"ภูมิธรรม" ยันฟ้องผู้นำเขมรใช้แค่ศาลไทย บอกใครเห็นควรฟ้องศาลอาญาโลกเสนอมาจะให้ทีม กม.พิจารณา "มาริษ" ย้ำต้องยึดสมดุลทั้งการทูต-อธิปไตย-ประโยชน์ชาติ “เลขาฯ กฤษฎีกา” แนะช่อง มท.ช่วย ปชช.ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายพ่อลูกตระกูลฮุนได้ "บิ๊กเล็ก" ขอให้อดทนการยั่วยุ บอกถึงจุดจุดหนึ่งค่อยว่ากัน เผย "อันวาร์" ขอเพิ่ม จนท.สังเกตการณ์แต่ไทยปฏิเสธ หวิดเดือด! ทหารเขมรขวางคณะผู้สังเกตการณ์ IOT ลงพื้นที่ช่องอานม้า-อนุสาวรีย์ตาอม ก่อนพูดคุยคลี่คลาย "มทภ.2" ซัดกัมพูชาไร้มารยาท ชี้สถานการณ์ชายแดนยัง 50:50 เหตุเขมรไว้ใจไม่ได้ รับเคยเตือนส่วนตัว "บิ๊กอ้วน" แล้ว ลั่นหากปะทะพร้อมสู้ "ครม." ไฟเขียวแผนชดเชยซื้อเครื่องบินกริพเพนเสริมศักยภาพการป้องกันประเทศ
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 19 ส.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการฟ้องร้องสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ข้อหาอาชญากรสงคราม นอกเหนือจากที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีความเห็นให้ฟ้องทั้งคดีแพ่งและอาญาต่อศาลไทย กรณีสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทยว่า การฟ้องร้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเงื่อนไข ซึ่งฝ่ายกฎหมายของ สมช. กระทรวงการต่างประเทศและกองทัพได้ร่วมกันพิจารณา ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ ตนคิดว่าเหมาะสมตามสภาพ ถ้าทำได้เขาก็คงทำ ไม่มีปัญหาอะไร แต่เราเริ่มสตาร์ทเรื่องนี้ก่อน
ถามว่า หากมีช่องทางที่จะนำเรื่องไปสู่ภายนอกประเทศได้ก็จะทำใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ไปถึงตรงนั้น ขณะนี้ยังเป็นเรื่องภายในประเทศ เมื่อถามว่านักวิชาการแสดงความเห็นว่าเราสามารถรับเขตอำนาจศาลโลกได้บางเรื่อง เพราะเป็นเรื่องเข้าข่ายอาชญากร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ให้เขาทำเรื่องเสนออย่างเป็นทางการมา ตนจะให้ฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา
ซักว่า สมเด็จฮุน เซน บอกถ้าเจอผู้นำไทยในประเทศกัมพูชาจะแจ้งจับเหมือนกัน นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบว่าสมเด็จฮุน เซน จะทำอะไรหรือคิดอะไร มติ สมช.เป็นสิ่งที่เราคิดภายในประเทศเรา ดูจากความเสียหายที่เกิดขึ้น และดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงการฟ้องผู้นำกัมพูชาจะกระทบความสัมพันธ์การเจรจาในกรอบต่างๆ หรือไม่ว่า เป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการ ซึ่งเรื่องนี้มีทั้ง 2 ด้าน คือ กัมพูชาละเมิดสิทธิต่างๆ ของคนไทย และสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดูรายละเอียด ขณะนี้เป็นเพียงแค่หลักการว่าเราจะพิจารณาดำเนินการ ต้องปล่อยให้มีการฟ้องร้อง และดูความเหมาะสมต่อไป
"การจะฟ้องขนาดไหน อย่างไร ต้องดูให้ดี ต้องพิจารณา โดยดูเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน และต้องทำทุกอย่างให้ราบรื่นที่สุดและดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามที่นายภูมิธรรมพูดตลอดว่าต้องดูความเหมาะสม โดยคำนึงถึงมิติต่างๆ รวมทั้งการต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกัน ต้องรักษาอำนาจอธิปไตยและรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย รวมถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศไทยด้วย" นายมาริษกล่าว
ส่วนนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงการฟ้องดำเนินคดีผู้นำกัมพูชาตามกฎหมายไทยว่า เป็นการนำตัวผู้กระทำผิด ผู้สั่งการมาดำเนินคดีในประเทศไทย ในกรณีที่ไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษในประเทศได้ เนื่องจากมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่คนที่ไม่มีเอกสิทธิ์ ถ้าเข้ามาต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไทย โดยอัยการสูงสุดจะเป็นผู้ดำเนินการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญาวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 เนื่องจากคดีนี้มีความผิดทางอาญาหลายกระทง ทั้งความมั่นคงนอกราชอาณาจักร การฆ่าคน และมีผู้เสียชีวิต ความผิดต่อทรัพย์สิน รวมถึงทรัพย์สินเสียหาย โดยขั้นตอนต่อจากนี้ ทางตำรวจภูธรภาคสามจะรวบรวมหลักฐานส่งให้อัยการสูงสุดดำเนินคดี
นายปกรณ์กล่าวว่า เรื่องความเสียหายทางแพ่ง ทั้งที่เกิดในส่วนราชการและภาคเอกชน กระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลจากประชาชน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีและเรียกร้องค่าเสียหายให้กับประชาชน โดยจะขอให้อัยการเข้ามาช่วยเหลือ
“เห็นว่าพอจะฟ้องกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่มีใครเดือดร้อน แต่พอบอกว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายไทย กลับโมโหขึ้นมา อันนี้น่าแปลก” เลขาฯ กฤษฎีการะบุ
บิ๊กเล็กขอให้อดทนถึงจุดค่อยว่ากัน
ส่วน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทน รมว.กลาโหม กล่าวว่า ได้ร่วมประชุมกับนายภูมิธรรม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ, นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ซึ่งทางกัมพูชาต้องการจะเพิ่มจำนวนคนเข้ามาอีก อย่างที่ตนเคยพูด ในระดับนโยบายเขาแสดงความจริงใจและต้องการให้มีชุดเข้ามาสังเกตการณ์ แต่ในระดับพื้นที่อาจจะคลาดเคลื่อน แต่จะต้องพูดคุยกันในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากยังไม่ทราบในรายละเอียด
"วันนี้นายกฯ มาเลเซียโทรศัพท์มาคุย อยากให้มีการเพิ่มคนในชุดไอโอที โดยทางมาเลเซียให้เหตุผลว่า อัตราในสำนักงานปัจจุบันที่ไม่สามารถรองรับงานที่เพิ่มขึ้นมาได้ แต่ทางไทยยืนยันขอจำนวนเท่าเดิม และให้ใช้คนในสถานทูตไปก่อน" พล.อ.ณัฐพลกล่าว
ถามถึงเรื่องทหารกัมพูชาพยายามยั่วยุไทย พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ต้องพยายามไม่ให้เกิดการยั่วยุและใช้อาวุธ แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะอย่างน้อยในอาเซียนกำลังเฝ้าดูกันอยู่ ผ่านการใช้กลไกไอโอที ซึ่งเราจะต้องไม่แสดงอาการว่าเป็นฝ่ายยั่วยุเสียเอง ต้องใช้ความอดทน แต่หากถึงจุดจุดหนึ่งก็ว่ากันอีกที
ซักว่า ที่ประชุม ครม.มีการหารือถึงเรื่องการล้อมรั้วลวดหนามหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไม่มี จากที่ได้ตรวจสอบจากหน่วยและพูดคุยกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. แนวลวดหนามที่วางไว้ไม่ใช่รั้ว เป็นเครื่องกีดขวางไม่ให้ทหารกัมพูชาเข้ามาวางทุ่นระเบิด โดยเฉพาะพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เป็นเช่นนั้น ซึ่งขณะนี้เป็นการวางแนวในส่วนที่คิดว่าเขาจะเข้ามา
ถามว่า จะมีการสร้างเป็นรั้วถาวรได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า หากตอบในระดับนโยบาย งบประมาณมีอยู่เพียงเท่านี้ จะทำรั้วก่อนหรือเตรียมความพร้อมรบก่อน เราต้องจัดลำดับความเร่งด่วน แต่หากทำไปพร้อมกันงบประมาณไม่เพียงพออย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมามีการของบประมาณในการสร้างรั้วพื้นที่ภาคใต้ แม่น้ำโก-ลก ซึ่งขอมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้เขา แต่หากไปสร้างรั้วแนวชายแดนไทย-กัมพูชาก่อน ทางพื้นที่ภาคใต้จะตั้งคำถามว่าแล้วที่เขาขอล่ะ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์กรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน จ. สระแก้ว โดยระบุว่า ตามคำแถลงของกองทัพบกไทยเกี่ยวกับพื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวของชาวกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบในอดีตเข้ามาในประเทศไทย และต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้ขยายชุมชนออกไป ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และฝ่ายไทยได้คัดค้านและดำเนินการประท้วงการล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทยดังกล่าวมาโดยตลอด
"ประเทศไทยได้แสดงความอดกลั้นอย่างสูงสุดมาโดยตลอดเป็นเวลาหลายปี การอาศัยประโยชน์จากการให้ความช่วยเหลือชาวกัมพูชากลุ่มนี้ของไทยในอดีต ตามหลักมนุษยธรรมที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด เป็นการกระทำที่ไม่เพียงแต่ขาดความจริงใจ แต่ยังสะท้อนถึงเจตนาร้ายที่แท้จริงของฝ่ายกัมพูชา และการติดตั้งลวดหนามในเขตแดนไทยเป็นการดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย" สรุปย่อแถลงการณ์ดังกล่าว
ที่จังหวัดอุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) จาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ บรูไน, มาเลเซีย, ลาว, อินโดนีเซีย, เมียนมา, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และเวียดนาม เดินทางลงพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจสอบกรณีการรุกเข้ามาตัดลวดหนามของฝ่ายกัมพูชา ถือเป็นการทำลายความไว้วางใจ และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยบริเวณดังกล่าวเป็นตลาดช่องอานม้า เคยเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าที่ให้กัมพูชานำสินค้าขึ้นมาค้าขาย แลกเปลี่ยนกับไทยมานานกว่า 20 ปี และพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่มีข้อตกลงตาม MOU 43 ที่ห้ามก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง แต่กัมพูชาได้ขึ้นมาก่อสร้างบ้านเรือน และสร้างครอบครัว รวมถึงอนุสาวรีย์ตาอม
หวิดวุ่นเขมรขวาง IOT เข้าพื้นที่
ทั้งนี้ เมื่อมีการสู้รบที่ผ่านมา ทำให้ทางการไทยสามารถที่จะกระชับพื้นที่ และเข้าควบคุมพื้นที่ที่เป็นขอบเขตของไทยกลับคืนได้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นตลาดชุมชนชายแดนกัมพูชากว่า 80 หลังคาเรือน ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่บริเวณช่องอานม้า ถูกล้อมด้วยรั้วลวดหนามหีบเพลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคณะทูตสังเกตการณ์ชั่วคราวเดินทางมาถึง มีทหารชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งเข้ามาแสดงท่าทีไม่พอใจว่าไม่มีการแจ้งให้ทราบก่อนว่าจะมีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวเข้ามา ขณะที่ทหารไทยก็พยายามเจรจาพูดคุย พร้อมกับระบุว่า “ทหารต้องสุภาพ และมีมารยาทมากกว่านี้ เพราะทหารไทยยังมีมารยาทกับพวกคุณเลย” อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เพียงแค่ตึงเครียด ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด
ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (วปอ.) มีพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตยจากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มี พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ รวมมูลค่ากว่า 14,800,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักศึกษา วปอ.ในแต่ละรุ่น ได้มอบเงินช่วยเหลือรวมกว่า 3 ล้านบาท โดย วปอ.64 ที่มีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานรุ่น วปอ.64 ได้มอบเงินกว่า 776,000 บาท โดยรุ่นดังกล่าวได้มีการจัดระดมทุนหลายทาง โดยมีการประมูลสิ่งของ หนึ่งในนั้นคือไม้พัตเตอร์ (ไม้กอล์ฟ) ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่ วปอ.บอ.รุ่นที่ 1 รุ่นของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม มอบเงิน 50,000 บาท นอกจากนี้ยังมีภาคเอกชน เครือข่ายต่างๆ เช่น มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 1 ล้านบาท และบริษัท ปตท. 5 ล้านบาท เป็นต้น
พล.ท.บุญสินกล่าวว่า รู้สึกชื่นชมและดีใจที่ประเทศชาติเราเป็นอย่างนี้ คนไทยไม่ทิ้งกัน สิ่งของที่มอบให้ในวันนี้ จะนำไปใช้กับน้องๆ ที่อยู่หน้าแนวตามวัตถุประสงค์ เหตุการณ์ตลอดแนวชายแดนเกือบ 1,000 กิโลเมตร มีหลายเหตุการณ์ ลูกหลานทหารพยายามทำให้ดีที่สุด การสูญเสียพวกเราป้องกันอย่างเข้มงวดทุกระดับชั้น แต่การเข้าตีบางอย่างเราเป็นฝ่ายรุกอาจมีเหตุที่พวกเราบาดเจ็บบ้าง
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยทหารทุกนายที่ได้รับผลกระทบ การปฏิบัติด้านยุทธการครั้งนี้ พระองค์ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด” พล.ท.บุญสินกล่าว
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีทหารกัมพูชาขัดขวางการลงพื้นที่ของคณะ IOT ที่บริเวณช่องอ่านม้า อ้างไทยไม่ยอมแจ้งรายละเอียดว่า เป็นลีลาของทางกัมพูชา ยืนยันพื้นที่บริเวณนั้นอยู่ในอธิปไตยของไทย และสามารถนำคณะเดินทางเข้าไปได้ ในทางกลับกัน คราวก่อนที่ทางกัมพูชานำคณะลงพื้นที่สังเกตการณ์ในลักษณะเดียวกัน ก็ไม่ได้ขออนุญาตทางการไทย ซึ่งอาจมองได้ว่าการแสดงท่าทีเช่นนี้เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ของฝ่ายกัมพูชา
"เชื่อมั่นว่าคณะสังเกตการณ์ชั่วคราวที่ลงพื้นที่มีความเป็นกลาง ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทางประเทศไทยได้นำคณะดังกล่าวลงพื้นที่ในวันนี้ เชื่อว่าข้อมูลทั้งหมดจากการลงพื้นที่จะถูกนำเสนอต่อนานาชาติ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่มีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ เช่นเดียวกับการที่กระทรวงการต่างประเทศได้นำคณะทูตลงพื้นที่สำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการโจมตีของกัมพูชาอย่างไม่เลือกเป้าต่อพื้นที่พลเรือน เช่นที่เกิดขึ้นบริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท.บ้านผือ จังหวัดศรีสะเกษ" พล.ท.บุญสินกล่าว
ถามว่า การกระทำที่เกิดขึ้นต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์จะส่งผลอะไรหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 มองว่า เรื่องนี้ฝ่ายกัมพูชาจะเสียมากกว่า ไม่มีมารยาท
สถานการณ์ชายแดนยัง 50-50
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ช่วงนี้สถานการณ์ยัง 50-50 ตามภาพข่าว ประเทศเขมรก็เป็นไปตามที่เราเข้าใจ ไม่มีอะไรที่เราไว้ใจได้ ปัจจุบันกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีความห่วงใย ได้ลงไปตรวจเยี่ยมเป็นประจำ รวมถึงผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเหล่าทัพมีความพร้อม ทั้งที่จะคุยกันแบบมิตรภาพ ถ้ามีเหตุจะปะทะกันอีกก็พร้อม
"ขอให้พี่น้องทุกท่านสบายใจในการปฏิบัติของทหารเรา หวังว่าเหตุการณ์พวกนี้จะยุติโดยเร็ว ปลายเดือน ส.ค.นี้ ผมจะประชุมอาร์บีซีกับแม่ทัพเขมร คงจะพูดคุยกันให้เข้าใจ เพื่อนำไปสู่การประชุมจีบีซีอีกรอบ จึงหวังว่าจะคุยกันเข้าใจ โดยทุกสิ่งทุกอย่างตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก พวกเราพร้อมทำหน้าที่ ตามที่ทุกท่านส่งกำลังใจให้และฝากความหวังไว้ พวกเราจะทำให้ดีที่สุด" แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
ซักถึงการประชุมอาร์บีซีครั้งนี้จะมีการพูดคุยพื้นที่ช่องอานม้า ที่กัมพูชารุกล้ำเข้ามาตั้งร้านค้าด้วยหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เรื่องช่องอานม้าเป็นเรื่องเดิมที่ต้องคุยในภาพรวมอยู่แล้วตลอดแนวชายแดน ถ้าเราควบคุมพื้นที่ตรงไหนก็ต้องอยู่ตรงนั้น และจะไม่ให้กัมพูชาเข้ามาใช้ประโยชน์อีก เพราะมันผิดหลักการ MOU เนื่องจากพื้นที่ที่อยู่ใกล้เส้นเขตแดน จะไม่ให้มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ เพราะการปักปันเขตแดนยังไม่แล้วเสร็จ
ถามว่า ผลการหารืออาร์บีซีในพื้นที่ของกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ที่ทางกัมพูชาไม่ตอบรับการจัดการทุ่นระเบิด คิดว่าในส่วนของการพูดคุยของกองทัพภาคที่ 2 จะเป็นลักษณะใด พล.ท.บุญสินกล่าวว่า เห็นว่าทางประเทศจีนจะเข้ามาเป็นตัวกลางขอความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศให้เก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในหัวข้อที่เราจะใส่ไปในการพูดคุยอาร์บีซี
เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาจะยอมฟังประเทศจีนหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ถ้าไม่ฟัง ไทยก็จะชี้แจงให้ชาวโลกรู้ว่าเขมรไม่ยอมรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
ซักว่าการพูดคุยอาร์บีซีในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 จะมีข้อตกลงแตกต่างกันหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ก็คล้ายกัน เพราะเป็นแนวเส้นเขตแดนเดียวกัน มีพื้นที่ติดกัน ส่วนใหญ่ข้อหารือก็จะคล้ายกัน เรื่องทุ่นระเบิด เขาวางเอง เขาก็ปฏิเสธเองอยู่แล้ว คงไม่มีใครยอมรับ เรื่องนี้เราจึงพยายามเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล จะได้เก็บกู้ร่วมกัน โดยองค์กรสากลที่เป็นกลาง
ถามว่า นายภูมิธรรมออกมาให้สัมภาษณ์ถึงแม่ทัพภาคที่ 2 เคยเตือนอย่าไว้ใจเขมร พล.ท.บุญสินย้อนถามว่า “ท่านภูมิธรรมถามจริงหรือ” พร้อมยอมรับว่า ที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นการพูดคุยส่วนตัวกับท่านประจำอยู่แล้ว ก็ให้กำลังใจท่าน ส่วนตอนนี้นายภูมิธรรมถูกโจมตีหลายทางนั้น ตนมองว่ามีหลายเรื่อง จากหลายทาง รวมทั้งการเมืองด้วย แต่ความจริงก็คือความจริง
มีรายงานว่า ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ที่สนับสนุนการปฏิบัติงานการเก็บกู้ และกวาดล้างฯ ได้ตรวจพบโทรศัพท์ของทหารกัมพูชา ที่ทิ้งใว้ในพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) จึงได้นำมาใส่แบตเตอรี่ และตรวจสอบภาพที่อยู่ในโทรศัพท์ โดยพบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายทหารกัมพูชาถือทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งในคลิปพูดภาษาเขมร คาดว่าเป็นการแนะนำการใช้งาน ก่อนลักลอบนำไปฝังดิน เจ้าหน้าที่จึงได้นำโทรศัพท์ส่งให้ทางหน่วยกองทัพบกในพื้นที่เพื่อดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ถือว่าเจ้าหน้าที่ นปท.ทร.มีไหวพริบที่ดีมาก เมื่อพบหลักฐานแล้วรีบตรวจสอบ ที่สำคัญภาพในโทรศัพท์ระบุไว้ด้วยว่าถ่ายวันไหน ถือเป็นหลักฐานชั้นดีทีเดียว
ที่กองทัพอากาศ (ทอ.) พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนของกองทัพอากาศเดินหน้าต่อ โดยมีการชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Defence Offset) จากบริษัท Saab AB การจัดหาครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทหารเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี
"กองทัพอากาศพร้อมดำเนินการด้วยความโปร่งใส รอบคอบ และร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนครั้งนี้ ไม่เพียงเสริมศักยภาพการป้องกันประเทศ แต่ยังเป็น การลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน” โฆษก ทอ.ระบุ
วันเดียวกัน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร และ สส. ลงพื้นที่หมู่บ้านทับทิมสยาม 07 ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังความเห็น และสถานการณ์ในพื้นที่จากชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องสำคัญคงอยู่ที่การเยียวยาและสวัสดิการ โดยเฉพาะของเจ้าหน้าที่ ชรบ.และกองอาสารักษาดินแดน (อส.) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ยังมีความเครียดและวิตกกังวล ส่งผลกระทบให้ไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ โดยจะตั้งกระทู้ถามสดในการประชุมสภา ในวันที่ 21 ส.ค.นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศก.สู่ยุคโตตํ่า! คุมเข้มร้านทอง กดเงินบาทแข็ง
"ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ" ห่วงเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ยุคโตต่ำเป็น New Normal หลังกินบุญเก่ามานาน
ทุกพรรคจัดทัพลุยเลือกตั้ง
ทุกพรรคพร้อมลุยเลือกตั้ง! "อนุทิน” ยันแคนดิเดตนายกฯ ภท.ไม่มีเซอร์ไพรส์เพิ่ม
เลือก‘คำถามประชามติ’ สมควรมีรธน.ใหม่หรือไม่
ครม.เคาะเลือกคำถามประชามติ “สมควรมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่”
พระราชทานเหรียญทองราชินี
"ในหลวง" เสด็จฯ ไปส่ง “พระราชินี” ทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศแข่งขันกีฬาซีเกมส์
จีนทุบ‘สแกมโบเดีย’ ‘จงอี้’แฉโยงผลประโยชน์หลายมิติ/กห.ลั่นภารกิจใกล้เสร็จ
"หลิว จงอี้" ทุบโต๊ะ! รัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ
ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวน 'ภูมิธรรม-ทวี' แทรกแซงคดีฮั้ว สว.
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่ ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

