ในหลวงพระราชทานแจกันดอกไม้และกระเช้าของเยี่ยมแก่ "ทหารพรานปราบ" ที่บาดเจ็บแขนขาดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเสื้อกันฝน 4,000 ตัวแก่ประชาชน กรมคุ้มครองสิทธิฯ เตรียมจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ “ไผ่ ลิกค์” มาหล่อบริจาคเงินเดือนให้ทหาร ลั่นจบแล้ววาทกรรมทหารมีไว้ทำไม
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญแจกันดอกไม้และกระเช้าสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ทหารพรานอนันต์ เชื้อดวงผุย หรือปราบ อายุ 31 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับทหารกัมพูชา ส่งผลให้แขนขวาท่อนล่างขาด ลำตัวมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด โดยได้ส่งตัวเข้ารับการผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ครอบครัวเชื้อดวงผุยอย่างหาที่สุดมิได้
ด้านนางเข็มเพชร เชื้อดวงผุย อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่ที่เฝ้าดูอาการของลูกชายด้วยความห่วงใย เปิดเผยว่า แพทย์ได้ทำการผ่าตัดสมองและแต่งบาดแผลที่ถูกกระสุนปืน ค.จากทหารกัมพูชาผ่านพ้นไปด้วยดี ขณะนี้อยู่ในช่วงสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นได้ถอดเครื่องช่วยหายใจออกแล้ว ลูกชายรู้สึกตัวดีแต่ยังพูดไม่ได้ ส่งสัญญาณด้วยการกระดิกนิ้วมือ โดยแพทย์ต้องการให้ผู้ป่วยพักผ่อนเยอะๆ
ส่วนญาติพี่น้องที่อยู่บ้านสร้างติ้ว ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม ต่างเฝ้าติดตามสอบถามอาการของ ทพ.ปราบ อย่างใจจดใจจ่อ หลังทราบว่าการผ่าตัดเรียบร้อยดี ทุกคนต่างโล่งอกไปตามๆ กัน โดยนางประสินธุ์ อายุ 51 ปี น้าสาว ได้เปิดเผยว่า รู้สึกภูมิใจในความเป็นทหารกล้าของหลาน เพราะครอบครัวนี้เป็นอาสาสมัครทหารพรานตั้งแต่ผู้เป็นพ่อ คือนายประยุทธ เชื้อดวงผุย และนายสุระ เชื้อดวงผุย พี่ชาย ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ ตอนนี้อาการหลานชายหลังผ่าตัดสมองมีการตอบสนองได้ดี
ทั้งนี้ อาสาสมัครทหารพรานอนันต์ เชื้อดวงผุย หรือ ปราบ สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2302 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ประจำฐานปฏิบัติการปราสาทโดนตวล บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ สถานะยังไม่มีครอบครัว แต่กำลังคบหาดูใจกับสาวชาว จ.ศรีสะเกษได้ประมาณปีเศษ
พระราชทานเสื้อกันฝน 4,000 ตัว
วันเดียวกันนี้ เพจกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ภาพและข้อความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเสื้อกันฝนพระราชทาน จำนวน 4,000 ตัว เพื่อมอบแก่พี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อพยพมาพักอยู่ในศูนย์พักพิงที่ได้จัดตั้งขึ้น และเพื่อมอบแก่เจ้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ และเจ้าที่ฝ่ายปกครอง
โดยมี พล.ต.นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 กระทำพิธีรับพระราชทานเสื้อกันฝนพระราชทาน ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา พร้อมกล่าวว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม โดยเฉพาะภัยจากนอกประเทศที่มิได้ตั้งตัวแต่อย่างใด จึงได้พระราชทานสิ่งของเพื่อแสดงถึงความห่วงใย และนำมามอบให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบความเดือดร้อน พระองค์ทรงรับทราบและติดตามสถานการณ์ความลำบากอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองพระองค์หวังว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ปกติโดยเร็ววัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าอย่างหาที่สุดมิได้
ส่วนที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นต้อนรับ พล.ต.กิตติพงษ์ เนื่องชมภู ผบ.มทบ.23 ที่เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจพลทหารกิตติพงษ์ ดามะนาว สังกัดกรมทหารราบที่ 8 (ขอนแก่น) ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติภารกิจบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังจากที่ รพ.บุรีรัมย์ได้ส่งต่อมาที่ รพ.ศรีนครินทร์เพื่อรับการดูแลรักษาต่อเนื่อง โดยมีคนในครอบครัวคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
โดย พล.ต.กิตติพงษ์ย้ำว่า กองทัพบกจะดูแลกำลังพลอย่างเต็มความสามารถ ทั้งด้านการรักษาพยาบาล สวัสดิการและการช่วยเหลือด้านจิตใจ และขอชื่นชมในความกล้าหาญของพลทหารกิตติพงษ์ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ดูแลความสงบสุขของประชาชน และรักษาไว้ซึ่งราชบัลลังก์อย่างมั่นคง ซึ่งการเยี่ยมให้กำลังใจในครั้งนี้ได้นำความห่วงใยจากผู้บังคับบัญชา ที่ยังคงยึดมั่นในหลักการคือการไม่ทอดทิ้งผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติอย่างเข้มแข็งจากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าเบื้องต้นจากผลกระทบความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูให้ลูกค้า เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในการนำไปสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากความไม่สงบ
นายอนุกูลกล่าวให้รายละเอียดไว้ดังนี้ 1.โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2568 เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.725%) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ผ่อนชำระไม่เกิน 3 ปี 2.โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท
เปิดเกณฑ์เยียวยากรมคุ้มครองสิทธิฯ
นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และในฐานะโฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า สำหรับการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มี พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2559 ซึ่งผู้เสียหายที่จะได้รับการช่วยเหลือจะต้องเป็นผู้ที่ 1.ได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกาย หรือจิตใจ 2.เป็นการกระทำความผิดอาญาของผู้อื่น 3.ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่ง “การไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” คุณสมบัตินี้เข้าเกณฑ์อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการถูกลูกหลง แต่ “ความผิดอาญาของผู้อื่น” ก็ต้องมีการตีโจทย์ก่อนว่า “ผู้อื่น” ในที่นี้ หากหมายถึงกองกำลังต่างประเทศก็ต้องดูว่าเข้าข่ายหรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วเข้าข่ายถือว่าเป็น “ผู้อื่น” ตามประมวลกฎหมายอาญาไทย ต้องไปดูต่อว่าสามารถให้การเยียวยาได้หรือไม่ ซึ่งมันก็จะไปขึ้นอยู่กับ “ความผิดอาญา” เพราะในวิธีปฏิบัติสำหรับการพิจารณา จะต้องมีการรับเป็นเรื่องคดีอาญา/มีเลขคดีอาญาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน
โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกล่าวว่า หากตำรวจรับแจ้งความและมีเลขคดีอาญาก็จะเข้าเงื่อนไขในการพิจารณาเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาได้ เรื่องนี้ชัดเจนว่าผู้เสียหายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด และถ้าหากตำรวจมีการสรุปความเห็นว่าผู้เสียหายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดชัดเจน คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาประจำจังหวัดนั้นๆ สามารถใช้ความเห็นของพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาได้
นายธีรยุทธกล่าวต่อว่า ส่วนขั้นตอนการพิจารณาจะมี ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมียุติธรรมจังหวัดเป็นอนุกรรมการและเลขานุการ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยอื่นเกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการ อาทิ ตำรวจ อัยการ แพทย์ ทนายความ ผู้แทนภาคประชาสังคม เป็นต้น ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ จะมีมติว่าเห็นสมควรจ่ายให้ทายาทของผู้เสียชีวิต ผู้เสียหายรายใดบ้าง และรายละกี่บาท เพื่อจะได้ทำสรุปรายงานการประชุมแจ้งมายังส่วนกลาง (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) เพื่อทำเรื่องเบิกเงินช่วยเหลือต่อไป
“ค่าตอบแทนกรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย 100,000 บาท กรณีเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเป็นที่สนใจของสาธารณชน, ค่าจัดการศพ 20,000 บาท, ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท กรณีบิดามารดายังมีชีวิต 4.ค่าเสียหายอื่น 40,000 บาท กรณีเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเป็นที่สนใจของสาธารณชน ส่วนผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บมีสิทธิ์ได้รับการเยียวยา ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 40,000 บาท, ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ไม่เกิน 20,000 บาท, ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ ตามค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่จังหวัดที่ประกอบการงาน ไม่เกิน 1 ปี และค่าตอบแทนความเสียหายอื่นๆ ไม่เกิน 50,000 บาท โดยขึ้นอยู่กับการสรุปความเห็นเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนและการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ประจำจังหวัดเป็นสำคัญ” นายธีรยุทธกล่าว
ด้านนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และเลขาธิการพรรคกล้าธรรม (กธ.) เปิดเผยว่า ในเดือนนี้ตนขอสละเงินเดือนในฐานะ สส. โดยจะนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ทหารจากจังหวัดกำแพงเพชร ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่แนวหน้าบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกำลังเผชิญสถานการณ์ตึงเครียดจากเหตุปะทะระหว่างสองประเทศ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้เสียสละในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ
“ทหารเหล่านี้ไม่ใช่เพียงกำลังพล แต่คือคนของเรา พี่น้องของเรา ลูกหลานของเรา และที่สำคัญที่สุดคือ การเสียสละเพื่อชาติของทหารทุกคน ทำให้วันนี้คนไทยรู้ชัดแล้วว่า ทหารมีไว้ทำไม" นายไผ่กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
ในหลวง พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ รัชกาลที่ 9
ในหลวง พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

