"ภูมิธรรม" ชี้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาจัดการตามขั้นตอน ย้ำ "เปิด-ปิดด่าน ล้อมรั้วชายแดน" ต้องรอวงประชุมจีบีซี รับทำความเข้าใจ ปชช.ช้าไม่ทันการณ์ แต่ทางการทูตยื่นร้องไปแล้ว "จีน" อาสาเป็นกาวใจเคลียร์ปมทุ่นระเบิด ฟื้นสัมพันธ์ 2 ประเทศ อยากอยู่กันอย่างสันติ "รัฐบาล" แจงเขมรปั่นเฟกนิวส์ภาพรื้อลวดหนาม-ปลดธงชาติไทย "แม่ทัพภาค 2" ลั่นพร้อมนำหลักฐานเขมรวางทุ่นระเบิดใหม่ โชว์คณะทูตลงพื้นที่ 16 ส.ค. สั่งทหารงดเดินเท้าลาดตระเวนชั่วคราว หันใช้โดรนตรวจชั่วคราวลดความสูญเสีย "พระองค์เจ้าเฉลิมศึกฯ” แฉมีขบวนการบิดเบือนไทยใช้อาวุธเคมีในเวทีโลก "กต." หวัง "เลขาฯ ยูเอ็น" ใช้อำนาจเรียกเขมรแจงปมวางทุ่นระเบิดใหม่ "ขอนแก่น" แจ้งจับ "มท.อ้วน" ทำ ปท.เสี่ยงเสียอธิปไตย "JBC เขมร" ออกแถลงประณามไทยติดตั้งลวดหนามรุกล้ำดินแดนกัมพูชา
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 15 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงกรณี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุจะไม่มีการเปิดด่านชายแดนจนกว่าตนเองจะเกษียณอายุราชการว่า แนวทางรัฐบาลชัดเจนอยู่แล้วว่ารอให้การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) เกิดขึ้นก่อน ค่อยว่าไปตามนั้น ว่าไปตามกระบวนการ
ถามถึงเรื่องการล้อมรั้วชายแดนประชาชนบางส่วนอยากให้ทำเป็นกำแพงถาวรไปเลย นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องรอการเจรจา เรามีกระบวนการอยู่ ทุกอย่างต้องว่าไปตามกระบวนการ แต่ความปรารถนาจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที
ซักว่า กระทรวงการต่างประเทศเชิญทูตต่างประเทศไปดูเรื่องกัมพูชาใช้ทุ่น นายภูมิธรรมกล่าวว่า อะไรที่เป็นข้อเท็จจริงเราก็เสนอได้ และจริงๆ เราได้ยื่นประท้วงไปแล้วว่ากัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวาไปแล้ว ดังนั้นประเด็นนี้คงไม่มีปัญหาอะไร รอให้เรื่องต่างๆ มันเกิดขึ้น ก็จะเป็นประเด็นหนึ่งที่เราจะใช้คุยในคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (อาร์บีซี) และจีบีซี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งแต่เกิดปัญหาขึ้น และเราได้ร้องไปที่องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ องค์กรเหล่านั้นได้มีปฏิกิริยาอย่างไรหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า หลายองค์กรได้ติดตามแล้ว บางองค์กรได้เรียกประชุมกัน ขณะนี้ในกระบวนการทางด้านการทูตก็มีกระบวนการของเขาอยู่ แต่ทั้งหมดนี้อย่างที่ตนเคยบอก ให้เก็บหลักฐานทั้งหมด และจะเอาไปใช้ในช่วงเวลาหรือกระบวนการที่เหมาะสมที่จะต้องทำ
"ผมเชื่อว่าประชาคมโลกเครดิตของประเทศไทยเป็นเครดิตที่ได้รับการยอมรับมากกว่า ทั้งพฤติกรรมและกระบวนการต่างๆ ประเทศไทยมีการดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนทางกฎหมายมาตลอด แม้ว่าอาจจะมีเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชนน้อยไปบ้าง ไม่ทันการณ์บ้าง แต่ส่วนใหญ่ในทางการทูตและทางกฎหมายเรายื่นเรียบร้อยกว่าทุกอย่าง" นายภูมิธรรมกล่าว
ด้านสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความในหัวข้อ รมว.การต่างประเทศจีน ไทยและกัมพูชา จัดการประชุมจิบน้ำชาที่เมืองอานหนิง โดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ทั้ง 3 ฝ่ายได้พูดคุยกันอย่างเป็นมิตรและตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ท่ามกลางบรรยากาศที่กลมกลืน จีนสนับสนุนไทยและกัมพูชาในการเจรจาแก้ไขปัญหาความเข้าใจผิด สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และฟื้นฟูการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือให้เป็นปกติ
จีนอาสากาวใจไทย-กัมพูชา
จีนยินดีให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือด้านการกำจัดทุ่นระเบิดและกิจกรรมอื่นๆ ในพื้นที่ชายแดนตามความประสงค์ของทั้งสองฝ่าย ดังสุภาษิตจีนโบราณที่ว่า "พี่น้องทะเลาะกันภายในรั้วบ้าน แต่ร่วมปกป้องการรุกรานจากภายนอก" ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงคุณค่าของสันติภาพและความสำคัญของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และย้ำถึงความเต็มใจที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างแข็งขัน ใช้กลไกการเจรจาให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ และจัดการและแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวว่า ศบ.ทก.ได้รับรายงาน ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ เรื่องทหารกัมพูชาปลดธงชาติและรื้อลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกองทัพบกร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง รั้วลวดหนามที่กองทัพบกติดตั้งอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีความเสียหายใดๆ
“เรื่องนี้เป็นเฟกนิวส์ที่ทางกัมพูชาสร้างขึ้นเพื่อหลอกคนในประเทศตัวเองว่าสามารถยึดพื้นที่คืนจากประเทศไทยได้” นายจิรายุกล่าว
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.บุญสินกล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะทูตที่เป็นผู้แทนจากสถานทูตประเทศภาคีของ Ottawa Convention ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและศรีสะเกษ ที่บริเวณผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปและการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 2 ในพื้นที่ภูมะเขือว่า เราพร้อมอยู่แล้วที่จะให้ผู้แทนนานาชาติเข้าไปดูพื้นที่เกิดเหตุเพื่อให้เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ เราได้เก็บข้อมูลหลักฐานเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งชี้ชัดได้ว่าทหารกัมพูชาเป็นผู้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตอธิปไตยของไทย ทำทหารไทยบาดเจ็บหลายราย
"มีทุ่นระเบิดที่เราเก็บได้ และจะพาไปดูจุดเกิดเหตุที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่กัมพูชาวางเอาไว้ ซึ่งเป็นแผ่นดินไทย และเป็นระเบิดที่นำมาวางใหม่ ขณะนี้เราได้ทำการเคลียร์พื้นที่ปลอดภัยแล้ว" พล.ท.บุญสินกล่าว
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการลาดตระเวนตามแนวชายแดนว่า ในระหว่างนี้สั่งการให้เฝ้าระวังทางไกลก่อน ยังไม่ให้เข้าไปพื้นที่ หากเครื่องมือ อุปกรณ์ การตรวจทุ่นระเบิดยังไม่เพียงพอ แต่หากมีความจำเป็นต้องลาดตระเวนให้ใช้เทคโนโลยีโดรน เฝ้าตรวจไปก่อนแทนการลาดตระเวนเพราะไม่คุ้ม พร้อมทั้งใช้ลวดหนามหีบเพลงที่ได้รับบริจาคกับประชาชนขวางกั้นให้ทั่วถึงทั้งหมด
ถามถึงกรณีโซเชียลแชร์รั้วลวดหนามหีบเพลงที่แข็งแรงของประเทศเพื่อนบ้านกับกัมพูชา ของไทยมีโอกาสที่จะสร้างแบบนั้นได้หรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการในอนาคต ซึ่งหากจะสร้างรั้วแบบนั้นต้องได้รับความยินยอมกัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านเราทำได้ บาดจุดที่มีการปักปันเขตแดนชัดเจนแล้ว ของไทยก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งอยากให้ทำและทยอยทำไปเรื่อยๆ ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น
"ยอมรับว่าชายแดนไทย-กัมพูชายาวมากเกือบ 1,000 กิโลเมตร คือต้องใช้งบประมาณสูง หากทำได้เช่นนั้น จะสามารถแก้ไขปัญหาลดการลาดตระเวน การเฝ้าตรวจ ใช้เทคโนโลยีเป็ด กล้องวงจรปิด ก็จะลดภาระงานของกำลังพล สำหรับปัญหาเรื่องโดรนบินล้ำแดน อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา" แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
แฉมีพวกใส่ร้ายเรื่องอาวุธเคมี
ด้าน พล.อ. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ที่ปรึกษากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก และผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์ แถลงชี้แจงว่า อาวุธเคมี มีอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีควบคุมอยู่ ซึ่งกัมพูชาและไทยต่างเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้ ไทยที่เป็นสมาชิกมานานแล้ว เชื่อว่าไม่มีอาวุธเคมี เพราะเราปฏิบัติตามกฎระเบียบเคร่งครัด การกล่าวหาของกัมพูชาที่ว่าทหารไทยโจมตีด้วยอาวุธเคมี โดยมีภาพประกอบเป็นเครื่องบินไอพ่น 2 เครื่องยนต์ โปรยของเหลวสีแดง ถูกจับได้ว่าเป็นภาพที่นำมาจากต่างประเทศ
ถามว่า นานาชาติจะเข้าใจเหมือนที่ท่านอธิบายหรือไม่ หรือจะเชื่อในสิ่งที่กัมพูชาบิดเบือน พล.อ. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล กล่าวว่า หลายประเทศก็ไม่เชื่อ เพราะถูกจับเท็จได้ แต่ก็มีบางประเทศหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่ชัดเจน ซึ่งตนได้ข่าวมาว่าพยายามจะมาจิกไทย ด้วยสงสัยหรือได้รับการว่าจ้าง ตนไม่ทราบ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องไปชี้แจงความเข้าใจ เพราะกระทรวงมีนักการทูต แต่ถ้านักการทูตไม่เก่งด้านเทคนิค ก็ต้องเรียกผู้สนับสนุนที่เป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคไปช่วยชี้แจงก็ได้ ตนยินดีไปและได้แจ้งกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว
เมื่อถามว่า เหตุใดวันนี้จึงออกมาเปิดตัว พล.อ. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึก บอกว่า เพราะรำคาญเสียงนกเสียงกา และกัมพูชาก็เล่นไม่เลิก จึงจำเป็นต้องออกมาเพื่อกระจายความน่าเชื่อถือออกไป ซึ่งข้อมูลฝ่ายไทยหนักแน่นอยู่แล้ว รู้กฎ รู้ระเบียบ
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เรื่องทุ่นระเบิดที่ผ่านมากัมพูชาปฏิเสธว่าหลักฐานที่ไทยมี ไม่น่าเชื่อถือ บางครั้งพูดเหมือนเป็นการจัดฉากจากฝ่ายไทย ถือเป็นการปฏิเสธที่ขาดเหตุผลหรือไม่มีน้ำหนัก ซึ่งฝ่ายไทยมีข้อสังเกตที่น่าสนใจให้พิจารณาคือ ทุ่นระเบิดส่วนใหญ่กัมพูชาจะพูดว่าในอดีตตกค้างจากสงครามในอดีต แต่ในข้อเท็จจริงระเบิดที่ตกค้างอยู่ในอดีต TMAC ได้ดำเนินการเก็บกู้แล้ว และรายงานไปยังองค์กรสากลเรียบร้อยแล้ว โดยระเบิดที่พบมี 1,300 ลูก ซึ่งทั้งหมดไม่มีชนิด PMN-2 อย่างที่พบในปัจจุบัน
พล.ต.วินธัยกล่าวว่า ในการเก็บกู้หรือเข้าตรวจสอบพื้นที่แบบประณีต ในพื้นที่ที่กองกำลังกัมพูชาเคยอยู่ จะเห็นว่ามีทุ่นระเบิด PMN-2 อยู่บริเวณภูมะเขือ และยังพบภาพและคลิปที่ได้มาในทางลับ เป็นภาพและคำสนทนาภาษากัมพูชา ที่ปรากฏว่าเป็นการเก็บระเบิดเพื่อเคลื่อนย้ายไปติดตั้งที่ใหม่โดยทหารกัมพูชาเอง
"หลักฐานทั้งหมดนี้ที่ฝ่ายไทยแสดงให้เห็น กัมพูชาอ้างว่าไทยจัดฉากขึ้น จึงอยากให้สื่อมวลชนเพื่อประกอบการพิจารณา รวมทั้งวันที่ 16 ส.ค. จะนำคณะทูตและสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง" พล.ต.วินธัยกล่ว
เพจกองทัพบก ทันกระแส ได้โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมข้อความระบุ “หลักฐานมัดแน่น! เปิดคลิปเต็ม ให้ดิ้นไม่หลุดกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิด สังหารบุคคล Type 72A” คลิปดังกล่าวเผยให้เห็นภาพ ทหารกัมพูชากำลังลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นบริเวณที่ทหารไทยปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน และเคยพบทุ่นระเบิดดังกล่าวมาก่อนหน้านี้
ที่กระทรวงการต่างประเทศ มีการเชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ มารับฟังการบรรยายเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ก่อนจะลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บริเวณผามออีแดง
นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วย รมว.การต่างประเทศ กล่าวบรรยายตอนหนึ่งว่า ไทยได้เสนอให้กัมพูชาดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดน แต่กัมพูชาได้ชะลอการดำเนินการดังกล่าว ต่อมาไทยได้ยื่นข้อเสนอนี้อีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 4-7 ส.ค.2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่กัมพูชาไม่ได้ยอมรับต่อข้อเสนอดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเชิญคณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาและผู้แทนอาเซียนมาฟังบรรยายครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวอย่างทุ่นระเบิดที่กู้ได้จากชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เก็บกู้มาแสดงให้คณะทูตดูด้วย เพื่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่
หวังยูเอ็นเรียกเขมรแจงทุ่นระเบิด
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า การบรรยายสรุปมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริง กรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชน
จากนั้นนายมาริษได้กล่าวผ่านวิดีโอคลิประบุว่า การจัดการบรรยายเพื่อชี้แจงให้ประชาคมโลกได้รับทราบความจริงที่ครบถ้วน เรื่องการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาที่กัมพูชาเป็นภาคี และความไม่ตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แม้ฝ่ายไทยจะเสนอให้มีการเก็บกู้ร่วมกันในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการปฏิบัติตามอนุสัญญาและข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด
จากนั้นได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามในประเด็นการร้องเรียนกัมพูชาเกี่ยวกับการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาใช้เวลาดำเนินการนานแค่ไหน นายนิกรเดชกล่าวว่า การประชุมอนุสัญญาออตตาวาครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. ในข้อเรียกร้องของเรา ไทยได้พูดถึงความเร่งด่วนของปัญหา แต่เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมว่าประธานอนุสัญญาจะเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการอย่างไร หรือให้ข้อเท็จจริงอย่างไร
"อย่างไรก็ดี ไทยได้ทำหนังสือเลขาธิการสหประชาชาติด้วย ซึ่งท่านมีอำนาจที่จะเรียกร้องให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงซึ่งอาจเกิดขึ้นก่อนได้ เราเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง และหวังจะเกิดขึ้นเร็วกว่าการประชุมรอบปกติ แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่" โฆษก กต.กล่าว
ที่โรงแรมบ้านทะเลภู รีสอร์ท อ.คลองใหญ่ จ.ตราด มีการประชุมคณะทำงานในคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค : RBC ระดับกองเลขานุการคณะกรรมการชายแดน ส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยการประชุมครั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปฟังการประชุมและบันทึกภาพระหว่างการประชุม แต่จะอนุญาตให้เข้าในการประชุมระดับประธานทั้งสองฝ่ายในวันที่ 16 ส.ค.2568 และจะมีการแถลงข่าวภายหลังประชุมแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ การประชุม RBC ในวันนี้เป็นการประชุมระดับเลขานุการด้านชายแดนก่อนเบื้องต้น โดยประเด็นหลักๆ มี 5 ประเด็นด้วยกัน คือ 1.การหยุดยิง ด้วยอาวุธทุกชนิด ทั้งการโจมตีบุคคลพลเรือน เป้าหมายทางพลเรือน และเป้าหมายทางทหารทุกกรณีและทุกพื้นที่ 2.ให้ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และทุกพื้นที่ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังตลอดแนวชายแดน 3.ให้ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันว่าจะไม่มีการเพิ่มกำลังเข้ามาในพื้นที่อำเภอชายแดนตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 4.การยั่วยุ ห้ามทั้งสองฝ่ายมีการยั่วยุกันอาจนำไปสู่การตึงเครียด และละเว้นการปฏิบัติการทางทหารเพื่อรุกล้ำเขตน่านฟ้า และการใช้อากาศยานไร้คนขับ และ 5.ให้ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันปฏิบัติตามกฎมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ พักอาศัย อาหาร และการรักษาพยาบาลในกรณีได้รับบาดเจ็บ โดยทางทหารที่อยู่ในความควบคุมจะต้องได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศทันที
ที่ สภ.เมืองขอนแก่น นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิดนายภูมิธรรม ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, 120, 124, 157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองโดยการปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย เสี่ยงทำให้ประเทศไทยเสียเอกราช
วันเดียวกัน คณะกรรมการชายแดนร่วมของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์อ้างถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ ซึ่งรวมถึงการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนกัมพูชา ตอนหนึ่งระบุว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค. กองทัพไทยได้ติดตั้งลวดหนาม ตาข่าย สิ่งกีดขวาง และยางรถยนต์ตามแนวชายแดนระหว่างด่านตรวจชายแดนหมายเลข 46 ถึง 47 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของหมู่บ้านจุ๊กเจย ตำบลอูเป่ยฉวน จังหวัดบันเตียเมียนเจย วันที่ 13 ส.ค. ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่คล้ายกันระหว่างด่านชายแดนหมายเลข 42 และ 43 ในหมู่บ้านเปรยจันที่อยู่ใกล้เคียง และวันที่ 14 ส.ค. ได้พยายามดำเนินกิจกรรมเดียวกันนี้ใกล้กับด่านชายแดนบึงตระกวน ในหมู่บ้านบันเตีย เมียนริธ และหมู่บ้านถนอลแรก
"JBC ของกัมพูชาจึงขอประท้วงอย่างรุนแรงอีกครั้งต่อการละเมิดของกองทัพไทย และเรียกร้องให้มีการรื้อถอนลวดหนาม ตาข่าย และยางรถยนต์ทั้งหมดออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยทันที นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้มีมาตรการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดพรมแดนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศด้วย" ท้ายแถลงการณ์ดังกล่าวระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


