อัยการธนกฤต แนะอย่ากังวล ปมไปศาลโลก

"อัยการธนกฤต" ระบุคนไทยไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจ ประเด็นกัมพูชาฟ้องศาลโลกปมปราสาทตาเมือนธม เพราะไทยประกาศชัดไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503  แล้ว เขมรก็รู้ดี

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์พิเศษผู้บรรยายวิชากฎหมายวิธีพิจารณาความ  และกฎหมายพยานหลักฐาน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รามคำแหง, นิด้า และแม่ฟ้าหลวง   ได้ให้ความเห็นกรณีเมื่อกัมพูชาจะฟ้องไทยต่อศาลโลกว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 ว่าประเทศกัมพูชาจะนำข้อพิพาทเรื่องพรมแดนช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice :ICJ)   หรือที่เรียกกันอย่างไม่เป็นทางการว่า “ศาลโลก”  และเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 รัฐบาลไทยได้ออกแถลงการณ์ว่า ประเทศไทยได้ประกาศไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 แล้ว

จึงมีประเด็นที่ควรพิจารณาว่า ถ้าประเทศกัมพูชาจะนำกรณีพิพาทเรื่องพรมแดนดังกล่าวขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลก จะสามารถทำได้หรือไม่ และประเทศไทยจะต้องดำเนินการต่อกรณีนี้อย่างไร

ในกรณีที่มีข้อพิพาทระหว่างรัฐเกิดขึ้น ตามธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ค.ศ.1945 (Statute of the International Court of Justice  1945) มาตรา 36 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกว่า “ศาลโลก” ตามที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกัน จะมีอำนาจพิจารณาคดีข้อพิพาทนั้น ก็ต่อเมื่อรัฐซึ่งเป็นคู่ความในคดีทั้งสองฝ่ายให้ความยินยอมด้วยการแสดงเจตนายอมรับเขตอำนาจของศาลโลก

ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชาทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี  จึงได้ออกแถลงการณ์โดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า “ประเทศกัมพูชาหวังว่าประเทศไทยจะให้ความร่วมมือในการเสนอกรณีพิพาทเรื่องพรมแดนไปยังศาลโลกร่วมกัน โดยคำนึงถึงความยุติธรรม การสร้างความไว้วางใจ มิตรภาพระยะยาว และความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี”

               อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกัมพูชาย่อมตระหนักได้อย่างชัดแจ้งว่า ประเทศไทยซึ่งประกาศไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลโลก ต้องไม่ให้ความยินยอมในการนำข้อพิพาทเรื่องพรมแดนดังกล่าวขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลกอย่างแน่นอน  รัฐบาลกัมพูชาจึงได้มีแถลงการณ์อีกตอนหนึ่งว่า  “หากไม่ได้รับความร่วมมือจากประเทศไทย  ประเทศกัมพูชาพร้อมที่จะดำเนินการอย่างอิสระ”  

ข้อความในแถลงการณ์ตอนนี้รัฐบาลกัมพูชาต้องการจะประกาศให้รัฐบาลไทยทราบว่า  ประเทศกัมพูชาจะเสนอคดีข้อพิพาทเรื่องพรมแดนต่อศาลโลกไปเพียงลำพัง แม้ไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศไทย ซึ่งตามธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ประเทศกัมพูชาสามารถดำเนินการในการเสนอคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลกได้ แม้ไม่ได้รับความยินยอมจากประเทศไทย ด้วยการยื่นคำขอเริ่มกระบวนพิจารณาคดี (application instituting proceeding) ไปเพียงฝ่ายเดียวต่อศาลโลก โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากประเทศไทยก่อน แต่ประเทศไทยซึ่งประกาศไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลโลกมาเป็นเวลานานแล้ว ย่อมมีสิทธิปฏิเสธอำนาจของศาลโลกในการพิจารณาคดี และขอให้ศาลโลกพิจารณายกฟ้องประเทศกัมพูชาได้ อันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นยื่นคำขอตัดฟ้อง (preliminary objection) ด้วยการต่อสู้ว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลโลก ศาลโลกจึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีดังกล่าวที่ประเทศกัมพูชาเป็นโจทก์ฟ้องคดี

ดังนั้น เมื่อได้ทราบหลักเกณฑ์และกระบวนพิจารณาคดีของศาลโลกดังกล่าวไปแล้ว หากประเทศกัมพูชาจะฟ้องประเทศไทยต่อศาลโลกกรณีพิพาทเรื่องพรมแดนดังกล่าว ประชาชนคนไทยก็ไม่ควรจะต้องตื่นตระหนกตกใจ หรือวิตกกังวลกันแต่อย่างใด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ