“ราชทัณฑ์” เผย “น.ช.ทักษิณ” นอนคุกคืนที่ 2 หลับสนิท ทานข้าวได้ครบมื้อ ไม่เครียดปรับตัวได้ดี กินไข่ต้ม 2 ฟอง-กาแฟทุกเช้า หลังครบกำหนดกักโรค 5 วันเตรียมพิจารณาจำแนกผู้ต้องขังตามความสามารถ อาจให้เป็นอาจารย์สอนภาษา "ป.ป.ช." จ่อชง ครม.เพิ่มประสิทธิภาพการคุมขังในสถานที่คุมขัง ป้องกันการใช้ดุลยพินิจเอื้อประโยชน์แก่ผู้ต้องขังบางราย "คปท." บุก ป.ป.ช. จี้เอาผิด รมว.ยธ. พร้อมขยายผลขบวนการช่วย "ทักษิณ" รอดคุก เตรียมบุกกรมราชทัณฑ์ค้านคุมขังนอกเรือนจำ "ทวี" ยินดีให้ตรวจสอบ โยนราชทัณฑ์พักโทษ "ทักษิณ" หรือไม่
เมื่อวันที่ 11 กันยายน มีรายงานภายในกรมราชทัณฑ์เปิดเผยอาการของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการกักโรคโควิด-19 ระยะเวลา 5 วัน ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม คืนที่สอง พบว่า คืนวานนี้ (10 ก.ย.) นายทักษิณ แม้ว่ามีอายุเยอะ 76 ปี แต่ยังคงนอนหลับได้ปกติ ไม่มีอาการนอนกระสับกระส่าย รวมถึงไม่มีอาการเครียดหรือซึมเศร้าปรากฏให้เห็น ค่อนข้างปรับตัวได้เป็นอย่างดี การรับประทานอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ครบมื้อ ให้ความร่วมมือปฏิบัติตนตามคำแนะนำของราชทัณฑ์
ส่วนกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองบังคับโทษนายทักษิณ 1 ปี การพักการลงโทษมีเงื่อนไข ดังนี้ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ชั้นดีมาก ชั้นดี ซึ่งนักโทษแต่ละชั้นก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้ ชั้นเยี่ยม เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 3 (เหลือโทษไม่เกิน 4 เดือน), ชั้นดีมาก เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 4 (เหลือโทษไม่เกิน 3 เดือน), ชั้นดี เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 5 (เหลือโทษไม่เกิน 2 เดือน 15 วัน) แต่ตอนนี้เมื่อนายทักษิณเข้าไปครั้งแรกจะถูกจัดให้เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางก่อน และประมาณเดือน ธ.ค.68 จึงจะได้รับการปรับเลื่อนชั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติระหว่างคุมขังในเรือนจำ ฉะนั้น อย่างน้อยๆ ในโทษจำคุก 1 ปี นายทักษิณต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน จึงจะเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษ หรือถ้าหากมองไปที่โครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ก็ต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ หรือก็คือจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งการจะได้รับการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษ จะต้องได้รับการพิจารณาจากคณะทำงานเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษในชั้นเรือนจำ และผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอน
รายงานภายในกรมราชทัณฑ์เปิดเผยอีกว่า การป้องกันความปลอดภัยในส่วนของการคุมขังนายทักษิณ ราชทัณฑ์ค่อนข้างเข้มงวด โดยก็ต้องมีการมอบหมายผู้ต้องขังที่ได้รับการพิจารณาแล้วว่าผ่านการอบรมทักษะต่างๆ ทั้งการช่วยเหลือพยาบาล หรือการช่วยงานเรือนจำ มีความประพฤติดีเยี่ยม มาเป็นผู้ช่วยเหลือดูแลนายทักษิณระหว่างคุมขัง เพราะต้องยอมรับว่าด้านในนั้นไม่มีใครรู้ได้ว่าใครมีการชอบ-ไม่ชอบกันอย่างไร อาจเกิดอันตรายได้ จึงต้องวางมาตรการดูแลให้เหมาะสม ส่วนกรณีว่านายทักษิณจะได้ออกมาบริการงานสาธารณะของเรือนจำฯ เกี่ยวกับเชิงวิชาการตามงานหนังสือหรือไม่ จะต้องมีการเขียนโครงการขึ้นมาก่อนเพื่อขออนุมัติ เช่น กรณีของนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ก็ได้ออกมาเล่นดนตรี เพราะเป็นโครงการฝึกอบรมเกี่ยวกับทักษะดนตรี จึงจะออกมาบริการงานสาธารณะได้
ด้าน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีการคุมขังนายทักษิณว่า ช่วง 5 วันแรกต้องอยู่ห้องกักโรคก่อน หลังจากนั้นจะเข้าสู่การจำแนกผู้ต้องขัง โดยผ่านคณะกรรมการจำแนก ซึ่งจะดูจากความถนัดส่วนตัว เช่น นักโทษที่ถนัดด้านพยาบาลก็จะจัดให้อยู่ห้องรักษาพยาบาล ช่วยจ่ายยา นักโทษถนัดด้านวิศวะก็ให้ไปอยู่ฝ่ายช่างซ่อมบำรุง ซึ่งกรณีของนายทักษิณมีความรู้ทางด้านภาษา อาจจะให้เป็นอาจารย์สอนภาษา เนื่องจากต้องสร้างกิจกรรมให้ผู้ต้องขังทุกคนมีความรู้และพัฒนาลักษณะนิสัย โดยใช้ประโยชน์จากผู้ต้องขังทุกคนให้เกิดประโยชน์กับภาพรวมกับเรือนจำ
โฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าวว่า ตลอด 2 คืนที่ผ่านมาระหว่างที่นายทักษิณอยู่เรือนจำ สามารถทานอาหารได้ “เช้ามาก็กินไข่ต้ม 2 ฟอง กินกาแฟ” และนอนหลับได้ตามปกติ โดยไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ และไม่มีปัญหาอะไร เชื่อว่าการตั้งใจบินกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อมารับโทษคงทำใจมาไว้อยู่แล้ว และสภาพจิตใจก็โอเค ทั้งนี้ ช่วงที่อยู่ในแดนกักโรค 5 วัน ราชทัณฑ์ได้ให้นายทักษิณอยู่ห้องที่มีคนสูงอายุอยู่ เพราะนายทักษิณอายุมากแล้ว จะให้ไปอยู่รวมกับวัยรุ่นคดีฆ่าก็คงไม่ได้ และขณะนี้ยังไม่ได้อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยม รวมถึงทนายความด้วย ส่วนบุคคลที่จะสามารถเข้าเยี่ยมได้หลังจากครบ 5 วัน จะเป็นบุคคลที่นายทักษิณระบุไว้ 10 คน มีทั้งภรรยา ลูก และคนในครอบครัวตามระเบียบ ยืนยันกรมราชทัณฑ์จะปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง
ปปช.จี้คุมเข้มเอื้อผู้ต้องขัง
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการคุมขังในสถานที่คุมขังตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 78/2568 เมื่อวันที่ 19 ส.ค.68 ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา เพื่อมอบหมายกรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 32
โดยเนื้อหาระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่กรมราชทัณฑ์ประกาศระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ครั้งเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.66 รวมถึงอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง โดยสาระสำคัญของระเบียบ และอนุบัญญัติเป็นการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำหรือจำคุกนอกเรือนจำ ซึ่งการคุมขังในสถานที่คุมขังยังขาดความชัดเจนในการดำเนินการ รวมถึงทำให้เกิดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อการใช้ดุลพินิจเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้แก่บุคคลนำไปสู่การเลือกปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง เช่น ความไม่ชัดเจนของนิยามคำว่า สถานที่คุมขัง ทำให้เกิดการตีความว่าหมายความรวมถึงบ้านหรือที่อยู่อาศัยส่วนตัวของผู้ถูกคุมขัง เป็นต้น
ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการคุมขังในสถานที่คุมขังฯ มีข้อเสนอแนะที่สำคัญคือ ให้กรมราชทัณฑ์ทบทวนการดำเนินการเกี่ยวกับระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง โดยต้องจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขหรือแนวทางการปฏิบัติต่างๆ ในการบริหารงานเรือนจำและการบริหารโทษตามอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจน เพื่อลดโอกาสการใช้ดุลพินิจที่อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ถูกคุมขังบางราย และควรเร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการคุมขังในสถานที่คุมขัง เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบ เพื่อร่วมตรวจสอบการดำเนินการ อันจะเป็นการสร้างความโปร่งใส ลดแรงต้านการดำเนินงานของกรมราชทัณฑ์จากภาคส่วนต่างๆ รวมถึงมีข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการในระยะยาว เช่น กรมราชทัณฑ์ควรจำแนกลักษณะผู้ต้องขังจะเป็นข้อมูลสารสนเทศที่มีความสำคัญ เพื่อให้มีข้อมูลผู้ต้องขังแต่ละรายอย่างละเอียดและสมบูรณ์ สำหรับใช้ประโยชน์ในการบริหารงานเรือนจำ เพื่อให้เกิดการแยกการคุมขังในสถานที่ควบคุมและการบริหารโทษที่เหมาะสม
วันเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม เดินทางไปยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้เร่งดำเนินการตรวจสอบกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นจากการถูกคุมขังในเรือนจำ
จี้ปปช.ฟัน 'ทวี' กับพวกเอื้อแม้ว
โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. กล่าวว่า มีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ คือ 1.ขอให้ ป.ป.ช. ขยายผลหาผู้กระทำผิดเพิ่มเติม โดยเฉพาะ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 2.ให้เร่งสรุปสำนวนและฟ้องร้องข้าราชการ 12 คนที่ถูกชี้มูลความผิดไปแล้ว และ 3.ให้ดำเนินคดีต่อนายทักษิณเพิ่มเติมในฐานะเป็น "ตัวการหรือผู้สนับสนุน" ให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
"ไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะล่าช้า เพราะเชื่อว่า ป.ป.ช.ไม่สามารถลงเสียงเป็นอย่างอื่นได้ เนื่องจากคดีสิ้นสุดแล้วที่คำพิพากษาของศาลฎีกา และในวันที่ 12 ก.ย. ทางกลุ่มจะเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านที่กรมราชทัณฑ์ เพื่อไม่ให้มีการคุมขังนายทักษิณนอกเรือนจำ" นายพิชิตกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่ม คปท.ว่า เป็นสิทธิ์ที่จะร้อง เราก็ทำตามกฎหมาย และยินดีให้มีการตรวจสอบ ส่วนรายละเอียดเราก็ต้องเคารพในองค์การที่เขาตรวจสอบ เราก็ยินดีให้ความร่วมมือ
เมื่อถามว่า มีการเคยมายื่นเรื่องตรวจสอบหลายครั้ง ก็ยังมีการยืนยันว่ายังป่วยวิกฤต และเพิกเฉยต่อการร้องเรียนของภาคประชาชน พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า รายละเอียดต่างๆ ก็ตามที่ปรากฏไปแล้ว เนื่องจากว่าหากดูในคำพิพากษาก็ยังไม่ได้ไปพาดพิงใคร แต่เราก็จะขอเอาคำพิพากษามาดู ยินดีให้ตรวจสอบ
เมื่อถามว่า กรณีการคุมขังนายทักษิณ อาจจะมีการใช้ช่องทางคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่งมีความเป็นห่วงจากภาคประชาชน พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า อันนี้อยู่ในอำนาจและระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ส่วนใหญ่ตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะตนก็ฟังและติดตามข่าวจากสื่อมวลชนเช่นเดียวกัน ซึ่ง ผบ.เรือนจำฯ ก็บอกว่า แม้แต่ญาติก็ยังเยี่ยมไม่ได้ เพราะยังอยู่ระหว่างการกักโรคโควิด-19 จำนวน 5 วัน ยืนยันว่าเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ส่วนการพักโทษ เป็นกฎหมายของกรมราชทัณฑ์ และมีเกณฑ์ว่าลักษณะอย่างไรบ้าง ซึ่งทุกอย่างมันจะอยู่ในกฎหมายราชทัณฑ์หมด เมื่อเกิดลักษณะอย่างนี้กรมราชทัณฑ์ก็จะคงต้องดูอะไรให้รอบคอบ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถอดบทเรียนห้ามเกียร์ว่าง คนละครึ่งฯช่วยน้ำท่วมใต้
"บวรศักดิ์" ถก "สตง." วางกรอบตรวจจ่ายเงินในภาวะฉุกเฉิน ชง ครม.ใช้หลักการเดียวกันทั่วประเทศกรณีภัยพิบัติ
หนุนคนแก่ออม หักลดหย่อนภาษี สูงสุด8แสนบาท
นายกฯ มอบ “เอกนิติ” ประชุม คกก.เศรษฐกิจ รับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win
นร.นอกระบบ ร่วมน้อมรำลึก พระพันปีหลวง
พระราชวงศ์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย "พระพันปีหลวง" นักเรียนการศึกษานอกระบบเข้ากราบพระบรมศพฯ
สส.แห่โชว์กึ๋นจัดการกัมพูชา
พรั่งพรูพรรคการเมืองระดมมันสมอง นำเสนอวิธีจัดการกับกัมพูชา "หัวหน้าเท้ง" การสงครามก็เก่ง สวมบทขงเบ้งแนะวิธีปิดเกม
ทวงคืนหลายพื้นที่! ยึดปราสาทคนา-รุกคืบตาควาย-พลีชีพ1เจ็บ18/รบ.ไม่เจรจา
ศึกชายแดนไทย-กัมพูชาระอุ! เขมรเปิดแนวรบตั้งแต่ตีห้าในหลายพื้นที่ทั้ง “อุบลฯ-สุรินทร์-ศรีสะเกษ-บุรีรัมย์-สระแก้ว”
มั่นใจ‘ชาวหาดใหญ่’ใช้ชีวิตปกติ
"มท.3" สั่งทุกหน่วยระดมกำลังเร่งฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม ตามเป้า “7 วันกลับบ้าน 14 วันสะอาด” ห่วง 11-14 ธ.ค.ฝนถล่มซ้ำ

