จี้รัฐบาลริบเครื่องราชฯฮุนเซน

"ภูมิธรรม" ลั่นฟ้องผู้สั่งการกัมพูชาใช้กฎหมายในประเทศให้หัวเชื้อ เพราะมีชนักติดหลัง “ตำรวจไซเบอร์” หอบเอกสารชง อสส.ฟัน “ฮุน เซน” ผิดมาตรา 116 สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงลงมติเอกฉันท์ริบคืนปริญญาดุษฎีบัณฑิต บอกพฤติกรรมตรงข้ามประกาศเกียรติคุณ “ไตรศุลี” จี้รัฐทวงคืนเครื่องราชฯ 

เมื่อวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมยกร่างคำฟ้องกัมพูชาว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่าแนวทางเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นเราสามารถฟ้องได้ภายใต้กฎหมายในประเทศ ซึ่งเมื่อฟ้องแล้วก็จะเป็นชนักติดหลังไป หากเขาพร้อมมาเคลียร์ก็มาได้ หากไม่มาเคลียร์ก็ถือว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหา มีความผิดทั้งอาญาและแพ่งโดยศาลไทย ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่ ก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งต้องให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปดูในรายละเอียด ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้เป็นประโยชน์ที่สุดต่อประเทศ แลทำให้กัมพูชามารับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำ

เมื่อถามว่า จะไม่ใช้รูปแบบของศาลระหว่างประเทศใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไทยประกาศชัดเจนแล้วว่าไทยไม่ได้ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ส่วนกระบวนการจะเป็นอย่างไรก็ไปดูตามนั้น แต่เราสามารถใช้องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) ได้ และอีกหลายอย่าง ซึ่งมีกระบวนการยุติธรรมอยู่

ถามอีกว่า หากถูกดำเนินคดีที่ไทย ผู้ที่มีอำนาจฝั่งกัมพูชาก็ไม่สามารถเดินทางเข้าไทยได้ใช่หรือไม่  นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องรอให้กระบวนการเริ่มต้น และดูว่าถึงขั้นไหน เพราะเจตนาของไทยคือฟ้องร้อง ส่วนจะไปถึงขั้นไหนก็ว่ากันไป

วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พร้อมคณะ นำสำนวนคดีคลิปเสียงสมเด็จฮุน เซน สั่งไล่ล่ากลุ่มคนเห็นต่างมาให้กับอัยการสูงสุดพิจารณารับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร โดยมีเอกสารหลักฐานกว่า 50 แผ่น มี น.ส.ฐิติวดี สินธวณรงค์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับสำนวน

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์กล่าวว่า หลังจาก บก.สอท.1 ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ  ผบช.สอท. ให้ดำเนินการในเรื่องนี้ ได้สั่งการให้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้น จากการสอบสวนเชื่อว่าเป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ซึ่งต้องส่งเรื่องให้ อสส.เป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมายในการพิจารณาสำนวนและสั่งการตั้งพนักงานสอบสวนต่อไป

“เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ สภ.บ้านฉาง จังหวัดระยอง เมื่อสิงหาคม ปี 2566 ผู้ที่ถูกทำร้ายซึ่งเป็นบุคคลตรงกับชื่อในคลิปเสียงคือ นายพร พันนา นักเคลื่อนไหวทางการเมืองขั้วตรงข้ามสมเด็จฮุน เซน ซึ่งมีคนร้าย 3 คน ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายพรจนเป็นเหตุให้ได้อันตรายแก่กายและจิตใจ จากข้อมูลตอนนี้พบว่านายพรได้ลี้ภัยไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา การกระทำของสมเด็จฮุน เซน เข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี โดยในคลิปเสียงที่ปรากฏในสื่อต่างประเทศมีการสั่งให้บุคคลชื่อ นายเคลียง ฮวด ชาวกัมพูชา ทำหน้าที่ดำเนินการในไทย และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง มีคนทำร้ายและผู้ถูกทำร้ายเป็นไปตามในคลิปเสียง โดยตัวของนายเคลียง ฮวด ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในไทย รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในสำนวนการสอบสวน”

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า หลังพิจารณาสำนวนแล้วหากพบกระทำผิดเกิดขึ้นจริงก็จะออกหมายจับ ในกรณีที่ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ จะออกหมายแดง ประสานความร่วมมือตำรวจสากล แต่จะไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ ต้องอยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายของประเทศไทยก่อน ส่วนคดีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างสมเด็จฮุน เซนกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรมนั้น ได้ประชุมหารือด้วยกับสำนักงานอัยการสอบสวนไปแล้ว จะเสร็จสิ้นภายในเดือน ส.ค.นี้

วันเดียวกัน สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ประชุมและมีมติให้เพิกถอนปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ ของสมเด็จฮุน เซน ด้วยเหตุผลว่า ส่วนหนึ่งของคำประกาศเกียรติคุณปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ ได้ระบุว่า สมเด็จฮุน เซน ได้เสริมสร้างและส่งเสริมความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรภาพ และความร่วมมืออย่างดี ความสัมพันธ์โดยเฉพาะระหว่างกัมพูชากับไทย เป็นไปอย่างมีมิตรภาพและภราดรภาพ ฯลฯ แต่สมเด็จฮุน เซน ได้แสดงพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกับคำประกาศเกียรติคุณดังกล่าว  โดยมีท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐไทยอย่างชัดแจ้ง มีการสนับสนุนส่งเสริมให้มีการใช้กำลังอาวุธอย่างรุนแรงอย่างไร้มนุษยธรรมต่อประชาชนชาวไทย เป็นเหตุให้ทหารและพลเรือนไทยต้องบาดเจ็บล้มตาย บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเสียหายอย่างประเมินค่ามิได้ รวมตลอดทั้งส่งเสริมให้มีการรุกล้ำอำนาจอธิปไตยของไทย ซึ่งนำไปสู่การปะทะกันตามแนวพรมแดนของทั้งสองประเทศ พฤติกรรมสวนทางกับคำประกาศเกียรติคุณที่สมเด็จฮุน เซน เคยได้รับการยกย่องเชิดชูจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

“หากปล่อยให้สมเด็จฮุน เซน ถือครองสิทธิในปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ดังกล่าวต่อไป ย่อมทำให้สังคมไทยเกิดความเข้าใจผิดในเจตนารมณ์ของการมอบปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงที่เป็นเอกฉันท์ ให้เพิกถอนปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ของสมเด็จฮุน เซน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงมติเป็นต้นไป”

ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้รัฐบาลไทยถอดถอนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่นายกฯ และรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2544 สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ประกอบด้วย 1.เครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก สมเด็จฮุน เซน 2.เครื่องราชอิสริยาภรณ์ประถมาภรณ์ช้างเผือก นายฮอร์ นัมฮอง รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ

ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กเช่นกันว่า อยากขอแรงให้ผู้แทนปวงชนชาวไทยทั้ง สส. และ สว. กดดันรัฐบาลให้ดำเนินคดีต่อผู้นำกัมพูชา ด้วยการฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเรื่องการใช้อาวุธต่อพลเรือน  โดยพรรคการเมืองไหนประกาศว่า จะนำฮุน เซน  และฮุน มาเนต ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ จะเลือกพรรคนั้น ส่วนประชาชนก็ขอแรงท่านกดดัน  สส.ของท่านให้ช่วยทำเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของประเทศ อย่าให้พลเรือนไทยตายฟรี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม