการล็อกสเปกเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นเรื่องของการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในเรื่องของการเป็นกรรมการชุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินงาน การตรวจการจ้าง หรือการดำเนินการวิธีการต่างๆ ซึ่งส่วนนี้มีจำนวน 10 คณะ ตามที่ตนได้เรียนแจ้งไปข้างต้น ขณะที่กลุ่มที่ 3 เป็นเรื่องของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย หรือปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560

เมื่อถามว่า สังคมมีการตั้งคำถามว่าผู้บริหาร สตง.ชุดปัจจุบันไม่มีความผิดหรือความเกี่ยวข้องเลยใช่หรือไม่ โดยเฉพาะในสำนวนที่ดีเอสไอต้องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิชี้แจงว่า อย่างไรต้องรอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนก่อน เพราะมันเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อถามย้ำว่าสำนวนที่ดีเอสไอต้องส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภายในกรอบสัปดาห์ มีชื่อของนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าฯ สตง.คนปัจจุบันรวมอยู่ใช่หรือไม่ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่า ก็อยู่ในสำนวนนั้นทั้งหมด ก็มีผู้บริหารตั้งแต่ต้น แล้วก็มีคณะกรรมการต่างๆ ที่มีหลายหน่วยงานรวมอยู่ในนั้น และคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ รวมแล้ว 3 กลุ่ม ประมาณ 70 รายชื่อที่มีการกล่าวหา แต่อย่างไรก็ต้องรอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนก่อน ทั้งนี้ ในส่วนที่ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินคดีเองก็คือผู้บริหาร 6 รายของกิจการร่วมค้า PKW

ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวด้วยว่า ระหว่างนี้จะได้ให้เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมืองเข้ามาดำเนินการคัดเอกสาร เนื่องจากดีเอสไอได้มีการตรวจค้นทั้งหมด 3 ครั้ง แล้วพบว่าในการตรวจค้นครั้งที่ 2 มีเอกสารกว่า 121 ลัง จึงต้องพยายามคัดให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามคำกล่าวหา และให้อยู่ในประเด็นในสำนวน หากเอกสารส่วนไหนไม่เกี่ยวข้อง ก็จะต้องคืนกลับไป และเราจะเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้  รวมถึงเรื่องเอกสารการตรวจค้นจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ต้องส่งผลรายงานมาด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.