“คลัง” แนะ 4 ข้อเสนอ “แบงก์ชาติ” หนุนนโยบายการเงินการคลังมากขึ้น กระทุ้งเงินเฟ้อให้เข้ากรอบ ดูแลอัตราแลกเปลี่ยน เร่งอัดฉีดสินเชื่อ-สภาพคล่องเข้าระบบ ปัดสั่งการแทรกแซง "พิชัย" จ่อชงบอร์ดกระตุ้น ศก.เคาะงบแสนล้าน แย้มเริ่มเจรจาภาษีทรัมป์ ยื่นข้อเสนอทางการสัปดาห์นี้ ครม.ไฟเขียวไทยเสนอตัวเจ้าภาพจัด "F1" 5 ปี วงเงิน 4 หมื่นล้าน “สตง.” ทำหนังสือด่วนถึง "อธิบดี สถ." เตือนเร่งของบใน 3 วัน เปิดช่องเรียกรับผลประโยชน์
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2567 (ก.ค.-ธ.ค.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อรายงานดังกล่าว ใน 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1.ให้มีการสอดประสานกันระหว่างนโยบายการเงินและนโยบายการคลังให้มากขึ้น โดยในฐานะที่กระทรวงการคลังดูแลเรื่องมาตรการทางการคลัง และ ธปท.ดูแลมาตรการทางการเงิน ดังนั้นควรพิจารณาร่วมกันในภาพใหญ่ และต้องมีนโยบายที่สอดประสานกันในหลายๆ มิติ เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 2.ให้ดูแลเรื่องอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายตามที่ได้มีการหารือกันในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำจนถึงติดลบ ดังนั้นสิ่งที่ต้องดำเนินการคือทำให้ในส่วนนี้เป็นไปตามกรอบเป้าหมาย ส่วนวิธีการว่าจะต้องทำอย่างไร เชื่อว่าเรื่องนี้ ธปท.รู้ดีอยู่แล้ว
3.ให้พิจารณาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และ 4.ให้พิจารณาสินเชื่อและสภาพคล่อง เพื่อให้มีการปล่อยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันจะเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น จึงอาจเป็นผลให้สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งเมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ หากหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่รีบทำอะไรเลย สถาบันการเงินก็จะจำกัดการปล่อยสินเชื่อโดยอัตโนมัติ อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจให้มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น
“ข้อเสนอแนะดังกล่าวไม่ได้มุ่งแทรกแซงการทำงานของ กนง.หรือ ธปท. โดยเฉพาะในเรื่องอิสระในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ย และไม่ใช่การสั่งว่าใครต้องทำอะไร เราอยู่ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลมาตรการด้านการคลัง เขาดูแลมาตรการด้านการเงิน เราแค่อยากให้มองร่วมกันในภาพใหญ่ อยากเห็นการทำงานให้สอดคล้องกันในภาพรวมมากขึ้นหลายมิติ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้จริง” รมช.การคลังระบุ
ทางด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) ในวันที่ 18 มิ.ย.ว่า ขณะนี้ได้เวลาเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาทแล้ว โดยจะเลือกอันที่มีความพร้อมมากที่สุด ซึ่งโครงการที่พร้อมจะอนุมัติวงเงินมากกว่าแสนล้านบาท ตามหลักเกณฑ์ต้องทําให้เสร็จภายในปีงบประมาณ 2568 และต้องใช้เงินภายในปีงบประมาณ 2569
เมื่อถามถึงรายชื่อแคนดิเดตผู้สมัครผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีคนในใจหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า "ผมคุยกับใครก็ได้ ขอให้คณะกรรมการเลือกมาเถอะ เพราะเดี๋ยวนี้เราเข้าใจกันเยอะขึ้น และผมก็ทำงานใกล้ชิดกับ ธปท.มากขึ้น"
นายพิชัยยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าและภาษีสหรัฐอเมริกาว่า เริ่มเจรจาในระดับทางการแล้ว แต่บางเรื่องไม่ควรเปิดเผย และคาดว่ายื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการได้ในสัปดาห์นี้ ส่วนจะบินไปคุยเมื่อไรนั้น นายพิชัยได้เอามือจุ๊ๆ ปากแล้วบอกว่า ขอให้ใจเย็นๆ ไปคุย ทั้งนี้เป็นการพูดคุยแบบออนไลน์ ครั้งต่อไปก็ต้องเจอหน้ากัน
ขณะที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบนโยบายการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง Fomula หรือ F1 แล้ว ตามข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) ไทยจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2571 กรอบวงเงินกว่า 40,000 ล้านบาท จะใช้งบเป็นรายปีและต้องเสนอเข้ามาให้ ครม.พิจารณาในทุกปี ดังนั้น ที่ประชุมจึงได้พิจารณากรอบการดำเนินโครงการเพื่อไปศึกษาโดยละเอียดต่อไป โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะทำงานประมูลสิทธิ์ และมีองค์ประกอบเป็นปลัดกระทรวงท่องเที่ยวฯ และอธิบดีที่เกี่ยวข้องในกระทรวงคมนาคม และอื่นๆ โดยขณะนี้มีการออกแบบไว้คร่าวๆ แล้ว และมีแบบออกมาบ้างแล้ว โดยได้ทำงานร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ของ สปน. รวมถึงบริษัท F1 แล้ว
นอกจากนี้ ได้เปิดลงทะเบียนสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมที่จะเข้าร่วม "โครงการเราเที่ยวด้วยกัน" แล้ว และจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ
วันเดียวกัน นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ถึงอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เรื่องการกำชับและกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับการเสนอโครงการและคำของบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท
โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ตามมติ ครม.วันที่ 20 พ.ค.2568 เห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดแจ้งและรวบรวมข้อเสนอโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในวันที่ 23 พ.ค.2568 นั้น สตง.พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการดำเนินการอย่างเร่งรัดในระยะเวลาเร่งด่วน จึงขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นพิจารณาดำเนินการโดยกำชับ และกำกับดูแลองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นให้ดำเนินการในทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง ละเอียด รอบคอบ และต้องคำนึงถึงการกระทำการใดๆ อันอาจเล็งเห็นได้ว่าเป็นเหตุหรือช่องทางในการเรียกรับผลประโยชน์อื่นใดเพื่อตนเองหรือผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยมิชอบจากการดำเนินโครงการตามมาตรการดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งขอให้ระมัดระวังการกระทำด้วยประการใดๆ ที่อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำตามมาตรา 88 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2561.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


