
เช็กโผ ครม. "แพทองธาร 2" เปิด 2 ตัวเต็งนั่ง รมว.กลาโหม "บิ๊กเล็ก-พล.อ.สุนัย" อดีตนายทหารรบพิเศษ ด้าน ปชป. "เฉลิมชัย" รมว.ทส.เหมือนเดิม "เดชอิศม์" นั่ง มท.3 "ชัยชนะ" นั่ง รมช.สธ. ขณะที่ "รทสช." ยังอยู่ โควตาเท่าเดิม แต่แย่งชามข้าวกันฝุ่นตลบ เพื่อไทยโวมีในมือ 280 เสียง กำลังไหลมาเรื่้อยๆ ยันมีงานอีกเยอะให้ทำเพื่อชาติ จึงต้องอยู่ครบวาระ ขณะที่เสียงข้างน้อยใน ปชป. ยื่นทบทวนให้ปิดสวิตช์ "อุ๊งอิ๊ง"
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) “แพทองธาร 2" ว่า พรรคที่จัดเสร็จแล้วได้ทยอยส่งชื่อรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคตนเองไปยังแกนนำรัฐบาล มีบางตำแหน่งของบางพรรคที่ยังไม่เรียบร้อย คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในสัปดาห์หน้า
โดยในส่วนเก้าอี้ รมว.กลาโหมคนใหม่ มีชื่อ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รมช.กลาโหม และมีชื่อ พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.ลพบุรี ในนามพรรคเพื่อไทย และเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 21 เคยรับราชการในพื้นที่ลพบุรี เป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ซึ่งเป็นรุ่นน้องเตรียมทหาร พล.อ.ณัฐพล ที่อยู่ในรุ่น 20
ส่วนกระทรวงมหาดไทย มีชื่อนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มานั่งเก้าอี้ “มท.1” ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ 3 เก้าอี้ โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรค ยังนั่งในตำแหน่งเดิม ส่วนนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข สลับมานั่งเก้าอี้ รมช.มหาดไทย และมีชื่อนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช นั่งเก้าอี้ รมช.สาธารณสุข
ด้านพรรคกล้าธรรม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค มีแนวโน้มเสนอชื่อนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สายตรง ร.อ.ธรรมนัส เข้ารับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และมีแนวโน้มว่าพรรคกล้าธรรมจะได้รัฐมนตรีเพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ทั้งหมด 4 เก้าอี้เหมือนเดิม โดยแกนนำรัฐบาลแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค จากเดิม 1 เก้าอี้รัฐมนตรีช่วยเป็นโควตากลาง ตัด 1 เก้าอี้ในส่วนนี้ให้เป็นโควตากลุ่ม 18 ของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรค
ทำให้ 4 เก้าอี้ รทสช. แบ่งเป็น 2 เก้าอี้ ฝั่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค ส่วนอีก 2 เก้าอี้เป็นของกลุ่ม 18 เพราะทั้งนายพีระพันธุ์และนายสุชาติมีเสียงเท่ากัน 18 เสียง โดยมีชื่อคนนอก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ หรือ “ปลัดตุ๋ม” ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโควตากลุ่ม 18 นั่งเป็น รมว.ดีอี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา แกนนำกลุ่ม 18 เดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อนำรายชื่อรัฐมนตรีโควตาของกลุ่มเข้าหารือกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีรายงานข่าวว่าทั้งกลุ่ม 18 และกลุ่มของนายพีระพันธุ์ยื่นข้อเสนอขอควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย
ยันอยู่ครบวาระ
นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกระแสข่าวลือที่ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจตอบรับข้อเสนอจากพรรคการเมืองบางพรรค ด้วยการลาออกหรือยุบสภาหลังผ่านการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระที่สามนั้น ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอเรียนชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่าจะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤตภาษีทรัมป์ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการเจรจาอย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากคู่เจรจา
รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การเดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด การปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น มาตรการลดค่าครองชีพ ผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ (man-made destination) เพื่อเป็นรายได้ใหม่ของประเทศ สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ และมาตรการแก้ไขหนี้สินของประชาชนที่กำลังดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการเริ่มต้นกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเป็นระบบและมีส่วนร่วม เพื่อสร้างกติกาทางประชาธิปไตยที่เป็นธรรม ยึดโยงกับประชาชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นภารกิจทางการเมืองสำคัญที่ต้องการเสถียรภาพและการต่อเนื่องของรัฐบาลในการขับเคลื่อน
นายสรวงศ์กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าทำงานต่อไป ไม่ลาออก และไม่ยุบสภา เพราะเป้าหมายของเราคือการเร่งแก้ปัญหาให้จบ และผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริง เราเชื่อว่าความต่อเนื่องในการบริหารประเทศเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเหล่านี้เดินหน้าอย่างเต็มกำลังจนถึงวันสุดท้ายของวาระรัฐบาล
“จึงขอวิงวอนผู้ที่เผยแพร่ข่าวลักษณะดังกล่าว โปรดคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก อย่าให้เรื่องทางการเมืองมาบดบังเป้าหมายสำคัญนี้ เพราะรัฐบาลนี้ได้รับอำนาจมาจากประชาชน เราเป็นตัวแทนของพวกเขา และมีหน้าที่ต้องทำงาน แก้ปัญหาให้พวกเขาจนหมดวาระที่ประชาชนไว้วางใจให้เราทำหน้าที่แทน” นายสรวงศ์ระบุ
เร่งยกระดับผลงาน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญคือ คุณภาพต้องอยู่เหนือปริมาณ ไม่ว่าเสียงพรรคร่วมรัฐบาลจะมากหรือน้อย ก็ต้องสามารถยกระดับและเร่งสร้างผลงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนให้ได้ จำนวนเสียงพรรคร่วมเดิมจากพรรคภูมิใจไทยที่ออกไป จะสามารถทดแทนด้วยการยกระดับผลงาน เพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนออกจากวิกฤต
“รัฐบาล น.ส.แพทองธาร พรรคเพื่อไทย พร้อมเดินหน้าทำงานต่อ โดยมีเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเหนียวแน่นเป็นปึกแผ่น พร้อมเดินหน้าทำงานอย่างเข้มแข็ง มีเสถียรภาพ มีเอกภาพ ในการทำงาน จะเร่งยกระดับสร้างผลงานเพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนออกจากวิกฤต” นายอนุสรณ์กล่าว
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติขอให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นจะถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ว่า ไม่ทราบว่าเขาพูดจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามวันนี้เสียงรัฐบาลพออยู่แล้ว ทราบมาจากวงในว่ามีคนขอย้ายเข้ามาเยอะ ตอนนี้น่าจะเกิน 270-280 เสียงแล้ว มีหลายพรรคที่พรรคไม่มา แต่ตัวคนมา แต่ขณะนี้ยังเป็นความลับอยู่ ดังนั้น วันนี้ใครจะอยู่หรือไปเราไม่ได้กังวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สําหรับเสียง สส.ฝ่ายรัฐบาล หลังจากที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้าน โดยนับเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการ มีทั้งหมด 256 เสียง จาก สส.ในสภาทั้งหมด 495 คน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 142 เสียง, พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง, พรรคกล้าธรรม 26 เสียง (ไม่นับ สส.งูเห่า), พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง, พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง, พรรคประชาชาติ 9 เสียง, พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง, พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง, พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง, พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง
นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยสถานการณ์ล่าสุดของพรรคที่นำมติไปคุยกับ น.ส.แพทองธารว่า รอฟังข่าวอยู่ว่าเขาจะว่าอย่างไร เขายังไม่ตอบมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งมติของพรรค รทสช.คือขอให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่เปลี่ยนเราก็ต้องลาออก เพราะนายกฯ หมดคุณสมบัติที่จะเป็นแล้ว อยู่ไปก็คงยาก 2-3 เดือนก็เต็มที่แล้ว เพราะขณะนี้กระแสไปเร็วมาก มติที่ผ่านมาเป็นอย่างนี้ แต่หัวหน้าไม่อยากพูด เพราะท่านเป็นสุภาพบุรุษ
ขอทบทวนปิดสวิตช์อุ๊งอิ๊ง
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลจะเอาเฉพาะกลุ่ม 18 ไปจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ นายวิทยาหัวเราะก่อนกล่าวว่า จะไปอย่างนั้นอย่างไร ตนก็ยังแปลกใจกับการเมืองแบบนี้ ก็อาจจะฝากลูกฝากหลานไปเป็นก่อนมั้ง ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เขา เขาเป็นรัฐบาลเขาก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งก็อาจทำให้ระบบมันเสีย แต่เมื่อเราออกจากรัฐบาลแล้ว เราก็ไม่มีพันธะอะไรแล้ว เราก็ว่าของเราไป ส่วนข่าวที่ว่าการปรับ ครม. จะเสร็จสิ้นในวันที่ 22 มิ.ย.แล้วนั้น ไม่เป็นไรให้จริงก่อน เรารอได้ ไม่รีบ
นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนยื่นขอทบทวนปิดสวิตช์ น.ส.แพทองธาร โดยทำหนังสือถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอจัดประชุมทบทวนมติกรรมการบริหารพรรคที่ยังไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลโดยไม่มีเงื่อนไข ให้เปลี่ยนตัวนายกฯ ตามที่มีการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา
"กระผมจึงเห็นว่าเรื่องนี้ยังมีเวลาสามารถนำกลับพูดคุยกันใหม่เพื่อให้เกิดผลดีที่สุดต่อประเทศชาติ และความรู้สึกของคนทั้งประเทศ อีกทั้งกระผมเห็นว่าในการประชุมครั้งแรกยังเป็นการประชุมที่รีบร้อนเกินไปทำให้หลายท่านในกรรมการได้รับข้อมูลข้อเท็จจริง อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนไม่รอบด้านเพียงพอ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความรอบคอบ จึงควรมีการจัดประชุมพิจารณาเรื่องสำคัญอย่างยิ่งนี้อีกครั้งหนึ่ง" นายชนินทร์กล่าว
นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เปิดใจหลังประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่า เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ย้ำว่าแม้จะไม่มีกฎหมายกำหนด แต่เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติจึงขอลาออก เพื่อเปิดทางให้เลือกบุคคลใหม่ พร้อมฝากงานให้รองฯ คนต่อไปรับไม้ต่อ
พรรคไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนว่า จะมีสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยบางคนไปร่วมสนับสนุนการปรับคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ โดยบางคนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีนั้น พรรคไทยสร้างไทยขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนว่า พรรคยังคงยืนหยัดในอุดมการณ์ทางการเมืองด้วยการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยไม่ตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาที่พรรคไทยสร้างไทยได้ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนในระหว่างการหาเสียง
พรรคไทยสร้างไทยขอเรียนพี่น้องประชาชนอีกประการหนึ่งว่า กรณีที่มีสมาชิกของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติและอุดมการณ์ของพรรคโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนนั้น เป็นการทรยศต่อประชาชนและสร้างความเสียหายแก่พรรค ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่และพัฒนาไปสู่การเป็นสถาบันการเมืองที่มีคุณภาพและคุณธรรม เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติที่จะได้อยู่ในระบบการเมือง “สุจริต”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
ประชุม คกก.ถอดบทเรียนอุทกภัยนัดแรกเล็งลอกการบ้านแดนปลาดิบ
'บวรศักดิ์' ประชุม คกก.ถอดบทเรียนอุทกภัยนัดแรก ชี้ประเทศมี กม.แก้ภัยพิบัติเพียบ แต่เกิดเหตุฉับพลันอำนาจสั่งการไม่ได้ เตรียมถอดบทเรียนแบบญี่ปุ่น ก่อน 'นายกฯ อนุทิน' นั่งหัวโต๊ะนำประชุมต่อ
ได้เท่าหาดใหญ่! ภราดรเผยกลางที่ประชุม ศป.กฉ.เสียชีวิตในอุทกภัยใต้ได้ค่าปลงศพ 2 ล้าน
'ภราดร' ถก 'ศป.กฉ.' บอกผู้ว่าฯปัตตานี นอกพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะได้รับค่าปลงศพรายละ 2 ล้านบาทเช่นกัน บี้ผู้ว่าฯ นราธิวาส เร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม หลังพบเบิกช้าไม่ถึง 10%


