‘อ้วน’ท่องยึดคำพิพากษา รฟท.รับไร้แผนที่แนบท้าย

“ภูมิธรรม” บอกชาวบ้านเขากระโดงเสียหายให้เรียกร้องสิทธิ์ได้ตาม กม. เย้ยเห็นแต่บริษัทนิติบุคคลออกมาโวยวาย มั่นใจทำถูกต้องตามคำพิพากษา ติงทนายบุรีรัมย์ขอสุภาพหน่อย  เปิดเอกสารกรมที่ดิน พบ รฟท.ยอมรับไม่มีแผนที่ท้าย พ.ร.ฎ.

เมื่อวันที่ 8 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงกรณีชาวบ้านในพื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ยืนยันมีโฉนดถูกต้อง จะมีแนวทางเยียวยาอย่างไร หลังกระทรวงมหาดไทยเตรียมเพิกถอนที่ดินคืนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า เดี๋ยวต้องขอดู เพราะผู้มีอำนาจหน้าที่ต้องทำการตรวจสอบ เนื่องจากเท่าที่ฟังเมื่อวันที่ 7 ส.ค. มีแต่บริษัทนิติบุคคลที่ออกมาเรียกร้อง ไม่มีประชาชนเท่าไหร่เลย ว่าไปตามเนื้อผ้า ท่านเสียหายก็ว่าไป เพราะอย่างที่ตนบอกไปแล้วว่าเป็นที่ของหลวงตั้งแต่เริ่มต้นรัชกาลที่ 5 ท่านมอบให้ รฟท. ที่สำคัญคือ พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ที่ออกมารองรับเรื่องในรัชกาลที่ 6 เพราะฉะนั้นสองเรื่องนี้เริ่มต้นชัดเจนอยู่แล้วว่า พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานที่ดินให้ รฟท. จึงเป็นที่ของ รฟท.ชัดเจนตั้งแต่ต้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมาพิสูจน์ อะไรที่มาเปลี่ยนแปลงพระราชประสงค์ก็ต้องมาตรวจว่าของท่านมีความถูกต้องหรือไม่ ขณะนี้คำสั่ง รฟท.ต้องดำเนินการในการแจ้งความและพิจารณาเป็นรายๆ ไป  สำหรับกรณีพบว่าชาวบ้านซื้อมาโดยชอบอะไรก็แล้วแต่ ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะเราไม่ได้กลั่นแกล้งใคร” นายภูมิธรรมระบุ

ส่วนกรณีทนายความฝั่งบุรีรัมย์อ้างว่า รฟท.ไม่มีแผนที่แนบท้าย พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินนั้น นายภูมิธรรมปฏิเสธว่า ไม่จริง ว่าไปตามนั้น จริงหรือไม่จริง แต่ รฟท.ยืนยันว่าเขามีแผนที่แนบท้ายมาตลอด แล้วพระราชประสงค์จะต้องเอาอะไรมายืนยัน ชัดเจนว่าการที่จะมีส่วนที่แตกต่างกันไปบ้างอยู่ตามชายขอบ ฉะนั้นพื้นที่ตรงกลางทั้งหมดเป็นพื้นที่ผิดพระราชประสงค์ ให้ไปอยู่กับกระบวนการยุติธรรม เป็นหน้าที่ของอธิบดีกรมที่ดินและผู้ว่าฯ   รฟท.ไปว่ากันต่อไป ตนไม่มีอำนาจในการไปจัดการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ชาวบ้านยืนยันได้โฉนดมาถูกต้อง นายภูมิธรรมย้ำว่า ไปว่าตามศาล กระบวนการทางกฎหมายมีอยู่แล้ว ถ้าดูมีทุกเรื่องเลยว่าได้มาจริงหรือไม่ แต่ในชั้นต้นเราขีดฆ่าโฉนดทิ้งก่อนในฐานะเป็นที่หลวง ถ้าท่านคิดว่าการขีดฆ่าหรือถอนออกจากระบบทะเบียนไม่เป็นธรรม ก็มีสิทธิ์ฟ้องร้องได้ ไม่ได้ห้ามเลย ถ้าฟ้องก็ว่ากับหน่วยงานของรัฐ ไม่เกี่ยวกับตน

เมื่อถามว่า ทางทนายจะฟ้องให้มีโทษติดคุก 5  พันปีกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิกถอนโฉนดเขากระโดง นายภูมิธรรมตอบว่า ทนายไปพูดกับศาลดีกว่า อย่าพูดกับตน และให้สุภาพหน่อย

ส่วนกรณีบริษัทสนามแข่งรถและสนามฟุตบอลที่บุรีรัมย์จะฟ้องหน่วยงานที่เพิกถอนเรื่องค่าลิขสิทธิ์และค่าเสียหายจำนวนมหาศาลจากกรณีเพิกถอนที่ดินเขากระโดง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ฟังดูว่า ถ้าเป็นพื้นที่ของ รฟท.แล้วละเมิดจะต้องไปจ่ายค่าลิขสิทธิ์อะไร ตนว่าให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมมีหลายเรื่องในนั้น ไม่ต้องพูด ให้ว่ากันไป

“แล้วถ้าทนายคิดว่าจะต้องไปฟ้องร้องอะไร เชิญเถอะครับ ไม่มีปัญหา ยินดี ผมทำตามศาลฎีกาที่ตัดสิน และศาลปกครองก็บังคับเราในฐานะข้าราชการของรัฐ ตัดสินดำเนินการตามอำนาจที่ศาลฎีกาและศาลปกครองสั่งแล้วจะผิด ก็ว่าเลย ไม่มีปัญหา” นายภูมิธรรมย้ำ

วันเดียวกัน มีรายงานว่า พบเอกสารตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.64 ที่นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดินในขณะนั้น ได้ทำหนังสือ ที่ มท. 0516.2/3530 ถึงผู้ว่าฯ รฟท. เรื่อง ขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีเนื้อหาบางตอนว่า สำหรับกรณีที่ รฟท.  สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์คนงานรถไฟ กล่าวอ้างคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 842-876/2560 ลงวันที่ 16 ก.พ.60 และที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พ.ย.61 เพื่อให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามมาตรา 61  วรรคแปด แห่งประมวลกฎหมายที่ดินนั้น เห็นว่า การเพิกถอนหรือแก้ไขตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าว จะต้องเป็นกรณีที่ศาลได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นการออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้ดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดินนั้นด้วย แต่เนื่องจากในกรณีนี้คำพิพากษาของศาลฎีกาทั้งสองคดีไม่ได้พิพากษาให้เพิกถอนหรือแก้ไขแต่อย่างใด จึงไม่สามารถดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขตามมาตรา 61 วรรคแปด แห่งประมวลกฎหมายที่ดินได้

 อย่างไรก็ตาม กรณีศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 842-876/2560 กรมที่ดินได้แจ้งให้จังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินการจำหน่าย ส.ค. 1 เลขที่ 209 หมู่ที่ 1 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งได้ใช้เป็นหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดินออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกรมที่ดินได้มีหนังสือลับ ที่ มท 0516.2/3025 ลงวันที่ 13 ส.ค.64 แจ้งให้ รฟท.ทราบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว

 ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พ.ย.61 ได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1977/2564 ลงวันที่ 6 ส.ค.64 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการกับ น.ส. 3 ข. เลขที่ 200 หมู่ที่ (ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ 13) ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาว่าบางส่วนออกทับที่ดินของ รฟท. ตามมาตรา 61 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งดังกล่าว

รฟท.ยอมรับไม่มีแผนที่ท้าย พ.ร.ฎ.

กรณีที่กล่าวอ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 ลงวันที่ 6 ก.พ.60 และที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พ.ย.61 ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว ให้นำมาใช้กับโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ ซึ่ง รฟท.ได้แจ้งให้กรมที่ดินตรวจสอบว่าได้ออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น

กรณีดังกล่าวกรมที่ดินได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1556/2550 ลงวันที่ 29 พ.ย.50 และที่ 163/2552 ลงวันที่ 29 ม.ค.52 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไปแล้ว เนื่องจาก รฟท.ไม่สามารถหาแผนที่แนบท้าย พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ.2464 มาประกอบการพิจารณา

“คณะกรรมการจึงมีความเห็นว่า เมื่อ รฟท.ไม่สามารถจัดส่งหลักฐานแผนที่ประมาณที่กำหนดแนวเขตทางรถไฟเพื่อสำรวจและทำการสงวนหวงห้าม ตาม พ.ร.ฎ.กำหนดเขตสร้างทางรถไฟต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี พ.ศ.2462 มาประกอบการพิจารณาได้ และพยานหลักฐานอื่นๆ ตามที่ รฟท.ได้จัดส่งให้กรมที่ดินก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินที่มีการสำรวจเสร็จแล้ว และมีการสงวนหวงห้ามเข้าใช้ประโยชน์ตาม พ.ร.ฎ.กำหนดเขตฯ” เอกสารดังกล่าวระบุ

กรมที่ดินจึงไม่สามารถดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงได้ ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 99 ซึ่งกรมที่ดินได้หารือแนวทางปฏิบัติไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวจะต้องให้หน่วยงานที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐคือ รฟท.ฟ้องคดีต่อศาลขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลง

กรณีสมาพันธ์คนงานรถไฟและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทยร้องเรียนขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่มีข้อเท็จจริงเดิมที่เคยดำเนินการและยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใหม่แต่อย่างใด  ประกอบกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 และที่ 8027/2561 ทั้งสองคดี ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก รวมทั้งเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ไม่ได้ถูกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145

“สำหรับแผนที่ดังกล่าวที่ใช้ในการพิจารณาของศาล เป็นแผนที่ที่คู่ความรับกันในคดีและผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น จึงไม่สามารถนำแผนที่ดังกล่าวมาใช้ประกอบในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน

 “ทั้งนี้ กรณี รฟท.มีหนังสือแจ้งผลการดำเนินการว่า ไม่มีแผนที่ท้าย พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟแผ่นดินจัดสร้าง พ.ศ.2464 โดยกล่าวอ้างว่า ได้ใช้แผนที่แสดงเขตการรถไฟอ้างสิทธิ์ มาตราส่วน 1:4,000 ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้ยื่นต่อศาลในการต่อสู้คดี และขอใช้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ในการพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินนั้น หาก รฟท.ยืนยันว่าแผนที่ที่ใช้ในการพิจารณาของศาลดังกล่าวเป็นแผนที่ที่มีความถูกต้อง รฟท.ก็สามารถที่จะถ่ายทอดแนวเขตลงไปในระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศที่กรมที่ดินจัดส่งให้การรถไฟฯ และรับรองความถูกต้องได้เช่นกัน”

 ซึ่งกรมที่ดินมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ระวางแผนที่ที่การรถไฟฯ ได้ขีดเขตและรับรองแล้วเป็นหลักฐานอย่างหนึ่ง นอกจากหลักฐานอื่นๆ (ถ้ามี) ในการประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ เพื่อกรมที่ดินจะได้จัดส่งระวางแผนที่ดังกล่าวให้จังหวัดบุรีรัมย์ตรวจสอบว่าที่ดินแปลงใดต้องดำเนินการเพิกถอนทั้งแปลงหรือบางส่วนต่อไป

วันเดียวกัน นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. และอดีต สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ทำหนังสือถึง รมช.คมนาคม ที่กำกับดูแล รฟท. ขอให้ดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายกรณีที่ดินเขากระโดง ระบุตอนหนึ่งว่า นักการเมืองซึ่งมีทะเบียนบ้านอยู่ในบริเวณเขากระโดง ทั้งที่รู้ว่าศาลทั้ง 3 ศาล คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา แต่ละศาลได้ต่อสู้ใช้เอกสาร หลักฐานพยานบุคคล และเอกสารต่างๆ ในการต่อสู้ว่าเอกสิทธิ์ได้มาอย่างไร เป็นอันพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า ทุกศาลได้ตัดสินในแนวทางเดียวกัน คือที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นของ รฟท.โดยชอบธรรมเป็นที่ประจักษ์  แต่ด้วยเหตุใด มีนักการเมืองซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157

“ดังนั้น รฟท.สมควรฟ้องร้องนักการเมือง ในความผิดตามมาตรา 157 และความผิดฐานละเมิดโดยเร่งด่วนด้วย เพื่อให้กฎหมายคือกฎหมาย เป็นหลักให้ประเทศ และชดใช้ รฟท. โดยให้บริษัทประเมินมาประเมินค่าชดใช้ย้อนหลัง ขณะที่ได้บุกรุกทำประโยชน์ เพื่อเป็นบรรทัดฐานกับประเทศไป” นางกุสุมาลวตีระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม