“สมศักดิ์” อัดคนปลดล็อกกัญชา ทำสังคมวุ่นวาย คิดแล้วก็ทำไม่สำเร็จ เครือข่ายกัญชาฯ ออกแถลงการณ์ฟาด รมว.สธ. ใช้กัญชาเป็นเครื่องมือการเมือง หวังผูกขาดหมื่นล้าน ปลุกมวลชนบุก สธ. 7 ก.ค. ด้าน ป.ป.ส.เปิดผลวิจัยผู้เสพ "กัชญา-กระท่อม" สูงเท่าตัว
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข กล่าวในการร่วมรับฟังตัวแทนผู้ประกอบการและผู้ค้ารายย่อยธุรกิจกัญชาว่า อนาคตไม่ว่ากัญชาจะเปลี่ยนสถานะกลับมาเป็นยาเสพติด ก็จะไม่ให้กระทบผู้ประกอบการที่ดำเนินการใช้กัญชาทางการแพทย์ เพราะเข้าใจความอึดอัดของผู้ประกอบกิจการที่ลงทุนทำกิจการไปแล้ว ในเรื่องการแพทย์จะสนับสนุนเต็มที่ในการทำธุรกิจได้ ขอธุรกิจไม่ฟ้องร้อง
“หากวันข้างหน้าเอาไม่อยู่หรือในแนวทางสังคมต้องเป็นยาเสพติด ก็ต้องมีเรื่องของการแพทย์นำหน้า ขอให้สบายใจ แต่ขอเติมว่าเวลามาต่อใบอนุญาตหรือขอใบอนุญาตใหม่ ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงจากสมุนไพรควบคุมไปเป็นยาเสพติด ก็ต้องทำให้เรียบร้อยว่าจะไม่มีปัญหา ไม่ฟ้องร้องเอาความ ถ้าในแนวทางภาพรวมของรัฐบาลต้องเปลี่ยนเป็นยาเสพติด แต่ยังมีเรื่องทางการแพทย์ให้อย่างสมบูรณ์ก็จะไม่มีปัญหา นี่คือสิ่งที่ผมขอเติมแล้วมันจะจบปัญหา ก็ให้กรมเติมเรื่องนี้ไปในแบบฟอร์มอนุญาต เป็นคำมั่นสัญญา” นายสมศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แปลว่าในอนาคตจะนำกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติดใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยัง ต้องดูผลการดำเนินการตามประกาศใหม่ก่อน ถ้าดีก็ไม่เปลี่ยน แต่ถ้ายังมีความลำบาก ยังมีความไม่เรียบร้อย ก็เปลี่ยนให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดในวันข้างหน้าได้
นายสมศักดิ์กล่าวด้วยว่า ในการประชุมกรรมการ ป.ป.ส. ที่พิจารณาถอดกัญชาออกจากยาเสพติด เมื่อเดือน ม.ค.2565 ที่จริงมีการพิจารณาหลายครั้ง กรรมการ ป.ป.ส.ถกเถียงกันมาก ครั้งแรกก็ไม่จบ ตนก็อยู่ในที่ประชุมด้วยยังจำได้ และมีการต่อรองว่าถ้าไม่จบ เขาไม่ร่วมรัฐบาล สุดท้ายก็เลยจบ แต่จบแบบไม่สมบูรณ์ เหมือนเป็นการข่มขู่ ข่มขืน ให้เกิดแนวทางที่ทำให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติด แล้วมาเขียนกฎหมายรองประกอบ ตนไปเปิดดูแล้วก็ไม่เคยเขียนเรื่องทางการแพทย์เลย แล้วมาแหกปากบอกว่าทำเรื่องการแพทย์
“ทำให้สังคมวุ่นวาย เพราะมาด้วยความไม่ปกติ แล้วแบบนี้จะไปโยนความผิดให้ใคร มาบอกว่าทำเป็นกฎหมาย แต่เวลาเข้าสภาสั่งสภาไม่ได้ กฎหมายก็ไม่ผ่าน มันก็เป็นเช่นนี้ แล้วจะมาบอกว่าเสนอกฎหมายแล้วมันต้องจบ ก็ที่มาเดิมมันข่มขืน มันก็เลยไม่จบ ผมไม่ได้ขัดแย้งอะไร หรือทำให้ท่านปวดหัวอะไร เพียงแต่อยากมาช่วยท่านแก้ไขปัญหาให้ โดยเพิ่มการใช้ทางการแพทย์” นายสมศักดิ์กล่าว
ขณะที่ นายศุภชัย ใจสมุทร แกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ชื่อประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา พ.ศ.2568) ที่นายสมศักดิ์ลงนามวันที่ 23 มิ.ย.2568 พรรคเพื่อไทยบอกว่าประกาศนี้คือการทำทันที และทำให้กัญชาไม่เสรีอีกต่อไป สิ่งที่ตนจะบอกก็คือ เมื่อปี 2565 มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา พ.ศ.2565) และลงประกาศเมื่อวันที่ 11พ.ค.2565 ลงชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข (ในขณะนั้น) ประกาศทั้ง 2 ฉบับนี้ เหมือนกันประมาณ 90% แน่นอนว่าของนายสมศักดิ์มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง 5% หรือ 10%
"ท่านลอกของนายอนุทิน ท่านนี่เป็นนักก๊อป เพราะฉะนั้นวันนี้อย่ามาอ้าง แต่ท่านคิดว่าท่านทำตามหน้าที่แล้วก็ไปสิ ควบคุมร้านเถื่อนอะไรทั้งหลาย เราสนับสนุน แต่ไม่ใช่ว่าถึงเวลาแล้วนี่บอกว่าตัวเองทำดีกว่าคนอื่น เขาทำดีมานานแล้ว แต่อย่าใส่ร้ายกัน มันไม่ใช่เป็นวิธีการ สิ่งที่ผมถามคำถาม ท่านจะตอบไม่ได้เลย 2 ปีที่ผ่านมานี้ ถ้าเห็นว่ามีปัญหาทำไมไม่จัดการ วันนี้ท่านยังตอบไม่ได้เลย ท่านก็บอกว่านี่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาเพราะภูมิใจไทย แต่ถามว่าเมื่อท่านมีดาบอยู่ในมือ ทำไมไม่ทำ ท่านต้องตอบสังคมให้ได้" นายศุภชัยกล่าว
ด้านเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ออกแถลงการณ์ จากกรณีที่นายสมศักดิ์ขีดเส้น 45 วันนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล โดยเครือข่ายฯ มองว่า การดำเนินการของนายสมศักดิ์ เดินอยู่บนเส้นทางของข้อเท็จจริงหรือฉวยจังหวะแก้แค้นพรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหาก รมว.สาธารณสุขใช้การเอาชนะทางการเมืองมากำหนดสถานะของพืชสมุนไพรกัญชา จะทำให้ทุกอย่างเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่ถูกต้อง
“นายสมศักดิ์มีความพยายามอย่างหนักก่อนหน้านี้ในการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นนายสมศักดิ์ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย เรื่องกัญชา ที่พยายามพูดกับประชาชนว่ากัญชาอันตรายร้ายแรง แต่ตัวเองกลับเมินเฉยไม่มีมาตรการใดออกมาเลยแม้สักนิดเดียว แต่พอพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล นายสมศักดิ์กลับมาพูดประโยคเดิมอีกครั้งคือกัญชาอันตราย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมากมาย เพื่อเป้าหมายเดียวคือนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดอีกครั้ง” แถลงการณ์ระบุ
เหตุที่นายสมศักดิ์ตัดมาตรการห้ามขายแก่นักเรียนและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปีออกไป เป็นการแสดงให้เห็นว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ได้ห่วงเยาวชนแต่อย่างใด และการมอบอำนาจการวินิจฉัยว่าผู้ใดจะใช้กัญชาได้บ้างให้อยู่ในมือผู้เชี่ยวชาญ เป็นการนำหลักการการผูกขาดด้วยผู้เชี่ยวชาญเข้ามาใช้ เพราะเป็นหลักการที่คิดว่าประชาชนยอมรับ แต่เป้าหมายที่แท้จริงของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน คือแสดงให้สังคมเห็นว่าตนเองหนุนกัญชาทางการแพทย์ เมื่อได้รับเสียงสนับสนุนก็จะดำเนินมาตรการที่ต้องการคือ การนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด
“นายสมศักดิ์ชอบกฎหมายยาเสพติดก็เพราะเมื่อนำกัญชาไปขังไว้แล้ว ก็สามารถออกมาตรการเฉพาะให้กับบุคคลเฉพาะสามารถปลูก แปรรูป จำหน่าย ส่งออกกัญชาได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผูกขาดกัญชาที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านต่อปี เป้าหมายของนายสมศักดิ์คือจุดนี้ มิใช่ห่วงใยเยาวชนอย่างที่กล่าวอ้าง การอยากผูกขาดมูลค่ามหาศาลของกัญชาประกอบกับการแก้แค้นทางการเมือง วันนี้นายสมศักดิ์จึงเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงทุกประการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งตน” แถลงการณ์ระบุ
ทางเครือข่ายฯ ยังขอให้นายสมศักดิ์ยุติพฤติกรรม และประกาศภารกิจสำคัญ 2 ประการ คือ 1.ขอแก้ไขประกาศกระทรวงฉบับลงนาม 23 มิถุนายน 2568 เพราะผู้เข้าถึงกัญชาจะต้องมีใบผ่านทางโดยการอนุญาตของคนกลุ่มเดียว จะเกิดการทุจริต และการออกใบอนุญาตไม่สะท้อนความเป็นจริงทางการแพทย์แต่อย่างใด และ 2.ขอให้นายสมศักดิ์หยุดเพ้อฝันว่าจะนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพร้อมกันที่กระทรวงสาธารณสุข ในวันที่ 7 ก.ค. เวลา 13.00 น. เพื่อดำเนินภารกิจทั้ง 2 ประการ และตกลงร่วมกันว่าจะมีปฏิบัติการต่อเนื่อง จนกว่ารัฐบาลจะเริ่มต้นผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา และได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา
ขณะที่ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยกรณีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2568 ว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ในฐานะหน่วยงานเชิงวิชาการ ได้ติดตามสถานการณ์และศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ตั้งแต่ปี 2544 และจะประเมินการศึกษาวิจัยทุก 3-4 ปี จากผลการศึกษาข้อมูล เมื่อในปี 2562 ซึ่งขณะนั้นกัญชาและพืชกระท่อมยังถูกจัดเป็นยาเสพติด พบว่ามีผู้เสพติดกัญชาประมาณ 350,000 คน และผู้เสพติดพืชกระท่อมอยู่ที่ประมาณ 400,000-500,000 คน ต่อมาในช่วงปี 2564-2565 เมื่อรัฐบาลมีนโยบายปลดล็อกพืชกระท่อมและกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด พบว่าจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจากผลการสำรวจในปี 2567 พบว่ามีผู้ใช้กัญชากว่า 700,000 คน และมีผู้ใช้พืชกระท่อมมากถึง 1,300,000 คน กัญชาและพืชกระท่อมหลังปลดล็อกจากยาเสพติดมีผู้มาใช้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


