ดรามาลวดหนามหีบเพลง “ภูมิธรรม” สื่อสารกับกองทัพผ่านสื่อ ติงไม่จำเป็นต้องขึ้นเพจเฟซบุ๊กขอให้ประชาชนช่วย เพราะรัฐบาลมีงบฯ พร้อมช่วยเหลือเต็มที่ บอกแม่ทัพภาคที่ 2 ถ้าขาดก็บอกมา โวยทำให้ประชาชนไม่เข้าใจหาว่ารัฐบาลขัดขวาง ขู่ฟ้องคนวิจารณ์ว่าเอาใจเขมร ด้านโฆษกกองทัพบกแจงนิ่มๆ ต้องการทันทีแต่กระบวนการจัดซื้อทางราชการต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน แถมลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ไม่มีในท้องตลาด ต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันปัญหาไม่ใช่งบประมาณแต่อยู่ที่เวลา
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดจนขาขาดอีก 1 นาย เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่า ได้รับทราบแล้ว และขอแสดงความเสียใจต่อนายทหารท่านนี้ เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจ เพราะท่านกำลังทำหน้าที่อยู่ ส่วนที่มีทหารระบุหลังจากเกิดกรณีนี้ต้องมีการปกป้องตนเองนั้น ตนคิดว่าตามสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศสามารถทำได้ ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่กระทบและเป็นปัญหาที่ผิดอนุสัญญาต่างๆ โดยเฉพาะการใช้กับระเบิด ผิดอนุสัญญาออตตาวาอยู่แล้ว
มีขั้นตอนของมันว่า จะต้องไปดำเนินการยื่นเรื่องฟ้องร้องกับทางสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหา ทางยูเอ็นจะมีขั้นตอนในการที่จะแจ้งให้ทั้งสองฝ่ายทราบ และจะมีกระบวนการที่จะดำเนินการต่อไป ตรงนี้สามารถทำได้ตามกฎหมาย เมื่อเช้าวันเดียวกัน (13 ส.ค.) ได้คุยกับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เขาเตรียมพร้อมที่จะยื่นอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องใช้ความระมัดระวัง แต่เป็นเรื่องที่กระทำได้และควรกระทำ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้เห็นได้ชัดว่า ความประสงค์ของกัมพูชาไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เกิดสันติภาพ เดี๋ยวคงจะได้มีกระบวนการและคงได้คุยกันกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ขอรับการสนับสนุนลวดหนามหีบเพลง รักษาการแทนนายกฯ ตอบว่า อยากทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จริงๆ ในกระบวนการหากคิดว่าไม่พอสามารถแจ้งมาที่กองทัพหรือผู้บัญชาการทหารบกได้ และสิ่งเหล่านี้สามารถที่จะจัดได้ เพราะเป็นเรื่องที่ตนพูดอยู่ตลอดเวลากับแม่ทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ ว่าอะไรที่ขาดหรือจำเป็นให้รีบทำเรื่องเสนอขึ้นมา รัฐบาลจะให้งบกลางช่วยเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องนี้เสนอมา ส่วนใหญ่เสนอมายังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเรื่องเหล่านี้หากเสนอขึ้นมาอนุมัติหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณกำลังพลทั้งหมด จริงๆ ยังไม่จำเป็นไปถึงขนาดขึ้นเพจเฟซบุ๊กขอให้ประชาชนมาช่วย ตนคิดว่าจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ รัฐบาลไม่มีอะไรขัดขวาง อยากจะเรียนให้แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ทราบ เพราะว่าถ้าขาดจริงๆบอกมา เรามีงบประมาณให้อยู่แล้ว และได้บอกไปแล้วว่าตอนนี้อะไรที่สามารถเอามาจากตรงไหนได้ให้เอามาก่อน ตรงไหนขาดบอกมาจะใช้วิธีพิเศษที่สามารถพิจารณาให้ได้เลย เพื่อให้ได้ของ ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันได้
“รัฐบาลยืนยันว่าอะไรที่ขณะนี้เป็นเรื่องที่ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับกำลังพลในการรักษาอธิปไตยของประเทศ รัฐบาลนี้ไม่ขัดข้อง ได้มีการเปิดงบกลางให้ได้ใช้อยู่แล้ว”
ให้ทนายดำเนินการฟ้องทั้งหมด
นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยากขอความกรุณาและกราบเรียนพี่น้องประชาชนช่วยกันในการแก้ปัญหา ตนก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน แต่ว่าอยู่ในฐานะหน้าที่ เราพยายามจะนิ่งให้ได้มากที่สุด การที่บอกว่าตนไปเข้าข้างเขมร บอกว่าระเบิดที่ลงที่โรงพยาบาลไม่ใช่อย่างโน้นอย่างนี้ ไม่จริงนะครับ และถ้าไปดูเทปทั้งหมดเขาถามว่าจะชี้แจงอย่างไรหรือไม่ ทำไมระเบิดถึงลงเฉพาะที่นี่ ตนก็บอกว่าเขาไม่ได้ยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมาย หากยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมายจะไม่มีการเสียชีวิตของพลเรือนเลย เป็นการยิงด้วยระเบิด BM-21 ที่ออกมาทีละจำนวนมาก กระจัดกระจาย ไม่ได้ไปที่เป้าหมายทางทหาร นั่นหมายความว่าพลเรือนและโรงพยาบาล ตนคิดว่าอย่าเอาไปบิดเบือนทำลายรัฐบาล สร้างความไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่ไว้วางใจประชาชนในประเทศ เกิดความแตกแยก
“ซึ่งมีนักวิจารณ์การเมืองบางคนไปพูดว่าให้ตัดขาผม จะได้รู้ว่าหัวอกเป็นอย่างไร ทั้งหมดนี้ผมจะฟ้องหมด ผมนี่เป็นคนที่ไม่คิดจะฟ้องใคร แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องทำให้ประจักษ์ อย่างที่ผมเคยทำในอดีต ผมเคยถูกโจมตี จนกระทั่งสนธิแพ้ผมในชั้นศาลฎีกา อันนี้เคยมาแล้ว ขอโทษมาแล้ว เรื่องนี้เหมือนกัน อย่าพูดอะไรพล่อยๆ อย่าพูดอะไรทำให้เกิดความแตกแยก อย่าพูดอะไรที่ทำร้ายคนอื่น อยากให้สื่อช่วยด้วยในสิ่งที่ผมพูดไป ไม่อย่างนั้นผมจะพูดในสิ่งที่ควรจะพูดเท่านั้น จะไม่พูดอะไรที่มากไปกว่านี้แล้ว เพราะพูดไปแล้วมีการไปทำร้ายกัน เอาไปบิดเบือนกัน ตัดตอนบางส่วนที่พูด แล้วก็ไม่มีใครช่วยเหลือ ผมคิดว่าต้องทำให้เป็นธรรม ไม่อย่างนั้นก็ไม่เหมาะสม อันนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจผม กำลังจะให้ทนายผมดำเนินการฟ้องทั้งหมด ที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งข้อมูลและสิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ทั้งหมดเก็บไว้หมดแล้ว” นายภูมิธรรมกล่าว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรมขอให้กองทัพภาคที่ 2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันว่ารัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันมีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน
"การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญกรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ไม่มีในท้องตลาด ต้องสั่งผลิต จึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา" โฆษก ทบ.กล่าว
ปิดการรับลวดหนามหีบเพลง
จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 ขอรับการสนับสนุนลวดหนามหีบเพลง ขนาดลวดหนามหีบเพลงที่ได้ประกาศความต้องการไว้เดิมคือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 100 ซม. ซึ่งหาได้ยากในท้องถิ่น จึงสามารถใช้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 90 ซม.แทนได้ และสามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กองทัพภาคที่ 2 ขอขอบคุณทุกแรงสนับสนุนและความเข้าใจ พร้อมยืนยันว่าจะปฏิบัติภารกิจด้วยความมุ่งมั่นและเต็มกำลัง เพื่อความปลอดภัยของประเทศชาติและความสงบสุขของพี่น้องประชาชนทุกคน
ต่อมา เพจกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความว่า ขอแสดงความขอบคุณอย่างสูงต่อรัฐบาล หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน ที่ได้ให้การสนับสนุนลวดหนามหีบเพลงมายังกองทัพภาคที่ 2 อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา การสนับสนุนดังกล่าวมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการเสริมสร้างความพร้อมด้านการป้องกันพื้นที่และรักษาความมั่นคงของประเทศ
ปัจจุบัน กองทัพภาคที่ 2 ได้รับลวดหนามหีบเพลงเพียงพอต่อความต้องการใช้งานแล้ว เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดการรับเกินความจำเป็น จึงขอประกาศปิดการรับการสนับสนุนลวดหนามหีบเพลงไว้แต่เพียงเท่านี้
วันเดียวกันนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการดำเนินการกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นจะเป็นประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อขอให้ใช้กลไกในกรอบอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) เพื่อไต่สวนการกระทำของกัมพูชา ซึ่งฝ่ายเลขาธิการของอนุสัญญาออตตาวาได้มีหนังสือตอบกลับมาด้วยแล้ว และในวันศุกร์ที่ 15 ส.ค. จะมีการพูดคุยกับประเทศผู้บริจาคในกรอบอนุสัญญาออตตาวา เพื่อให้เห็นการดำเนินการของกัมพูชา โดยเฉพาะในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee) หรือ GBC ไทย-กัมพูชา ซึ่งไทยเสนอเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่กัมพูชากลับปฏิเสธ พร้อมยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ เพื่อขอให้ใช้กลไกอาเซียนกดดันให้กัมพูชาร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
นายมาริษกล่าวอีกว่า ในห้วงการเดินทางเยือนนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตนได้พบเลขาธิการสหประชาชาติ หรือเลขาธิการ UN และรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแล้ว และได้ประท้วงท่าทีความไม่จริงใจของกัมพูชาต่อทั้ง 2 บุคคลและในโอกาสต่างๆ เสมอมา
กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาร้ายแรง
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กต.ได้มีหนังสือประท้วงไปยังฝ่ายกัมพูชาต่อกรณีทั้งสองด้วยแล้ว เพื่อเรียกร้องให้กัมพูชารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว สำหรับนายเวทีระหว่างประเทศ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ได้มีหนังสือประท้วงถึงประธานที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่องถึงการละเมิดข้อ 1 ของอนุสัญญาออตตาวา ขณะที่เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก กำลังมีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อประท้วงอีกครั้ง และเพื่อติดตามเรื่องที่ไทยได้เรียกร้องขอรับความชัดเจนจากฝ่ายกัมพูชาไปแล้วตามข้อ 8 วรรคสองของอนุสัญญาออตตาวา และกำลังรอคำชี้แจงจากฝ่ายกัมพูชาผ่านเลขาธิการยูเอ็นต่อไป พร้อมกันนี้ ไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดกับกัมพูชาเป็นจำนวนมากหลายปี พิจารณาทบทวนความช่วยเหลือต่างๆ โดยคำนึงถึงการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่ละเมิดอนุสัญญาอย่างร้ายแรง
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า ที่ประชุม ศบ.ทก.ได้หารือเรื่องการปฏิบัติของผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวของอาเซียน ซึ่งเป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) สมัยวิสามัญ โดยการนำผู้ช่วยทูตทหารของสมาชิกอาเซียน นำโดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของมาเลเซียประจำประเทศไทย ลงพื้นที่เพื่อสังเกตการณ์ผลกระทบต่างๆ ในพื้นที่ รวมไปถึงความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อแสดงความโปร่งใส ความจริงใจ และยืนยันการปฏิบัติของฝ่ายไทยตามหลักปฏิบัติของสากล
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า สำหรับเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการเสริมสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทาง ศบ.ทก. โดยพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบ.ทก. มีความห่วงใยและพยายามเร่งหาแนวทางในการประสานความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่มีการวางในพื้นที่จำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับหรือความร่วมมือจากกัมพูชาเท่าที่ควร ล่าสุดได้เร่งประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อขอให้ศูนย์อาเซียนเพื่อความร่วมมือด้านการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม (ARMAC) ซึ่งปัจจุบันผู้อำนวยการบริหารของศูนย์ดังกล่าวเป็นกัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายกัมพูชา และ ARMAC แสดงความจริงใจในการสนับสนุนภารกิจการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนด้วย เนื่องจากยังพบว่ามีทหารกัมพูชายังลักลอบวางทุ่นระเบิดจำนวนมาก ซึ่งทุ่นระเบิดนั้นๆ ถือเป็นภัยคุกคามที่ไม่ใช่แก่กำลังพลทหาร หรือฝ่ายความมั่นคงเท่านั้น แต่มีผลกระทบและอันตรายต่อพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนทั้งไทยและกัมพูชาด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท

