ภาคประชาชนหยุดพนันส่งด่วน 53,900 รายชื่อยื่น กกต. เพื่อเสนอ ครม.ทำประชามติ “เอา-ไม่เอากาสิโน” ตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ลั่นอย่าใช้กลไกสภาเสียงข้างมากลากกาสิโน ให้ฟังประชาชนด้วย "สว." วางกรอบพิจารณางบ 69 สร้างมิติใหม่-ทำงานเชิงรุก-สร้างภาพลักษณ์โปร่งใส เพิ่มไลฟ์สดทั้งเฟซบุ๊ก-ยูทูบ พร้อมเชิญภาค ปชช.-เอกชน ร่วมให้ความเห็น 25 ก.ค.นี้
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ วันที่ 12 มิถุนายน มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน พร้อมภาคีเครือข่าย นำโดยนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน พร้อมขบวนไรเดอร์ นำรายชื่อประชาชน 53,900 รายชื่อ ยื่นต่อ กกต. เพื่อให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้มีการจัดทำประชามติ เอา-ไม่เอากาสิโน ตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ
นายธนากรกล่าวว่า การออกเสียงของประชาชนมีการลงทุนลงแรงและความยากลำบากเสมอ กว่าเราจะได้ 53,900 รายชื่อ ใช้เวลานาน 120 วัน เราจึงอยากให้รัฐบาลช่วยฟังเสียงของประชาชนด้วย เพราะนี่คือเสียงของเจ้าของประเทศ และอยากจะวิงวอนต่อรัฐบาลว่าสังคมมีทางออก เราไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งหรือแตกแยก ในเมื่อสังคมและกฎหมายมีทางออก ดังนั้น การทำประชามติจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ดังนี้ 1.เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้เสนอในนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ถ้ารัฐบาลยังดันทุรังทำเรื่องนี้ไป อาจจะถูกร้องเรียนว่าผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งได้ ดังนั้นถ้ารัฐบาลยอมทำประชามติ แล้วถ้าทำออกมาแล้วเสียงเห็นชอบกับการมีกาสิโน นั่นเท่ากับว่ารัฐบาลมีฉันทามติจากเสียงประชาชน
2.ถ้ามีการทำประชามติจะเป็นผลดีทำให้ผู้ลง ทุน เพราะถ้ารัฐบาลยังดึงดันทำเรื่องนี้ ออกกฎหมายไป ในสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายฉบับนี้จะไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคม และเมื่อใดก็ตามที่มีการขยับขับเคลื่อนไปทำกาสิโนที่ไหน ประชาชนในพื้นที่นั้นมีโอกาสสูงมากที่จะลุกขึ้นมาต่อต้าน ดังนั้นการทำประชามติจะเป็นผลดีของการยอมรับของประชาชน และกลุ่มผู้ลงทุนจะได้มั่นใจ และ 3.ทำประชามติจะเป็นผลดีแน่นอนต่อการลดความขัดแย้งประชาชน เพราะเมื่อประชาชนทั้งประเทศฉันทามติร่วมกัน ที่เห็นต่างอย่างไรก็ต้องยอมรับ จึงอยากส่งเสียงวิงวอนไปถึงรัฐบาล ถ้าการทำประชามติจะมีผลดีกับทุกฝ่าย และจะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก และไม่ทำให้เกิดความร้อนของอุณหภูมิทางการเมืองในประเทศ
นายธนากรกล่าวด้วยว่า ตามขั้นตอนต่อจากนี้ ตามกฎหมาย กกต.จะมีเวลาตรวจสอบความถูกต้องไม่เกิน 30 วัน ทั้งเอกสารและขั้นตอนการเข้าชื่อว่าตรงตามเงื่อนไขหรือไม่ จากนั้น กกต.จะทำหน้าที่เป็นบุรุษไปรษณีย์ ส่งเรื่องและรายชื่อทั้งหมดนี้ไปยังสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทางสำนักงานเลขาธิการฯ จะเป็นผู้นำเรื่องส่งต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ซึ่งตามกฎหมายกำหนดว่า ครม.ต้องลงมติเห็นชอบในการทำประชามติ เพราะตราบใดที่เห็นชอบเรื่องนี้ ก็จะเดินหน้าไม่ได้ แม้กฎหมายไม่ได้เขียนระบุชัดถึงการเข้าชื่อ แต่เชื่อว่าทางสำนักเลขาธิการฯ จะมีการตรวจสอบรายชื่ออีกครั้ง และเชื่อว่ารัฐบาลได้ยินเสียงของประชาชนแล้ว
ด้านสมาพันธ์เครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนมัธยม และสมาพันธ์ครูทั่วประเทศ นำความห่วงใยของครูและผู้ปกครองทั่วประเทศที่สะท้อนมา มอบหนังสือให้กับทางเลขาฯ มูลนิธิ เพื่อเป็นพลังร่วมคัดค้านกาสิโนและการพนันออนไลน์ที่รัฐบาลบอกว่าจะทำให้ถูกกฎหมาย ยอมไม่ได้ จึงนำหนังสือและแถลงการณ์มามอบให้กับทางมูลนิธิและเห็นด้วยกับการทำประชามติที่ถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่ใช่ลักหลับเหมือนกับรัฐบาลทำมากว่า 8 หมื่นชื่อ ไม่มีส่วนของภาคประชาชนเลย วันนี้เป็นความบริสุทธิ์โปร่งใสของภาคประชาชนล้วนๆ ที่เราทำงานกันมากว่า 1 ปี ซึ่งต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วมกันลงชื่อ
ที่รัฐสภา สมาชิกวุฒิสภา นำโดยนายอลงกต วรกี สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ติดตามงบประมาณวุฒิสภา และรองประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วุฒิสภา พร้อมด้วยนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะโฆษก กมธ.งบฯ 69 สว. ร่วมแถลงกรอบการพิจารณาของ กมธ.งบฯ 69 สว.
โดยนายพิสิษฐ์กล่าวว่า สว.ไม่มีอำนาจในการขอลดหรือเพิ่มงบประมาณ แต่มีดำริจากนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา, นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล สว. และนายอลงกต ว่าเราจะมีการเพิ่มมิติในการพิจารณางบประมาณปี 69 และ 70 ให้แตกต่างจากที่ผ่านๆ มา เพราะงบประมาณแผ่นดินที่มีความสำคัญต่อการบริหารประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ที่สำคัญคือเป็นเงินของประชาชน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้บทบาทและหน้าที่ของ กมธ.งบฯ 69 สว. จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และเพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มค่ากับภาษีประชาชน
นายพิสิษฐ์กล่าวต่อว่า สว.จึงมีนโยบายดังนี้ 1.การสร้างภาพลักษณ์การทำงานของ สว.ให้เกิดความโปร่งใส และมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนเห็นการพิจารณา สามารถแสดงความคิดเห็นว่างบประมาณที่รัฐบาลนำเสนอตอบโจทย์หรือไม่ มีการให้ภาคประชาชน ภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณา หรือนำเสนองบประมาณ ในวันศุกร์ที่ 25 ก.ค. ณ ห้องประชุมสัมมนา ชั้น B1 อาคารรัฐสภา 2.ต้องทำงานเชิงรุก และ 3.มิติใหม่ในการพิจารณางบประมาณ โดยใช้หลักเกณฑ์ภัยด้านต่างๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านความมั่นคง และด้านการแก้ไขปัญหาด้านภัยพิบัติ และทรัพยากรธรรมชาติ
ขณะที่นายอลงกต กล่าวถึงข้อกังวลที่อาจจะมีการหลุดพูดอะไรในที่ประชุม หากมีการไลฟ์สดนั้น โดย สว.ที่ซักถามในที่ประชุมไม่ได้รับการคุ้มครอง ว่า สว.รับทราบข้อนี้ดี แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชน เพื่อนสมาชิกจึงยอมเสี่ยงที่จะรับผิดชอบตนเองในการซักถาม หรือมีข้อสงสัยกับหน่วยราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วน สส.ไม่มีการเปิดไลฟ์สด เป็นคนละเรื่องกัน เขาทำงานส่วนเขา เราทำงานส่วนเรา
ด้านนายพิสิษฐ์กล่าวเสริมว่า ทาง สว.ได้มีการประชุมกันเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าต้องการเปิดให้มีการไลฟ์สดออนไลน์จากในห้องประชุม ผ่านทั้งทางเฟซบุ๊กและยูทูบ ตั้งแต่ที่หน่วยงานต่างๆ เข้ามาชี้แจง และ สว.สอบถาม เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริงว่างบประมาณที่ทางรัฐบาลจัดสรรมานั้นตรงกับความต้องการของเขาหรือไม่ เราจะไม่เหมือนกับทาง สส.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักวิชาการตบหน้าพ่อ-ลูก จีนอดสูมาเก๊าแหล่งมาเฟีย
"นักวิชาการ" ตบหน้า "พ่อ-ลูก" ชินวัตร ซัด "แพทองธาร" ไม่มีองค์ความรู้
เพื่อไทยตอกยํ้า ขวางนิรโทษ112 หวังเดินหน้าปท.
"วิสุทธิ์" ย้ำจุดยืน "เพื่อไทย" ไม่นิรโทษกรรมความผิด ม.112 ยึดร่าง รทสช.เป็นหลัก
ดีเอสไอจ่อฟัน แก๊งรีดหัวคิว แรงงานเขมร
"ดีเอสไอ" จ่อตั้งข้อหาหนัก "อั้งยี่-ฟอกเงิน" แก๊งรีดหัวคิวแรงงานเขมร
เศรษฐาฝันทรัมป์ลดภาษี20%
“เศรษฐา” ฝันทีมไทยแลนด์เจรจาภาษีทรัมป์ หวังลดอัตราภาษี 20% เท่าเวียดนาม
ปูดดีลลับถอนกาสิโน แลกฮุนเซนไม่ปล่อย‘คลิปลับ’/เร่งออกหมายแดงล่าก๊กอาน
“จตุพร” จับพิรุธ “ทักษิณ” ถอนกาสิโน-แตกหักฮุน เซน วันเดียวกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
มทภ.2ลั่นดีขึ้น ไทยกระสุนพอ เขมรอุ้มก๊กอาน
"ฮุน เซน" โพสต์ถี่ยิบ ยกนิด้าโพล เพ้อหนักอ้างสิ่งที่กลัวที่สุดคือคนไทย "รักฮุน เซน" แต่จะทำให้ตัวเองเป็นคนทรยศต่อเขมร