ส่อหนี‘ทักษิณ’บินออกนอกประเทศ

ส่อหนีคุกอีก! "ทักษิณ" บินไปสิงคโปร์ พร้อมครอบครัว 5 คน ตม.ยอมปล่อยเหตุศาลไม่ได้ห้าม คนใกล้ชิดอ้างไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจร่างกาย ยันจะกลับ 5 ก.ย.เพื่อฟังคำวินิจฉัยคดีชั้น 14 วันที่ 9 ก.ย.นี้ "อดีตแกนนำพิราบขาว" แจ้งความเอาผิด "ภูมิธรรม" ข้อหา ม.112 ยกเลขาฯ กฤษฎีการะบุชัดรักษาการนายกฯ ไม่มีอำนาจยุบสภา ขณะที่ "ศุภชัย-สุรทิน-ไทกร" แห่ถอนแจ้งความ หลัง ปธ.สภาฯ  บรรจุวาระเลือกนายกฯ แล้ว 

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 กันยายน มีรายงานจากท่าอากาศยานดอนเมืองว่า นายทักษิณ ชินวัตร   อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางออกจากประเทศไทย ด้วยเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet)  จาก MJETS โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และการท่าอากาศยานได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารของนายทักษิณอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีความ  โดยเฉพาะคดีมาตรา 112 ซึ่งตอนนี้สิ้นสุดลงแล้ว  รวมถึงพาสปอร์ตที่เคยถูกอายัดก็ได้รับการปลดล็อกแล้ว ทำให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้

สำหรับคดีการบังคับโทษกรณีชั้น 14 รพ. ตำรวจ ที่เป็นการไต่สวนข้อเท็จจริงของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  ว่านายทักษิณได้รับโทษตามคำพิพากษาแล้วหรือไม่ จึงไม่มีการวางข้อกำหนดเกี่ยวกับการเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณแต่อย่างใด

ต่อมานายทักษิณได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากประเทศไทยโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ได้ทะยานขึ้นจากสนามบินดอนเมืองเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ด้วยเครื่องบินเจ็ต Bombardier Global G7500 เที่ยวบิน T7GTS รันเวย์ 21L โดยจะมีกำหนดเดินทางกลับไทยวันที่ 5 ก.ย.68

มีรายงานจากคนใกล้ชิดนายทักษิณยืนยันว่า นายทักษิณเดินทางไปที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีนัดไปตรวจสุขภาพร่างกาย ซึ่งการพบแพทย์และตรวจร่างกายในครั้งนี้จะใช้เวลา 2 วัน และเพื่อทำธุระส่วนตัวพร้อมครอบครัว จำนวน 5 คน โดยมี น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวรวมอยู่ในเครื่องด้วย ซึ่งได้ขออนุญาตในการเดินทางออกนอกประเทศในคดีชั้น 14 พร้อมยื่นเอกสารกับ ตม.แล้ว และยืนยันว่าจะกลับในวันที่ 5 ก.ย. ช่วงบ่าย เพราะต้องรอฟังคำพิพากษาในคดีชั้น 14 วันที่ 9 ก.ย.นี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ ตม.จะประทับตรายืนยันให้เดินทางออกนอกประเทศได้

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบเรื่อง วันนี้ไม่ได้มีการคุยกัน ส่วนวันที่ 9 ก.ย. ที่ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งคดีบังคับโทษชั้น 14 ล่าสุดที่คุยกับนายทักษิณ ท่านจะเดินทางมาอยู่เเล้ว ตนยังเป็นคนทำเรื่องขออนุญาตให้บุตรของนายทักษิณเข้าฟังคำสั่งในวันดังกล่าวอยู่เลย

เเหล่งข่าวจากศาลยุติธรรมกล่าวว่า เมื่อศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณคดี 112 แล้วโดยไม่ได้สั่งขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ คดีนายทักษิณก็จะพ้นข้อกำหนดของศาลที่ออกไว้ระหว่างพิจารณา เท่ากับว่าสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ โดยเมื่อศาลมีคำพิพากษาเเล้ว  ทนายความของนายทักษิณก็สามารถขออนุญาตนำเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางออกนอกประเทศที่วางไว้กับศาลกลับได้

ในส่วนคดีบังคับโทษชั้น 14 ศาลฎีกาเพียงแต่นัดฟังคำสั่งในวันที่ 9 ก.ย. ไม่ได้มีการออกข้อกำหนดไว้ หากนายทักษิณไม่เดินทางมาศาล จึงจะพิจารณาในการออกหมายจับ เท่ากับว่าตอนนี้เป็นเพียงหมายเรียกนัดให้มาฟังคำสั่ง จึงยังไม่มีสภาพที่จะเป็นข้อกำหนดในการห้ามเดินทางออกนอกประเทศได้

วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามมาตรา 112  กรณีทูลเกล้าฯ ยุบสภา ทั้งที่ไม่มีอำนาจ โดยได้นำเอกสารหลักฐานจากข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ   ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา มามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา

นายนพรุจกล่าวว่า นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา บอกชัดเจนแล้วว่า นับตั้งแต่วันที่ 29  ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ทำให้อำนาจสั่งยุบสภาหมดไปพร้อมกับ น.ส.แพทองธารแล้ว นายภูมิธรรมไม่มีอำนาจยุบสภาใดๆ ทำได้เพียงแค่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่เท่านั้น หรือถ้าอยากจะดำเนินการใดๆ ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ตามระเบียบคือทำเรื่องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย

"แต่นายภูมิธรรมกลับบังอาจ ลุแก่อำนาจ นำความที่ไม่บังควรขึ้นกราบบังคมทูลเกล้าฯ เพื่อให้ยุบสภา ซึ่งส่อเจตนาเป็นการกระทำที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เข้าข่ายความผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากพระมหากษัตริย์ไม่ลงมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง" นายนพรุจ กล่าว

ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า กรณีที่มีการดำเนินคดีนายภูมิธรรมนั้น ตนและพรรค ปชน.ไม่เห็นด้วย ที่จะใช้เครื่องมือทางกฎหมายในการดำเนินคดีดังกล่าว จึงขอเรียกร้องให้ทั้ง 2 คนนั้นถอนคำกล่าวโทษ เพื่อสร้างบรรยากาศในการหาทางออกให้กับประเทศ ไม่เห็นด้วยที่จะใช้กฎหมายเป็นการกลั่นแกล้ง หรือนิติสงครามใดๆ สำหรับกรณีประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย ไปแจ้งความดำเนินคดีนายภูมิธรรม ม.157 นั้น ยังไม่ได้มีการพูดจากตัวตนเอง แต่เชื่อว่าเพื่อนสมาชิกน่าจะมีการหารือกันอยู่แล้ว ก็ไม่ทราบว่ามีใครที่หารือกันอยู่บ้าง

"ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าพรรค เชื่อว่าการแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ ต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรกพร้อมๆ กันทั่วทั้งประเทศ ในนามตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งเราเองไม่เห็นด้วย จึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษไปถอนออก" นายณัฐพงษ์กล่าว

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางมาที่รัฐสภา เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เห็นด้วยกับที่พรรคภูมิใจไทยไปแจ้งความมาตรา 112 เอาผิดนายภูมิธรรม  นายอนุทินส่ายหัวก่อนกล่าวว่า “112 ไม่เกี่ยวกับภูมิใจไทย ไม่มีเลย”

เมื่อถามต่อว่า ทำไมให้พรรคไปแจ้งความเช่นนี้ นายอนุทินกล่าวว่า “ขอตรวจสอบก่อน ผมไม่ทราบว่าไปในนามพรรคหรือ ไม่ใช่มั้ง” ถามย้ำว่า นายศุภชัย ใจสมุทร เป็นผู้ไปแจ้งความ นายอนุทินกล่าวว่า "เอ้า เมื่อวานวุ่นแต่เรื่องอื่น"

ต่อมานายศุภชัยเปิดเผยว่า ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับนายภูมิธรรมแล้ว หลังจากได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157  เนื่องจากประธานสภาฯ ได้บรรจุระเบียบวาระให้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว หมายความว่า ความพยายามที่จะยื่นยุบสภาได้ยุติลง ซึ่งประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้ เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ขณะเดียวกัน นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ และนายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ศูนย์รับแจ้งความ บช.ก. เพื่อถอนแจ้งความดำเนินคดีนายภูมิธรรม ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 เช่นกัน โดยนายไทกรกล่าวว่า เนื่องจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ออกหนังสือเรียกประชุมสมาชิกสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 ก.ย.2568 นอกจากนี้ยังทราบว่านายภูมิธรรมยังยกเลิกภารกิจทั้งหมด แสดงให้เห็นว่านายภูมิธรรมรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปคือสิ่งที่ไม่ควรทำ เรารู้ว่าคนหนึ่งทำสิ่งที่ผิดพลาด และรู้ว่าทำผิดพลาดไปแล้ว เราก็ควรให้โอกาส เพื่อให้การเมืองเดินไปในกระบวนการปกติ โดยสิ่งที่นายภูมิธรรมทำแสดงให้เห็นว่าไม่มีเจตนาจะยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภาเป็นครั้งที่ 2  จึงมาถอนแจ้งความ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.