ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง "สว.สำรอง" ปมขอวินิจฉัยสมาชิกภาพ "สว.ฉัตรวรรษ" สิ้นสุด ชี้ขาดผู้ร้องไร้สิทธิยื่นตาม รธน. มาตรา 82 และ พ.ร.ป.ศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มีมติขีดเส้น 15 วันสั่ง อสส.แจงปมคำร้องคดีฮั้วเลือก สว.ของ "ณฐพร"
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับพิจารณาคำร้อง พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว และคณะ กรณีกล่าวอ้างเป็นคณะบุคคลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 41 มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพวุฒิสภาของ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร และคณะ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 158 (1) หรือไม่ และขอให้มีคำสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องต่อเนื่องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏว่า การที่ผู้ร้องขอให้สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (7) และขอให้มีคำสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย มีลักษณะเป็นการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ที่กำหนดให้เฉพาะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภาหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น
นอกจากนี้ คำร้องมีลักษณะเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ไม่มีบทบัญญัติให้บุคคลมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยหรือคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ร้องจึงไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ประกอบกับไม่ปรากฏสาระสำคัญเพิ่มเติมจากคำร้องเดิมที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
ส่วนกรณีที่ผู้ร้องโต้แย้งว่าตนและคณะไม่ประสงค์ยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 แต่เป็นการยื่นคำร้องโดยอ้างสถานะความเป็นคณะบุคคล ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 7 (5) และมาตรา 41 ไม่ได้เป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวบัญญัติว่า ผู้ที่จะขอให้ศาลวินิจฉัยคดีตามมาตรา 7 จะต้องเป็น "บุคคล คณะบุคคลหรือองค์กรตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่น" เมื่อไม่ปรากฏว่ามีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นให้สิทธิผู้ร้องยื่นคำร้องได้ ดังนั้นจึงไม่อาจยื่นคำร้องโดยอาศัยช่องทางดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่นายณฐพร โตประยูร (ผู้ร้อง) ยื่นขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยอ้างว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ถูกร้องที่ 1 และเลขาธิการ กกต. ผู้ถูกร้องที่ 2 จัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภาไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน และเอื้อประโยชน์ให้พรรคภูมิใจไทย ผู้ถูกร้องที่ 3 กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยผู้ถูกร้องที่ 4 สมาชิกวุฒิสภา รายชื่อปรากฏตามสำนวนการสอบสวนของ กกต. ผู้ถูกร้องที่ 5 นายเนวิน ชิดชอบ ผู้ถูกร้องที่ 6 นางกรุณา ชิดชอบ ผู้ถูกร้องที่ 7 นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ กับพวก ผู้ถูกร้องที่ 8 นายศุภชัย โพธิ์สุ ผู้ถูกร้องที่ 9 นางสาววาริน ชิณวงศ์ ผู้ถูกร้องที่ 10 นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ผู้ถูกร้องที่ 11 และนายสุบิน ศักดา ผู้ถูกร้องที่ 12 ร่วมกันกระทำการโดยทุจริตในกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา
ซึ่งนายณฐพรผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 15 พ.ค.68 แต่อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม นายณฐพรผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงที่ 12 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และสั่งให้เลิกการกระทำดังกล่าว และสั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ที่ 2 ที่ 5 รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคภูมิใจไทย รายชื่อตามสำนวนการสอบสวนของ สำนักงาน กกต. หยุดปฏิบัติหน้าที่นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ในชั้นนี้ จึงให้มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่า ได้ดำเนินการตามคำร้องของนายณฐพรผู้ร้องไปแล้วอย่างไร และรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด โดยให้จัดส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
งัด3มาตรการ คุม‘เทรดทอง’ สกัดบาทแข็ง
“คลัง” ผนึก “แบงก์ชาติ” เข็น 3 มาตรการคุมธุรกรรมซื้อขายทองออนไลน์
ศาลสั่ง‘กกต.’แจง10ข้อ ใช้อำนาจมิชอบคดีฮั้วสว.
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่ง 7 กกต.และเลขาฯ แสวง แจง 10 ข้อหาคดีฮั้วเลือก สว.
‘Bike for Mom’700กม. วธ.รับไม้จันทน์หอม25ธ.ค.
"หม่อมเจ้าศรีสว่างวงศ์" ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย "พระพันปีหลวง"
ตั้งทีมสอบประชานิยม/44ส้มระทึก
กกต.ลั่นคุมเข้มนโยบายประชานิยมหาเสียง ตั้ง คกก.ตรวจสอบเงินที่ใช้-วิเคราะห์ผลกระทบ ชี้ชัด "อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์" สมัคร สส.
เปิดฉากเจรจาจีบีซี ไทยทุบโต๊ะเขมรต้องหยุดยิงจริง/บัวแก้วสวน‘ทรัมป์’
"อนุทิน" เมิน "ทรัมป์" บอกไทยเริ่มยิงกัมพูชาก่อน บอกทุกคนรู้ความจริง
ชวนซื้อOTOP ช่วยคนในชาติ ที่กำลังลำบาก
นายกฯ เปิดงาน OTOP CITY 2025 ปลื้มตียอดแตกรายได้มากกว่าทุกปี

