
มติที่ประชุมเหล่าทัพแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันชัดเจนสนับสนุนภารกิจ "ทัพบก" เต็มขีดความสามารถในการรักษาอธิปไตย "ผบ.ทร." เอาจริง ลั่นต้องผลักดันผู้รุกล้ำ ยันสนับสนุน “ทบ.-ทอ.” เต็มที่ ขอให้รัฐบาลสั่งมาแม้ตีฝ่าขึ้นระยะไกลก็ไม่หวั่น “เพจกองทัพ” ออกแคมเปญ 6.6 “เอฟ 16” พร้อมปฏิบัติการ “กัมพูชา” ขนทหาร 12,000 นายแน่นช่องบก พร้อมสรรพาวุธหนักอื้อ
เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิ.ย.2568 กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ณ กองบัญชาการกองทัพอากาศ โดย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุม โดย ผบ.ทสส.ได้กล่าวขอบคุณกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมกันปฏิบัติภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะการรักษาอธิปไตยบริเวณแนวชายแดนในทุกสถานการณ์ พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกเหล่าทัพได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมสนับสนุนกองทัพบกในทุกมิติ
ทั้งนี้ กองทัพบกได้ชี้แจงว่าเหตุปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นระหว่างทหารไทยทำการลาดตระเวนในพื้นที่ประเทศไทย และถูกฝ่ายทหารกัมพูชาเปิดฉากการยิง จึงได้ยิงตอบโต้ ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการชี้แจงผ่านช่องทางทางการแล้วโดยครบถ้วน ผ่านกลไกการเจรจาที่ทั้งสองประเทศเคยตกลงกันไว้ แต่กลับไม่ส่งผลในการคลี่คลายสถานการณ์เท่าที่ควร อีกทั้งยังตรวจพบการเพิ่มเติมกำลังของทหารฝ่ายกัมพูชา ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ผบ.ทบ.จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยยกระดับความพร้อมของกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และแผนเผชิญเหตุเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หากจำเป็นต้องดำเนินมาตรการทางทหารเพื่อตอบโต้การรุกล้ำอธิปไตยและปกป้องคุ้มครองประชาชน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบการเตรียมการสนับสนุนจากทุกเหล่าทัพเพื่อปกป้องประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการดำเนินการด้านการข่าวร่วม ด้านยุทธการร่วม ด้านส่งกำลังบำรุงร่วม และสนับสนุนข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการอื่นๆ ของรัฐบาล และเตรียมชี้แจงผู้ช่วยทูตทหารต่างชาติในประเทศไทย รวมถึงผู้ช่วยทูตทหารไทยในต่างประเทศให้รับทราบข้อเท็จจริงและแนวทางการดำเนินการของรัฐบาลและกองทัพไทยในการคลี่คลายสถานการณ์ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ยืนยันจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเด็ดขาด โดยสั่งให้ตำรวจตระเวนชายแดนและหน่วยตำรวจในพื้นที่ชายแดนเตรียมความพร้อมเต็มรูปแบบ ทั้งด้านกำลังพล อาวุธ และยุทโธปกรณ์ รวมถึงจัดทำแผนเผชิญเหตุ เพิ่มมาตรการสืบสวนหาข่าวเชิงลึก และเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการเผยแพร่ข่าวปลอม
"กองทัพไทยขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ และรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน พร้อมทั้งขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยร่วมใจเป็นหนึ่งเดียว และร่วมเป็นพลังสำคัญในการธำรงความมั่นคง สันติสุข และความสามัคคีของชาติไทยอย่างยั่งยืน"
ด้าน พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกองทัพเรือกัมพูชาประกาศซ้อมรบโดยใช้กระสุนจริงว่า กองทัพเรือกัมพูชาว่างเว้นจากการซ้อมมานาน หากเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือของกัมพูชา เมื่อรัฐบาลสั่งการให้เขาต้องมีความพร้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องดำเนินการ ดังนั้น อย่าไปตื่นเต้นตกใจว่าทางกัมพูชามีการแอ็กชันหรือแสดงออกกันช่วงนี้
เมื่อถามว่า การฝึกของกองทัพเรือกัมพูชาใกล้กับเกาะกูด จ.ตราดของไทย พล.ร.อ.จิรพลกล่าวว่า ทางกัมพูชาทราบอยู่แล้วว่าพื้นที่ใดเป็นของใคร ซึ่งกองทัพเรือไทยก็จะดูแลในพื้นที่ของเรา ส่วนกัมพูชาก็จะอยู่ในพื้นที่ของเขา ฉะนั้นไม่ต้องตื่นเต้นและตกใจ
เมื่อถามว่า ท่าทีการแสดงออกของกัมพูชาช่วงนี้ประเมินนัยการข่าวว่ามีอะไรสำคัญหรือไม่ พล.ร.อ.จิรพลกล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้ว เนื่องจากเกิดความตึงเครียดขึ้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี และความตั้งใจของรัฐบาลถูกถ่ายทอดไปยังเหล่าทัพต่างๆ ฉะนั้นกองทัพเรือของกัมพูชาว่างเว้นจากการซ้อมรบมานาน เมื่อมีคำสั่งมาเขาก็ต้องแอ็กชัน ขณะเดียวกันกองทัพเรือไทยเรามีการตรวจความพร้อมในพื้นที่ที่เราดูแลเช่นเดียวกัน ปัจจุบันเรามีพื้นที่ติดกับฝั่งกัมพูชาภายใต้การดูแลของ ทร. โดยทางบกอยู่ จ.จันทบุรีกับ จ.ตราด
“เราเตรียมเรียบร้อย และกำลังทางเรือที่ในพื้นที่ที่ติดกัน หมู่เรือป้องกันชายแดน อาทิ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นชต.), หน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.) 182 หรือกองบัญชาการเกาะกูด ที่กองทัพเรือได้ทำการฝึกยิงอาวุธจริงไป ย้ำว่าไม่จำเป็นต้องไปโชว์ใคร เราฝึกกันทุกปี”
เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ตึงเครียดและมีคำสั่งจากรัฐบาลในการผลักดันให้ทหารกัมพูชาออกไปนอกเขตพื้นที่ กองทัพเรือพร้อมสนับสนุนกองทัพบกหรือไม่ พล.ร.อ.จิรพลกล่าวว่า ขอให้ร้องขอมาได้เลย เรามีแผนในแต่ละระดับ ทั้งระดับป้องกันชายแดนหรือแผนป้องกันประเทศ อยู่ที่คำสั่งการจากส่วนกลาง เพียงขอให้สั่งมา หรือจะใช้กองทัพเรือพัฒนาแผนใหม่ก็ยังได้ จะให้เข้าตีจากพื้นที่ที่ได้รับผิดชอบไปช่วยที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี โดยฝ่าขึ้นไป ถ้าสั่งมาเราก็พร้อมทำ
“ยืนยันว่ากองทัพเรือมีความพร้อมที่จะสนับสนุน ทั้งกองทัพบกและกองทัพอากาศ เมื่อรัฐบาลมีคำสั่งให้ดำเนินการ ไม่ว่าจะเอาอะไรก็ตามเรามีความพร้อม” พล.ร.อ.จิรพลระบุ
ถามว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่ต้องผลักดันทหารกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามา 200 เมตรออกไป พล.ร.อ.จิรพลตอบว่า “แผ่นดินที่เป็นของไทยก็ไม่ควรให้มีใครเข้ามาใช้ประโยชน์ เมื่อเขาเข้ามาเราก็ต้องผลักดันออกไปเท่านั้นเอง”
ด้านนายเดชาธร จันทร์อบ นายก อบต.เกาะกูด จ.ตราด กล่าวถึงการซ้อมรบของกัมพูชาว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะกัมพูชาก็ซ้อมรบแบบนี้อยู่ทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้อาจดูแปลกหน่อย และมีการปล่อยข่าวออกมาล่วงหน้าว่าจะซ้อมด้วยกระสุนจริง ซึ่งไม่น่ามีอะไร แต่อาจมีการเฝ้าระวังและติดตามจากหน่วยความมั่นคงของทหารเรือและหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.เกาะกูด) ที่เป็นทหารเรืออยู่เช่นกัน เพื่อติดตามการซ้อมรบครั้งนี้
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางไปประชุมติดตามสถานการณ์และตรวจเยี่ยมความพร้อมกำลังพลในพื้นที่ ณ ห้องประชุมสุขวิมล กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.อุบลราชธานี โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดชายแดน ติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง บังคับใช้กฎหมายให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ขอให้ทุกนายตั้งมั่นและร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถ” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐระบุ
วันเดียวกัน ในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะเพจกองทัพบก Royal Thai Army ได้ปล่อยเพลง “แผ่นดินของเรา” ซึ่งขับร้องโดยนายสันติ ลุนเผ่ ส่วนเพจเฟซบุ๊กกองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force โพสต์ข้อความระบุว่า หกเดือนหก (6.6) กองทัพอากาศ เตรียมความพร้อมสั่งวันนี้ ส่งทันทีถึงที่หมาย ฝูงบิน 103 กองบิน 1 เครื่องบิน F-16 นามเรียกขาน Lightning ติดตั้งระเบิด พร้อมขึ้นปฏิบัติการสายฟ้าฟาด ปกป้องอธิปไตย ต่อมาเพจเฟซบุ๊กกองทัพบก โพสต์ข้อความตามกระแสกับโปรโมชั่น 6.6 เช่นกันว่า ARMY ส่งด่วนที่ไหนเมื่อไรพร้อมไปตลอดเวลา ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย
ส่วนที่กองบิน 3 จังหวัดสระแก้ว ได้ซ้อมแผนกางม่านเหล็กระบบป้องกันฐานบิน ในภาวะที่สถานการณ์ชายแดนต้องจับตาเป็นพิเศษ โดยระบุว่า การฝึกและเตรียมความพร้อมของขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของเรานั้น คือคำประกาศที่ชัดเจนที่สุดว่า เราเห็น เรารู้ และเราพร้อม ความพร้อมรบของเราในวันนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อรุกราน แต่มีไว้เพื่อป้องปราม และตอบโต้หากอธิปไตยของชาติถูกคุกคาม
ที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ต.ตะกาง อ.เมืองฯ จ.ตราด น.อ.ภริศวร์ วงษ์เพ็ญศรี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด สั่งการให้กองพันทหารราบหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (พัน.ร.ฉก.นย.ตราด) ฝึกทบทวนการใช้อาวุธ และการปฏิบัติทางทหาร เพื่อดำรงความพร้อม และเพิ่มความมั่นใจให้กับกำลังพลของหน่วย อีกทั้งเป็นเตรียมความพร้อมในด้านองค์บุคคล ยุทโธปกรณ์ เพื่อดำรงขีดความสามารถ และพร้อมที่จะรับภารกิจจากหน่วยเหนือทุกสถานการณ์ เมื่อมีการสั่งในการปฏิบัติหน้าที่ชายแดน
ที่จุดตรวจเฟื่องฟ้า ร้อย ฉก.ตชด.ตราด ชายแดนจังหวัดตราด พ.ต.อ.พรชัย แช่มช้อย ผู้บังคับชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 พร้อมด้วย พ.ต.ท.คณิศร์ ผิวขาว รองผู้บังคับชุดควบคุมฯ ในฐานะรองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 ได้เดินทางตรวจเยี่ยมความพร้อมให้การสนับสนุนและเป็นกำลังเสริมเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณชายแดนจังหวัดตราดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา
รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก เผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีการเคลื่อนกำลังทหาร อาวุธหนักเข้าพื้นที่ต่อเนื่อง โดยกัมพูชาเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่พร้อมนำอาวุธเข้ามาประจำการต่อเนื่องโดยมีกำลังพลประมาณกว่า 10,000 นาย แต่หลังเกิดเหตุปะทะช่องบก กัมพูชาได้เพิ่มกำลังทหารเข้ามาเสริมอีกกว่า 3,000 นาย ทำให้มีทหารกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ช่องบก กระจายอยู่ในพื้นที่เนิน 745 เนิน 641 และตรงพื้นที่มอมเบย์ (ศาลาตรีมุข) จำนวน 12,000 นาย
โดยกำลังทหารกัมพูชาได้นำอาวุธหนักตั้งเต็มพื้นที่ชายแดน พร้อมหันปลายกระบอกปืนมายังฝ่ายไทย โดยมีอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ เครื่องยิงจรวด 4 ลำกล้องติดตั้งบนรถบรรทุก 6 ล้อ และรถบรรทุกจรวด 60 ลูก 1 คันจรวดหลายลำกล้อง RM-70 ขนาด 122 มม., ปืนสั้น SH-1A ขนาด 155 มม., รถเรดาร์อุตุนิยมวิทยา 702D, รถถังรุ่น T-55 ปืนใหญ่ขนาด 130 มม., M-64 ปืนใหญ่ขนาด 122 มม., ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 23 มม., ZU-23 จรวดต่อสู้อากาศยานระดับเพดานต่ำ, QW-3 ปืนไร้แรงสะท้อนขนาด 82 มม., ปืน ค.60, ปืนกลหนัก 12.7 มม., ปืนใหญ่ลากจูง ป.125 มม.TYPE-85 จากจีน, ปืนใหญ่ลากจูง ป.อัตราจร ขนาด155 มม. SH1A จากจีน, เครื่องยิงลูกระเบิดกึ่งอัตโนมัติรุ่น LG-4 จากจีน และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 สหภาพโซเวียต.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121 ล้าน สร้างรั้วชายแดน บังเกอร์ หลุมหลบภัย ถนนตรวจการณ์
ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิง
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


