ยกคำร้องคดีฮั้วขอนแก่น ‘กกต.’เผยไร้หลักฐานมัด!

“กกต.” ยกคำร้อง 22 ผู้สมัคร สว.ขอนแก่นปมฮั้ว ชี้ไต่สวนพยานและเส้นทางการเงินไม่พบข้อสงสัย ระบุผู้ร้องกล่าวอ้างลอยๆ ไร้หลักฐาน เผยเป็นคนละประเด็นกับคดีฮั้ว สว.ที่ “ดีเอสไอ” ทำคดีอยู่

เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.ที่ 132/2568 กรณีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับจังหวัดในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งกล่าวหาว่าผู้สมัครรับเลือก สว.ขอนแก่น 22 ราย กระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 โดยถูกกล่าวหา 2 ข้อกล่าวหา คือ 1.ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้  หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็น สว. หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.สว.2561  มาตรา 77 (1) และ 2.ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22  เรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.สว.2561 มาตรา 81

กกต.ได้พิจารณารายงานการไต่สวน ตลอดจนพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว ได้ความว่า ข้อกล่าวหาที่ 1 และข้อกล่าวหาที่ 2 มีข้อเท็จจริงเกี่ยวเนื่องกัน ผู้ร้องยื่นคำร้องและให้ถ้อยคำว่า ก่อนวันเลือกระดับอำเภอเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2567 ผู้ถูกร้องที่ 1 ถึง 22 ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. ได้นัดพบกันที่ร้านอาหารบ้านโนนเรือง ต.บ้านค้อ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ต่อมาในวันเลือกระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2567 ในการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน กลุ่มที่ 2  ปรากฏว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17 และผู้ถูกร้องที่ 21 ได้ 0 คะแนน โดยไม่ลงคะแนนให้แก่ตนเอง จึงสันนิษฐานว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 จัด ทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็น สว. หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด  และเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเอง เพื่อเลือกหรืองดเว้นไม่เลือกผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.สว.2561 มาตรา 77 (1) และมาตรา 81

จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 1 ผู้ถูกร้องที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 10 ผู้ถูกร้องที่ 16 ผู้ถูกร้องที่ 17  และผู้ถูกร้องที่ 21 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า มิได้กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามข้อกล่าวหาในการเลือก สว.ครั้งนี้ ได้แนะนำตัวตามที่กฎหมายกำหนด และไม่มีการนัดประชุมเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกหรือผู้สมัครคนใด โดยในวันเลือกระดับจังหวัดที่ได้ศูนย์คะแนนและมิได้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง เพราะเห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดคนอื่นมีคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสมมากกว่า  และทราบว่าสามารถลงคะแนนเลือกผู้สมัครได้ 2 คน โดยจะลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือไม่ก็ได้

จากการไต่สวนผู้ถูกร้องที่ 3 ผู้ถูกร้องที่ 4 ผู้ถูกร้องที่ 7 ผู้ถูกร้องที่ 8 ผู้ถูกร้องที่ 9 ผู้ถูกร้องที่ 11 ผู้ถูกร้องที่ 12 ผู้ถูกร้องที่ 13 ผู้ถูกร้องที่ 14 ผู้ถูกร้องที่ 15 ผู้ถูกร้องที่ 19 ผู้ถูกร้องที่ 21 และผู้ถูกร้องที่ 22 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ในการเลือก สว.ครั้งนี้  ได้แนะนำตัวตามที่กฎหมายกำหนด และไม่มีการนัดประชุมเพื่อลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกคนใด และมิได้จัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด หรือเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด นอกจากนี้ ผู้ถูกร้องที่ 9 ให้ถ้อยคำอีกว่า ผู้ร้องเคยเล่าให้ฟังว่า ระหว่างวันที่ 14 ถึงวันที่ 15 มิ.ย.2567  เวลากลางคืน มีผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดทุกกลุ่มไปประชุมกันที่โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

ทั้งนี้ จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านใน ต.บ้านค้อ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ให้ถ้อยคำว่า ไม่พบเห็นหรือได้ยินข่าวว่าผู้สมัครรับเลือกเป็น สว.นัดพบกัน  เนื่องจากในหมู่บ้านโนนเรือง มีเพียงร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งไม่สามารถนัดพบปะหรือประชุมกันได้ และจากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 2 ถึงพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดขอนแก่น  หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว และกรรมการประจำสถานที่เลือก สว.ระดับจังหวัด จังหวัดขอนแก่น กลุ่มที่ 2 ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินข่าวว่ามีการกระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. รวมทั้งการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 5 ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล ให้ถ้อยคำว่า ระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 15 มิ.ย.2567 ไม่มีผู้สมัครรับเลือกเป็น สว.มาจัดประชุมที่ รร.ขอนแก่นโฮเต็ล

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 ระหว่างวันที่ 1 พ.ค.2567 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2567 ไม่พบข้อมูลที่น่าสงสัยหรือน่าเชื่อว่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบันทึกภาพและเสียงที่ติดตั้งไว้บริเวณสถานที่เลือกไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22  มีพฤติการณ์กระทำการฝ่าฝืนต่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.แต่อย่างใด

เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและการให้ถ้อยคำของผู้ร้องแล้วเห็นว่า เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างลอยๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนให้น่าเชื่อถือ อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงผู้ถูกร้องที่ 22 กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 77 (1) และมาตรา 81 ตามคำร้อง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

รายงานข่าวแจ้งว่า กรณี กกต.ยกคำร้องนั้น เป็นเรื่องของการลงคะแนนให้ตัวเอง ซึ่งไม่ผิดกฎหมาย และศาลฎีกาได้มีคำพิพากษามาแล้ว เป็นคนละประเด็นกับคดีฮั้ว สว.ที่ กกต.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะที่ 26 พิจารณา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.