“อัยการธนกฤต” จับสังเกตศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยเกินคำขอหรือไม่ ด้าน กกต.พร้อมจัดออกเสียงประชามติครั้งแรกปลาย ม.ค.69 รับไม่ง่ายให้ประชาชนเข้าใจแก้ รธน. “พท.” ไม่มั่นใจส่งร่างแก้หมวด 15 ดราฟต์แรกทัน "สมคิด" เย้ยแก้ รธน. 4 เดือนคิดได้แต่ทำยาก
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. นายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยเกินคำขอหรือไม่ ว่าหลักห้ามศาลพิพากษาเกินคำขอบังคับใช้กับคดีทุกประเภท ศาลไม่มีอำนาจพิพากษาเกินคำขอได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายให้อำนาจไว้เป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีหลักความไม่เปลี่ยนแปลงแห่งรูปคดี ที่กำหนดให้ศาลไม่สามารถตัดสินคดีไม่ครบหรือเกินไปกว่าประเด็นแห่งคดี และตามหลักนิติรัฐหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐจะกระทำการใดได้ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้ เพื่อมิให้ละเมิดและกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชน ศาลที่ใช้ระบบกล่าวหาและระบบไต่สวน ล้วนอยู่ภายใต้หลักการดังกล่าวเหมือนกัน
นายธนกฤตระบุว่า เมื่อพิจารณาถึงรัฐธรรมนูญและ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ไม่ได้บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยเกินคำขอได้ การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกินไปกว่าที่ยื่นคำร้องขอและอาจจะเป็นการนอกเหนือประเด็นแห่งคดีด้วยจะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาได้วางแนวคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานไว้แล้วในหลายๆ คดีว่า การที่ศาลวินิจฉัยเกินไปกว่าคำฟ้องหรือคำร้องขอ หรือเกินไปกว่าประเด็นแห่งคดี เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ฎีกาที่ 4607/2550 (ประชุมใหญ่), ฎีกาที่ 116/2552) เรื่องนี้จึงถือเป็นประเด็นด้านกฎหมายและวิชาการที่น่าสนใจ ที่วงการนิติศาสตร์และนักกฎหมายควรนำมาศึกษา วิเคราะห์และอภิปรายกัน
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 3 พรรคการเมืองหลักมีมติจะต้องเร่งส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการจัดทำประชามติครั้งแรกทันภายในปลายเดือน ม.ค.69 ว่า ในเบื้องต้นได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ กกต.ที่ไปร่วมประชุมกับพรรคการเมืองแล้ว ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าสำนักงานมีความพร้อม ไม่ได้ติดขัดอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.พร้อมจะจัดการเลือกตั้ง สส. หากมีการยุบสภาเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ต้องไปดู แผนประชามติการเมืองของทางฝ่ายการเมืองว่าตกลงกันอย่างไรก่อน เรายังไม่เห็นแผนของเขา จึงยังพูดไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่โดยหลักกฎหมาย รัฐบาลจะต้องมาปรึกษาหารือกับ กกต.ก่อน แล้วนายกรัฐมนตรีจึงจะเป็นผู้ประกาศวัน แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นอะไรเลย แล้วจะให้พูดไปก่อนคงไม่ได้ แต่ถ้าในเรื่องของความพร้อม เราก็บอกว่าเราพร้อม เมื่อถามว่า ต้องกำหนดวันยุบสภาไว้ก่อนหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ตอบแทนคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเป็นส่วนของเรา เราพร้อม
ด้านนายวรพงศ์ อนันต์เจริญกิจ ผอ.สำนักสนับสนุนการเลือกตั้ง สำนักงาน กกต. กล่าวถึงการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 3 ครั้งว่า เป็นจุดหลักที่ทำให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปเสนอแก้กฎหมาย คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติในกระบวนการเพิ่มเติม หากวันออกเสียงการเลือกตั้งทั่วไปหรือเลือกตั้งท้องถิ่น สามารถกำหนดเป็นวันเดียวกันได้ พอบอกว่าการทำประชามติทั้ง 3 ครั้งต้องใช้งบประมาณสูง แต่พอกำหนดให้ใช้ร่วมกันงบประมาณก็ต้องเพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งในกระบวนการออกเสียงประชามติ เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นกระบวนการที่อยู่ในมาตรา 9 พ.ร.ป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่จะเริ่มตั้งแต่ที่สภาให้ความเห็นชอบในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ และประธานสภาฯ จะส่งเรื่องให้นายกฯ ทราบ โดยต้องพิจารณากำหนดให้ออกเสียงประชามติ
นายวรพงศ์กล่าวว่า การกำหนดนั้นตามที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. บอกไว้ว่าต้องมีกรอบเวลาจาก กกต. ซึ่งต้องให้เร็วกว่า 90 วัน และไม่ช้ากว่า 120 วัน ในการทำประชามติ แต่หากเป็นการออกเสียงการเลือกตั้งทั่วไป ก็จะยืดเวลาอาจจะไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน ซึ่งเป็นเฉพาะกรณีที่ทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งกระบวนการออกเสียงประชามติจะเริ่มก่อน โดยแปลว่าหากกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ก็ต้องมีการเตรียมวันยุบสภาไว้ล่วงหน้าว่าต้องภายในกี่เดือน เพื่อให้กระบวนการต่อท้ายนั้นชนกันได้
“แต่กระบวนการประชามตินั้น ถ้าเอากระบวนการเต็ม 120 วันช่วงแรก จะเป็นในเรื่องของการเผยแพร่สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ กกต.ต้องทำและจัดให้มีการออกเสียงประชามติโดยในการแก้ไขเพิ่มเติมก็มีหน้าที่ในการเผยแพร่ทั้งร่างรัฐธรรมนูญและสาระสำคัญ คือต้องประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษาภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภา และต้องทำเอกสารเผยแพร่ส่งไปยังชาวบ้านก่อนวันออกเสียง”
ไม่ง่ายทำความเข้าใจประชาชน
นายวรพงศ์กล่าวอีกว่า อีกเรื่องหนึ่งคือ การที่กำหนดให้ กกต.มีหน้าที่เผยแพร่ขั้นตอนการออกเสียงประชามติด้วย ซึ่ง กกต.ต้องทำหน้าที่เผยแพร่ขั้นตอนการออกเสียงทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจว่าการออกเสียงประชามติมีขั้นตอนกระบวนการอย่างไร ซึ่งการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้การออกเสียงเป็นหน้าที่ ผู้มีสิทธิออกเสียงก็ต้องมีหน้าที่ไปออกเสียงทุกคน
เขาระบุว่า ในการออกเสียงประชามติที่ผ่านมาทั้งสองครั้งจัดภายในประเทศโดยไม่มีการลงคะแนนเสียงนอกราชอาณาจักร แต่ตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ที่ระบุว่าเป็นหน้าที่ ซึ่งต้องจัดให้มีการออกเสียงนอกราชอาณาจักรด้วยนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะเกิดขึ้น โดยเป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้น ส่วนอีกเรื่องคือการจัดให้มีแสดงความคิดเห็น ที่หากมีฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบนั้นเป็นโจทย์ที่เป็นหน้าที่ของ กกต. เพื่อรองรับกฎหมายที่มีการแก้ไขใหม่ ซึ่งหากดูแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งการจัดเวทีดีเบตและต้องกระจายให้ทั่วพื้นที่
ผอ.สำนักสนับสนุนการเลือกตั้งกล่าวด้วยว่า ส่วนจะใช้งบกลางหรืองบอะไรนั้น เนื่องจากการเลือก สส.เป็นเหตุที่ไม่สามารถคำนวณได้ล่วงหน้า เราไม่สามารถตั้งงบประมาณเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ทุกครั้งจะใช้วิธีการของบกลางไปถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมทั้งการทำประชามติในชั้นนี้ ทาง กกต.อยู่ในระหว่างการของบประมาณ เรามีกฎหมายและระเบียบกับการออกเสียงประชามติเพิ่มเติมที่จะจัดควบคู่กันว่าจะนำมาประกอบร่างอย่างไร อันไหนที่ใช้งบประมาณร่วมกันได้ หรืออันไหนที่ต้องเพิ่ม
นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการหารือเกี่ยวกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 ว่า ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ตนได้นัดพูดคุยกับทีมงานฝ่ายกฎหมายของพรรค พท. เพื่อมาหารือเกี่ยวกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม สำหรับการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะต้องมีการหารือถึงคำถามทำประชามติ ที่จะต้องถาม 2 ครั้ง โดยคำถามครั้งแรกควรถามว่า เห็นควรว่าจะต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และคำถามที่สองเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียด เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องระบุรายละเอียดสาระสำคัญ ซึ่งจะเป็นเนื้อหาในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ต้องมีการหารือกัน
เมื่อถามว่า จะทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมร่างแรกทันต่อการนำเสนอคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ในสัปดาห์หน้าหรือไม่ นายชูศักดิ์ระบุว่า ไม่มั่นใจ เพราะจะต้องพิจารณาในคำถามข้อสองให้รอบคอบ ขณะเดียวกันจะต้องมีการหารือกับทีมกฎหมายของพรรค พท. ถึงเรื่องที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ด้วย ว่าจะสามารถมาได้อย่างไร หรือจะเป็นการแต่งตั้งโดยรัฐสภาหรือไม่
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะสมาชิกพรรค พท. กล่าวว่า พรรค พท.เคยมีร่างนี้อยู่แล้ว ตนไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงนั้นทำไม แต่หากพรรคประชาชน (ปชน.) หรือพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อม สามารถส่งก่อนได้เลย เพราะเป็นเป้าประสงค์หลักมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรค พท.จะเสนอ จะยึดเนื้อหาเดิมของที่มาของ ส.ส.ร.หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า น่าจะมีการปรับปรุงบ้างเล็กน้อย เดิมทีร่างของพรรค พท.ต้องใช้เวลาประมาณ 8 เดือนถึงจะได้ ส.ส.ร. เพราะให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทุกจังหวัด 200 คน เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ดังนั้นถ้าจะทำภายใน 3-4 เดือน ไม่แน่ใจว่าจะเร่งรัดได้อย่างไร ตนยังไม่เข้าใจเลยว่ากระบวนการจะแก้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ ในการแก้มาตรา 256 ถึง สส.จะยกมือให้ทั้งหมด แต่หาก สว. 1 ใน 3 ไม่ยกมือให้ก็สะดุดอยู่ดี เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องไปตกผลึกกัน ไม่เช่นนั้นจะสูญเปล่า โดยเฉพาะเวลาสั้นๆ ที่จะยุบสภา ต้องไปคิดให้ดีว่ายื่นไปแล้วจะได้อะไรหรือไม่ เว้นแต่ว่ารัฐบาลจะอยู่ไปอีก 1 ปีครึ่ง อย่างนั้นอาจจะทัน
เมื่อถามว่า พรรค ปชน.รู้เงื่อนไขในกรอบเวลานี้หรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า เขาดูเงื่อนไขทั้งนั้น แต่บอกว่า 4 เดือนเสร็จ ถ้าคิดตามกฎหมายมันเป็นไปไม่ได้หรอก 6 เดือนก็ไม่เสร็จ เรื่องนี้มี 2 แนวทาง คือมี ส.ส.ร.มายกร่าง หรือจะให้กรรมการมายกร่างกันเอง อยู่ที่กฎหมายที่แต่ละพรรคจะเสนอ
นายสมคิดกล่าวอีกว่า เขาบอก 4 เดือนก็ยุบสภา ต้องดูว่าหากเดินไปต่อจะถูกด่าหรือไม่ เพราะรัฐบาลได้สัญญาประชาคมไว้แล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อสัญญาไว้แล้วจะเอาเหตุผลอะไรมายุบสภา ส่วนเรื่องเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ถ้าจะให้ดีก็ยุบสภาให้เร็วหน่อย 1 เดือนก็ได้ แล้วไปเริ่มกันใหม่ ทุกพรรคไปหาเสียงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญได้เลย แล้วจะสำเร็จด้วย
สว.ขอเอี่ยวแก้รัฐธรรมนูญ
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องต่อนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาบรรจุวาระการปรึกษาหารือต่อที่ประชุมวุฒิสภา ในวันที่ 15 ก.ย. ต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยต่อกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ คือให้ทำประชามติ 3 ครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้ สว.ได้แสดงท่าทีต่อประเด็นดังกล่าว และไม่ตกขบวนหลังจากที่ฝ่ายการเมืองแสดงความเห็นและแสดงท่าทีต่อการยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไปแล้วในการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
“หาก สว.นิ่งดูดาย หรือไม่ชัดเจน อาจถูกมองว่าเพิกเฉยไม่ให้ความสำคัญ ดังนั้นการขอให้วุฒิสภาใช้เวทีประชุมเพื่อปรึกษาหารือในวันที่ 15 ก.ย. จะเป็นการระดมความเห็นของ สว.ว่าเห็นด้วยหรือไม่ และนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ เพราะการแก้ไขต้องใช้เสียง สว.เห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง หากไม่ได้เสียงเพียงพอ จะเป็นเดดล็อกของการแก้วิฤตรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งผมหวังว่า สว.จะร่วมขบวนไปด้วยกัน เพราะขณะนี้พรรค ภท.ได้เป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว” นพ.เปรมศักดิ์กล่าว
นพ.เปรมศักดิ์กล่าวต่อว่า ในประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่ไม่ให้อำนาจประชาชนเลือกโดยตรงนั้น ตนมองว่ามีวิธีที่จะดำเนินการได้ คือโดยใช้กรณีของ ส.ส.ร.40 ที่ให้เลือกมาจากจังหวัดละ 1 คน และมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 23 คน รวมเป็น 99 อรหันต์ เพื่อมาทำรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด ที่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น แม้ไม่สามารถเลือก ส.ส.ร.โดยตรงจากประชาชนได้ สามารถให้ประชาชนเสนอรายชื่อแต่ละจังหวัด ให้รัฐสภาเลือกจังหวัดละ 1 คน และเลือกผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ทำงานที่ ซึ่งตนมองว่าระยะเวลาการยกร่างรัฐธรรมนูญอาจต้องใช้เวลา 2 ปี
เมื่อถามว่า กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ซึ่งอาจเสนอตัดเงื่อนไขเสียง สว. 1 ใน 3 เห็นชอบ จะทำให้ สว.เห็นชอบด้วยหรือไม่ เพราะตัดอำนาจของ สว. นพ.เปรมศักดิ์ตอบว่า หากไม่อยากให้ประเทศมีวิกฤตรัฐธรรมนูญซ้ำอีก และไม่อยากให้มีอาถรรพ์ ขอให้ทุกฝ่ายมองประเทศและปัญหาที่รอคอยการแก้ไข ต้องสละอำนาจของตนเองเพื่อไม่เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญซ้ำอีก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยึดเนิน350ได้แล้ว! ร่าง2ทหารกล้ากลับมาตุภูมิ/ส่งสัญญาณเตือนชนชั้นนำเขมร
ข่าวดี! ทหารไทยควบคุมเนิน 350 ได้แล้ว อยู่ระหว่างการสถาปนาความมั่นคง นำร่าง 2 วีรบุรุษกลับมาตุภูมิ ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ ตรวจพบการปะทะเป็นระยะ
พท.ผวา ‘มันนีโพลิติกส์’
พรรคประชาชนเดินหน้าฝันแลนด์สไลด์ได้ สส. 250 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลประชาชน ดูจากตัวเลขผู้บริจาคให้พรรคมากกว่าแสนคน ขณะที่เพื่อไทยต้อนรับทีมสุวัจน์
แฉ‘สแกมเมอร์’ เล็งหลอกคนแก่ ดูดเงินในมือถือ
ตร.เตือนภัย สแกมเมอร์พุ่งเป้าข้าราชการบำนาญ ลวงอัปเดตข้อมูล รับสิทธิ์ ติดตั้งแอปควบคุมโทรศัพท์ดูดเงิน
เตือน!ใช้สิทธิประชามติ 8ก.พ.เท่านั้นไม่ล่วงหน้า
"กกต." แจงลงทะเบียนใช้สิทธินอกเขต “เลือกตั้ง สส.” ล่วงหน้า 1 ก.พ. แต่ “ประชามติ รธน.”
ฝุ่นตลบ!นักเลือกตั้งย้ายพรรค
เลขาฯ กกต.รับเลือกตั้งหนนี้เหนื่อยแน่นอน “อนุทิน” การันตี ถ้าชนะ “เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์” เ
‘ยธ.’จ่อคุ้ยMOUสิงคโปร์
“รุทธพล” รับกำลังตรวจผลการลงนามเอ็มโอยูสแกนม่านตากับสิงคโปร์

