
ประชาชนพรึ่บ! เต็มอนุสาวรีย์ชัยฯ ฮือไล่ "อุ๊งอิ๊ง" พ้นตำแหน่งนายกฯ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินจี้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว "จตุพร" ลั่นไทยไม่แพ้สงคราม แต่แพ้เพราะตัวแทนรัฐบาลได้แสดงความโง่ "หมอวรงค์" เดือด ซัด "ภูมิธรรม" หน่อมแน้ม เป็นแค่หุ่นเชิด ไม่ใช่ผู้นำแต่คือขี้ข้า เร่งปิดบัญชีระบอบทักษิณ
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ช่วงเวลา 14.00 น. กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยเปิดเวทีปราศรัยแสดงพลังห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร โดยมีการปราศรัยเพื่อส่งเสียงสะท้อนไปถึงสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
โดยเริ่มมีประชาชนบางส่วนทยอยเข้าจับจองพื้นที่ พร้อมชูธงชาติบริเวณถนนหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและสกายวอล์ก เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมกำลังรักษาความปลอดภัยไว้โดยรอบพื้นที่จัดงาน 2,000 นาย
ในส่วนกิจกรรม ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเวลา 12.00 น. จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น. โดยมีหลายบุคคลขึ้นเวทีปราศรัยสลับกัน อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน, นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีจุดเปิดรับบริจาคสิ่งของ (เมืองหลวงห่วงชายแดน) เพื่อนำไปบริจาคให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจที่ยังปฏิบัติงานตามแนวชายแดนด้วย ทั้งนี้ สำหรับข้อเรียกร้อง 3 ข้อของกลุ่มผู้ชุมนุม คือ 1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องลาออกจากตำแหน่ง โดยไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสิน 2.พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากรัฐบาลทันที 3.แสดงจุดยืนปกป้องอธิปไตย
นายจตุพรให้สัมภาษณ์ว่า ความตายของประชาชนและทหาร และการเสียดินแดนที่ปราสาทตาควาย ถือว่าได้สร้างความเสียหายขั้นสูงสุด ดังนั้น การที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ที่บินไปเจรจาหยุดยิง เป็นการเจรจาหยุดยิงโดยที่ไม่ได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับทหารนั้น แม้ว่าเราจะได้คืนหลายยุทธภูมิ แต่ก็ยังเหลือรอยด่าง ซึ่งจากสิ่งที่เราประกาศกันมาคือ ในแผ่นดินของรัชกาลที่ 10 จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว การไปเจรจาหยุดยิงที่ไม่มีเงื่อนไข จึงนำไปสู่การเสียดินแดนที่ปราสาทตาควาย
เขากล่าวว่า การไปเจรจาที่ประเทศมาเลเซียถือว่าเป็นความผิดพลาด เราไม่ควรให้ชาติที่ 3 เข้ามายุ่งเกี่ยวตั้งแต่ต้น และคู่เจรจาต้องรู้สถานการณ์ในสมรภูมิทุกที่ โดยเฉพาะที่ปราสาทตาควาย เมื่อกัมพูชาไม่ยอมหยุดยิงในเวลา 18.00 น. จนต้องขยายเวลาเป็น 24.00 น. รัฐบาลก็ต้องรู้ว่ากัมพูชามีภารกิจพิเศษ ต้องไม่รับเงื่อนไขดังกล่าว อีกทั้งหลังจากนั้นก็ยังมีสถานการณ์ปะทะประปราย ดังนั้นเมื่อกัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลง และเราเสียปราสาทตาควาย ก็ต้องยกเลิกข้อตกลงทั้ง 3 ข้อ เพราะกัมพูชาละเมิดข้อตกลง
“เราไม่ได้แพ้ในสงครามนี้เลย เราแพ้เพราะตัวแทนรัฐบาลได้แสดงความโง่ จะจงใจหรือไม่ก็ตาม นำไปสู่สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น” นายจตุพรกล่าว
ด้านนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่า การชุมนุมเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากครั้งก่อน แต่ข้อเรียกร้องเดิมคือ น.ส.แพทองธารต้องรับผิดชอบต่อกรณีคลิปเสียงหลุด เพราะผลของคลิปหลุดทำให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการสู้รบ ทหารได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และอิทธิพลที่ น.ส.แพทองธารพูดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ใช่พวกเรา ทำให้กัมพูชาได้ใจ มีความฮึกเหิมจนทำให้เกิดการสู้รบ น.ส.แพทองธารปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ไม่ได้ จึงต้องลาออกจากตำแหน่งทันที พร้อมส่งเสียงไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล โดยตั้งคำถามว่าจะต้องประคองรัฐบาลชุดนี้ต่อไปหรือ ควรเห็นใจทหารแนวหน้า ประชาชนที่เสียชีวิต เด็กน้อยที่ต้องถูกระเบิดในร้านสะดวกซื้อ พรรคร่วมรัฐบาลจะประคองระบอบชินวัตรไปถึงไหน จึงขอให้แสดงจุดยืนโดยการลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยทันที
นายพิชิตกล่าวว่า พวกเราต้องการสื่อสารไปถึงรัฐบาลกัมพูชา ขอประณามการกระทำ โดยเฉพาะทหารกัมพูชาที่ยิงปืนใหญ่ไปสู่เป้าหมายพลเรือน ซึ่งผิดขั้นตอนการรบ เป็นการทำลายประชาชน การกระทำเช่นนี้ถือเป็นอาชญากรสงคราม ส่วนรัฐบาลไทยที่ไปเจรจาหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้ไทยเสียเปรียบเป็นอย่างมาก เหตุใดถึงไม่ยื่นเงื่อนไขให้กัมพูชามาเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ของไทยเสียก่อน ทหารไทยทำงานลำบาก เนื่องจากกัมพูชาผิดอนุสัญญาออตตาวา วางทุ่นระเบิดเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลกลับเจรจาให้หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งที่ควรยื่นเงื่อนไขให้กัมพูชาต้องมาถอนทุ่นระเบิดออกไปให้หมด ฉะนั้นการกระทำของรัฐบาลเป็นการปกป้องประเทศไทยหรือปกป้องผลประโยชน์ของใครกันแน่
ส่วนที่ น.ส.แพทองธารระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากสองตระกูล แต่เป็นเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น นายพิชิตกล่าวว่า เราไม่เคยเห็นปรากฏการณ์ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นรูปธรรมในกัมพูชา ไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตยังไม่ตัด การอ้างถึงการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์และคลิปหลุดที่ถามถึงความต้องการของสมเด็จฮุน เซน แสดงว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวในตอนนั้นยังดีอยู่ ไม่ได้ทะเลาะกัน
“ผมว่าเป็นข้ออ้างเอาสงครามมาเป็นนโยบายของตนเอง แปลกประหลาดมาก สู้รบกันแทนที่รัฐบาลจะรับผิดชอบ กลับไปเคลมว่าเป็นผลงานปราบคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล กลายเป็นว่า น.ส.แพทองธารยืนอยู่บนซากศพของทหารและประชาชน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของตนเอง ภูมิใจขนาดไหนที่กล้ายืนบนเลือดของพี่น้องประชาชนที่เสียชีวิต”
นายพิชิตกล่าวต่อว่า น.ส.แพทองธารต้องออกมาขอโทษ ไม่ใช่เกิดการสู้รบแล้วอ้างว่าเป็นผลงานเด่นของรัฐบาล นี่คือความอัปยศที่สุดที่ น.ส.แพทองธารทำต่อประชาชนคนไทย อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในวันนี้คาดว่าประชาชนจะเดินทางเข้ามาเต็มพื้นที่เหมือนการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา โดยไฮไลต์สำคัญคือการปราศรัย และจะมีการประกาศทิศทางโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เราหารือกันอยู่ว่าจากนี้ไปจะต้องมีการขยับชุมนุมที่ใกล้ทำเนียบรัฐบาล หรือการพักค้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมในช่วงเย็นว่า ประชาชนทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมนับหมื่นคน จนเต็มพื้นที่ถนนช่องจราจร 6 เลน ส่งผลให้บรรยากาศการชุมนุมมีความคึกคัก พร้อมเรียกร้อง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องลาออกจากตำแหน่ง โดยไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสิน 2.พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากรัฐบาลทันที และ 3.แสดงจุดยืนปกป้องอธิปไตย
จากนั้นแกนนำได้ขึ้นเวทีและร่วมกันยืนตรงเคารพธงชาติพร้อมกับกลุ่มผู้ชุมนุม และยืนสงบนิ่งสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนกิจกรรมในช่วงเย็น แกนนำต่างทยอยกันขึ้นปราศรัย และในเวลา 21.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้าย แล้วจะมีการแถลงการณ์ถึงทิศทางการชุมนุมต่อไป
ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น. รวมถึงเทศกิจ กทม. ยังคงตรึงกำลังและปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่การชุมนุม ทั้งบริเวณด้านล่างของถนนและบนสกายวอล์กและพื้นที่โดยรอบ เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านจราจรให้กับประชาชนที่เดินทาง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ปราศรัยว่า ในช่วงภาวะสงครามซึ่งจะต้องมีการแถลงข่าวสื่อสารกับประชาชน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นรักษาการผู้นำประเทศ กลับอ่านแถลงข่าวอย่างเดียว เหมือนหัวใจคุณไม่สู้ กลัวอะไรอยู่หรือเปล่า ตรงกันข้ามควรจะสบตากับกล้อง สื่อสารกับประชาชนว่าตนสู้เต็มที่ ใช้หัวใจสู้เต็มที่ แต่นายภูมิธรรมหน่อมแน้ม มันกลัว เพราะเป็นแค่หุ่นเชิด มันไม่ใช่ผู้นำ แต่คือขี้ข้า ตนตั้งใจจะชวนทุกคนไล่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แต่ไล่แค่คนเดียวไม่พอ แต่ควรไล่ขี้ข้าด้วย
เขากล่าวว่า เราคือประชาชน อยากจะสื่อสารไปยังประชาชนเขมรว่า เราเป็นคนด้วยกัน เราต้องไม่เกลียดกัน ประชาชนไทยกับประชาชนเขมรต้องไม่เกลียด แต่ประชาชนแต่ละประเทศมีสิทธิ์ที่จะเกลียดผู้นำ ประชาชนเขมรมีสิทธิ์ที่จะจัดการฮุน เซน ประชาชนไทยก็ต้องมีสิทธิ์ที่จะจัดการระบอบทักษิณ ขอส่งเสียงดังๆ ไปยังพนมเปญ เชิญชวนพี่น้องชาวเขมรลุกขึ้นเหมือนคนไทย ประชาชนทั้ง 2 ประเทศอนาคตต้องรักกัน แต่ก่อนที่จะรักกันได้ประชาชนเขมรต้องลบระบอบฮุน เซนให้ได้ และประชาชนไทยจะจัดการระบอบทักษิณ เชื่อว่าถ้าจัดการทั้ง 2 ระบอบนี้สำเร็จ ประเทศเราจะเกิดความปรองดอง คนไทยและคนเขมรจะมีความสามัคคีซึ่งกันและกัน
นพ.วรงค์ยังกล่าวว่า ขณะนี้พวกเรากำลังจะจัดการระบอบทักษิณให้จบลงเร็วๆ นี้ โดยวันที่ 9 ก.ย. เวลา 10.00 น. ศาลฎีกาตัดสิน อยากให้รับทราบคือการส่งตัวนักโทษคืนวันที่ 22 ส.ค.2566 มีคนพยุง 2 คน แต่เชื่อหรือไม่เขาได้ให้ปากคำ โดยคนหนึ่งบอกว่าถือถังออกซิเจน อีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ได้ถือเพราะเกะกะ รวมถึงเวลาเที่ยงคืนวันที่ 22 ส.ค.2566 มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกว่าเขาไปด้วยรถพยาบาลไปกัน 4 คน แต่มีการไต่สวนอีกชุดหนึ่งบอกว่าไป 8 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้บอกศาลว่านักโทษรักษาตัวอยู่ห้อง 1407 แต่เจ้าหน้าที่อีกคนบอกว่า 1404 พี่น้องเห็นลางหายนะของทักษิณแล้วใช่ไหม และการไต่สวนครั้งสุดท้าย ปากสุดท้ายที่ทักษิณเป็นคนเลือกเองคือวิษณุ เครืองาม ซึ่งวิษณุระบุว่าการขอรับพระราชทานอภัยโทษตัวเองไม่รู้เรื่อง
"นั่นหมายความว่าวิษณุถีบหัวส่งแล้ว แต่วิษณุเป็นนักกฎหมาย รู้อะไรเยอะ ดังนั้นคำพูดของเขาจึงมีนัยว่างานนี้ทักษิณ ตายๆๆ คุกๆๆๆ อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าทักษิณหนีแน่นอน" ประธานพรรคไทยภักดีกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท

