"ดีเอสไอ" จ่อตั้งข้อหาหนัก "อั้งยี่-ฟอกเงิน" แก๊งรีดหัวคิวแรงงานเขมร เร่งสรุปผลสัปดาห์หน้า เผยพบเส้นเงินร้อยล้านเข้าบัญชีเจ้าหน้าที่ระดับสูงกัมพูชา
จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ตรวจค้น 4 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการรับต่อใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานสัญชาติกัมพูชา ย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ เพื่อเก็บพยานหลักฐานขบวนการรีดหัวคิวแรงงาน รายละ 2,500 บาท นำไปฟอกเงินผ่านเจ้าหน้าที่กัมพูชา โดยพบความเกี่ยวข้องระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐไทย-กัมพูชานั้น
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวอยู่ในชั้นสืบสวน เป็นสำนวนสืบสวนเลขที่ 27/2568 อยู่ระหว่างการทยอยเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำเพื่อหาข้อเท็จจริง ประกอบเอกสารจากการตรวจค้นบริษัท วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงประกอบพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้องกับการต่ออายุแรงงานต่างด้าวหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นน่าจะมีเงินที่เกี่ยวข้องหลักร้อยล้านบาท ส่วนจะเชิญบริษัทประกอบธุรกิจจัดหาแรงงานต่างด้าว หรือบัญชีม้า หรือเจ้าหน้าที่รัฐ มาให้ถ้อยคำด้วยหรือไม่ อยู่ในดุลยพินิจของคณะพนักงานสืบสวน
พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า คณะพนักงานสืบสวนมีประเด็นต้องพิจารณาว่ากรณีดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีการเพื่อกระทำความผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าพบว่าการกระทำเข้าลักษณะดังกล่าวจะเข้าข่ายข้อหา "อั้งยี่" ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงิน และหากพบว่ามีเส้นทางการเงินมาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกจะเข้าข้อหา "ฟอกเงิน" ด้วย และอยู่ในอำนาจของดีเอสไอ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 สามารถทำคดีได้ ซึ่งกำลังเร่งสืบสวนในประเด็นนี้เพื่อให้ข้อมูลมีความชัดเจน
"ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนคดีว่าขบวนการใช้วิธีปกปิดลักษณะดังกล่าวจริงหรือไม่ ถ้ามีก็จะเห็นโครงข่ายออกมาและเส้นทางการเงิน แต่ต้องตรวจสอบให้รอบคอบ อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนการหักค่าหัวคิวแรงงานยังพบเพียงแรงงานกัมพูชาประเทศเดียว ส่วนประเทศอื่นยังไม่มีข้อมูล" โฆษกดีเอสไอระบุ
มีรายงานการสืบสวนของคณะพนักงานสืบสวนเลขที่ 27/2568 กรณีตรวจสอบขบวนการรีดหัวคิวแรงงานต่างด้าว รายละ 2,500-2,550 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการยื่นขอต่อใบอนุญาตแรงงานผ่านระบบออนไลน์ว่า ภายหลังคณะพนักงานสืบสวนเปิดปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายสำคัญไปเมื่อวันที่ 3 ก.ค. บริษัทเอกชนย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ ซึ่งให้บริการรับปรึกษาปัญหาเอกสารครบวงจร อาทิ บริการด้านเอกสารแรงงานต่างด้าว ทำพาสปอร์ต ต่อวีซ่า ใบอนุญาต ตรวจสุขภาพ ทำ MOU ใหม่ ต่อ MOU อีก 2 ปี รับต่อกลุ่มบัตรชมพู (กัมพูชา ลาว เวียดนาม เมียนมา) รับลงทะเบียนแรงงาน รับทำประกันสังคมแรงงานต่างด้าว เป็นต้นนั้น
ในห้วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะพนักงานสืบสวนได้เร่งสอบสวนปากคำพยาน ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียหายซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวที่ได้จ่ายเงิน 2,500 บาท ให้กับบริษัทนายหน้าจัดหางาน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานบางส่วน โดยคำให้การของผู้เสียหายรายสำคัญล้วนยอมรับตรงกันว่า มีการกล่าวอ้างว่าแรงงานต้องจ่ายเงิน 2,500 บาท เพื่อเป็นค่าดำเนินการเพิ่มเติม และมีการขู่ว่าหากไม่จ่ายเงินจำนวนนี้ จะไม่สามารถบันทึกข้อมูลขอต่อใบอนุญาตทำงานต่อได้ หรือการยื่นบัญชีรายชื่อคนต่างด้าว
นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยพบว่า บรรดารายชื่อแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ค้างอยู่ในระบบ ล่าสุดกลับได้รับการอนุมัติต่อใบอนุญาตทำงานเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องจ่ายเงิน 2,500 บาท เหมือนอย่างที่นายหน้าบริษัทจัดหางานกล่าวอ้าง
รายงานจากคณะพนักงานสืบสวนยังระบุด้วยว่า สัปดาห์หน้าจะมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือ การสอบสวนปากคำกรรมการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ ซึ่งให้บริการรับปรึกษาปัญหาเอกสารครบวงจร เพื่อให้กรรมการบริษัทชี้แจงถึงแผนการดำเนินธุรกิจในฐานะนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ นายจ้าง/ผู้ได้รับอนุญาต ว่าที่ผ่านมาบริษัทดำเนินการอย่างไรบ้าง ทราบรายละเอียดเงินค่าให้บริการ 2,500 บาท ที่แรงงานต่างด้าวต้องจ่ายหรือไม่
ทั้งนี้ การเชิญกรรมการของบริษัทมาให้ข้อมูลนั้น เพื่อที่ดีเอสไอจะได้ทราบข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับบริษัท เเละนำไปขยายในส่วนรายละเอียดข้อเท็จจริงอื่นในสำนวนได้ โดยคาดว่าสัปดาห์หน้าดีเอสไอจะสามารถสรุปผลการตรวจสอบได้ว่า เรื่องเงิน 2,500 บาท เป็นเงินที่ต้องจ่ายหรือไม่ต้องจ่ายในส่วนของการดำเนินการขอต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว
ส่วนกรณีของเจ้าของบัญชีม้าต่างด้าว (สัญชาติกัมพูชาและเมียนมา) ที่มีการโอนเงินจำนวนหลายครั้ง แบ่งโอนไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาหลายราย รวมจำนวนเงินร้อยล้านบาท ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินในภาพรวมทั้งหมด เพื่อวิเคราะห์ความเชื่อมโยงทางการเงินและสัมพันธ์บุคคลต่างๆ รวมถึงบุคคลและนิติบุคคลของไทยที่รับโอนเงินจากบัญชีของเจ้าหน้าที่กัมพูชาด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พสกนิกรซาบซึ้ง ‘พระพันปีหลวง’ ทรงให้ไร้ข้อแม้!
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จับตาสว.เคาะ2ป.ป.ช. ผุดกมธ.คุ้ยชีวิต2กกต.
จับตาสภาสูงโหวต 2 ป.ป.ช.ใหม่พุธนี้ วัดใจ สว.สีน้ำเงินให้ผ่านหรือตีตกสองบิ๊กตุลาการ
คนกรุงเทพฯเอือม‘พท.’ ปชน.แชมป์โพลต่อเนื่อง
คนกรุงเอือมเพื่อไทยชัดเจน นิด้าโพลเผย “จุลพันธ์” ติดโผนายกฯ อันดับ 5
เพื่อไทยโวปักธง‘สุพรรณบุรี’
"ยศชนัน" นำทัพเพื่อไทยประเดิมหาเสียง "อยุธยา-สุพรรณฯ" ประกาศปักธงไม่สนบ้านใหญ่
ลั่น‘ไทย’เชื่อตัวเอง อนุทินกร้าวไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม/นย.เสียขารายที่8
“อนุทิน” ลั่นยังไม่ให้ประเทศไหนเข้ามาเป็นคนกลางเจรจา เป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยตรง ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
ยึดเนิน350ได้แล้ว! ร่าง2ทหารกล้ากลับมาตุภูมิ/ส่งสัญญาณเตือนชนชั้นนำเขมร
ข่าวดี! ทหารไทยควบคุมเนิน 350 ได้แล้ว อยู่ระหว่างการสถาปนาความมั่นคง นำร่าง 2 วีรบุรุษกลับมาตุภูมิ ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ ตรวจพบการปะทะเป็นระยะ

