แกนนำ ภท.แจงที่มา รมต.ไม่สำคัญเท่ากับดึงความยุติธรรมกลับมา "พท." ไล่บี้ "ปชน." รับผิดชอบ จี้ถาม "ภท." ปมตั้งว่าที่ รมว.ยุติธรรม-คมนาคม ห่วงยุ่งคดี "ฮั้ว สว.-เขากระโดง" หวั่นอยู่ยาว "ดร.เอ้" เดินหน้าตั้ง “ไทยก้าวใหม่" เปิดตัวภายในเดือน ก.ย.นี้ “สิริพงศ์” เผย "ภท.-ปชน." นัดถกแก้ รธน.สัปดาห์นี้ ย้ำทันพิจารณาวาระแรกสมัยประชุมนี้ "ดนุพร" บี้ ปชน.เร่งดีล "อนุทิน" สั่ง "สว.สีน้ำเงิน" เปิดทางแก้ รธน. ห่วงประชามติไม่ทัน 4 เดือน "ไอติม" สวนกลับตอนเป็น รบ.ทำไมไม่คุยกับ ภท. เผยยินดีหารือนอกรอบแต่ไม่เห็นพรรคไหนติดต่อมา
เมื่อวันอาทิตย์ เวลา 14.25 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "ยินดีต้อนรับ นายเยฟเกนี โตมีฮิน (Evgeny Tomikhin) เอกอัครราชทูตรัสเซีย ที่ได้มาเยี่ยมบ้านผม หลังจากนัดหมายกันมานาน เอกอัครราชทูตเยฟเกนี เป็นเพื่อนกันมานาน นับตั้งแต่ท่านเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 6 ปีก่อน เราฝึกพูดภาษาจีนกลางทุกครั้งที่พบกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ผมจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี"
นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์คัดค้าน รมว.ยุติธรรมที่มาจากสายบุรีรัมย์ว่า บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.ทุกตำแหน่ง นายกฯ พิจารณาจากความรู้ความสามารถ ความเหมาะสมกับงาน ไม่ได้มองว่าเป็นใครมาจากไหน ดังนั้นจึงต้องบอกว่าใครจะมาเป็น รมว.ยุติธรรม มันไม่สำคัญ ถ้าอยู่บนพื้นฐานในการทำอย่างไรที่จะทำให้หลักนิติธรรมกลับเข้ามาสู่ประเทศ เรื่องความยุติธรรม ความเสมอกันทางกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นเรื่องสำคัญ ที่มาจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับมาแล้วบริหารโดยยึดหลักนิติธรรม ทำให้กระทรวงยุติธรรมกลับมายุติธรรมจริงๆ ใครก็ตามที่มา ต้องอยู่บนพื้นฐานนี้ และทำให้ความยุติธรรมกลับคืนมา
นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตถึงบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตาม MOA ของพรรคของประชาชน (ปชน.) โดยรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยที่พรรคประชาชนเป็นแกนนำจัดตั้งขึ้นมานั้น ไม่เพียงแต่จะล้มเลิกนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนหลายอย่าง และสังเกตได้ว่าพรรค ภท.มีแนวโน้มที่จะเดินหน้าโครงเมกะโปรเจกต์ต่างๆ จึงตั้งข้อสังเกตได้ว่า จะอยู่ 4 เดือนและยุบสภาจริงหรือไม่ ฝากถามไปยังพรรค ปชน.ว่า ที่ท่านตั้งมานั้นจะยุบสภาใน 4 เดือนจริงหรือไม่ และถ้าได้ดูรายชื่อกับบุคคลที่จะมารับตำแหน่งต่างๆ ก็ยังสร้างความกังวลให้กับสังคมในส่วนมาก
"โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะเป็นอดีตข้าราชการที่เติบโตมาในจังหวัดบุรีรัมย์ และมีส่วนเชื่อมโยงกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาโดยดีเอสไอในเรื่องของการฮั้วเลือก สว. เรื่องนี้พรรคประชาชนจะส่งสัญญาณอย่างไร และตอนนี้มีข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยจะนั่งเป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทยเอง ซึ่งก็จะมีอำนาจควบคุมกรมที่ดิน และจะเข้าไปดูแลกระทรวงคมนาคม ที่มีอำนาจกำกับดูแลการรถไฟฯ จึงมีคำถามว่า ในเรื่องที่ดินเขากระโดงและคดีฮั้ว สว.จะเดินไปอย่างไร"
นายดนุพรกล่าวว่า ในฐานะที่พรรค ปชน.เป็นคนดีล และรับดีลจากพรรค ภท.ในการที่จะตั้งรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมา ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้อยู่ในระหว่างเตรียมรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ก็ฝากไปถึงพรรค ปชน.ว่า ถ้ารายชื่อท่านใดที่ท่านไม่สบายใจ ที่เคยตรวจสอบในสมัยเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลที่แล้ว ก็ควรที่จะส่งสัญญาณไปที่พรรค ภท.อย่างชัดเจน ว่าท่านสบายใจกับว่าที่รัฐมนตรีท่านไหน และไม่สบายใจกับว่าที่รัฐมนตรีท่านใด ก็บอกเองว่าเป็นฝ่ายค้าน แต่เป็นฝ่ายค้านที่ร่วมตั้งรัฐบาล ภูมิใจไทยต้องแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ระยะเวลา 4 เดือนภายใต้ข้อตกลงระหว่างพรรค ภท.กับพรรค ปชน. จนทำให้นายอนุทินนั่งในตำแหน่งนายกฯ พร้อมกับพรรคร่วมรัฐบาล ที่ทราบกันว่าเป็นใครไปแล้วนั้น ซึ่ง 4 เดือนนี้ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ โดยเฉพาะกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการทำงานในนโยบายต่างๆ ที่ระบุมา ดังนั้น 4 เดือนในข้อตกลงนั้น มองได้หลายมุม แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่านายอนุทินอยู่ต่อ ซึ่งอาจจะยุบสภาและเป็นนายกฯ และ ครม.รักษาการกันแบบยาวๆ ไป
"พรรคประชาชนไม่ทันเกมพรรคภูมิใจไทยและกลุ่มก๊วนการเมืองที่ผมไม่อยากบอกว่ารวมอะไรไปไว้บ้าง วันนี้พรรคประชาชนได้กลายเป็นนั่งร้านให้กับพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว ซึ่งรู้ทั้งรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่ก็เต็มใจทำโดยไม่ได้มองภาพเดิมที่น้องๆ นักศึกษาและกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยมาเคลื่อนไหว ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขั้นตอน 4 เดือนทำไม่ได้แน่ และนโยบายต่างๆ ก็ทำไม่ได้ด้วย จึงกลายเป็นว่าห้วงเวลานี้พรรคภูมิใจไทยและอีกหลายพรรคได้มาฟอกขาว และเตรียมการต่างๆ ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นพ.เชิดชัยกล่าว
'ดร.เอ้' เดินหน้าตั้ง 'ไทยก้าวใหม่'
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐทีวี ถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งพรรคการเมืองว่า ขณะนี้จดทะเบียนจัดตั้ง “พรรคไทยก้าวใหม่” เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ได้ลาออกจากพรรค ปชป.มาครบ 2 เดือนเต็ม ตั้งใจเริ่มประชุมพรรคและประกาศตัวให้ได้ภายในเดือนนี้ ขอย้ำว่าประเทศไทยต้องยกเครื่องการศึกษาให้ได้ พร้อมๆ ไปกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะวิกฤตของไทยขณะนี้ถือว่าโหดมาก หากไม่แก้ที่การศึกษา ประเทศไทยแข่งขันกับใครไม่ได้แน่นอน
ส่วนกรณีที่แกนนำพรรค ปชป.เริ่มติดต่ออดีตสมาชิกพรรคให้กลับไปกอบกู้พรรคคืน นายสุชัชวีร์กล่าวยืนยันว่า ตนเป็นคนไม่วอกแวก อยากให้ทุกคนเห็นชัดว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งเป็นพรรคใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว ที่ผ่านมาไม่ใช่แค่ ปชป.ที่เชิญกลับไปช่วยพรรค มีพรรคอื่นก็มาชวน ซึ่งตนได้ตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพ
“วันนี้ผมยังมั่นใจว่าประเทศไทยก้าวใหม่ ก้าวแรกต้องมาจากห้องเรียน เราโฟกัสที่การสร้างคน การศึกษา และลดคอร์รัปชัน ซึ่งจะเห็นว่าหลายพรรคไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ ผมมาสร้างพรรคใหม่ไม่คิดว่าจะต้องเป็นพรรคการเมืองใหญ่หรือเล็ก แต่ทุกอย่างอยู่ที่ความมุ่งมั่นมากกว่า" นายสุชัชวีร์กล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่า หลังจากคณะกรรมการบริหารพรรค ปชป.ชุดนี้ได้สิ้นสภาพไปทั้งชุด หลังจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรคฯ แล้ว ก็เป็นโอกาสของ ปชป.ที่จะสรรหาผู้นำพรรคคนใหม่ ที่ผ่านมา ปชป.ตกต่ำลง เพราะไม่มีการรักษาไว้ซึ่งอุดมการณ์ของ ปชป. 10 ข้อ และข้อที่สำคัญที่สุดคือ ข้อ 4 ปชป.ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ แต่ช่วงหลัง ปชป.กลับมีปัญหาในด้านอุดมการณ์ คือ ปชป.ได้เข้าร่วมกับรัฐบาลที่มาจากคณะรัฐประหาร และล่าสุดเข้าร่วมกับระบอบทักษิณ ทำให้แนวทางของ ปชป.ทางการเมืองเปลี่ยนไป ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนของ ปชป.สับสน
"อยากจะเสนอให้ ปชป.ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค เพื่อเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมา นั่นก็คือการต่อสู้และต่อต้านกับเผด็จการทุกรูปแบบ ดำเนินงานทางการเมืองที่ชัดเจน ใช้อุดมการณ์มากกว่าใช้ระบบเงินทุนดำเนินการทางการเมือง ปชป.จะก้าวหน้า จะมั่นคงได้ ก็ยึดถืออุดมการณ์ของพรรคเป็นที่ตั้ง จะได้จำนวนที่นั่ง สส.มากน้อยเพียงใดไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะสาระสำคัญคืออุดมการณ์ ถ้าพรรคมีอุดมการณ์ ก็ค่อยๆ พัฒนาเติบโตขึ้นไปได้ เชื่อว่าถ้ายังยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคอย่างเคร่งครัด พรรคประชาธิปัตย์ก็มีโอกาสเจริญก้าวหน้าในโอกาสต่อไป" นายเทพไทระบุ
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ระหว่างวันที่ 8-9 กันยายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศ รวมจำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐบาลเสียงข้างน้อยภายใต้การนำของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 35.88 ระบุว่ารัฐบาลจะไม่มีเสถียรภาพ ทำงานด้วยความยากลำบาก เพราะต้องเจรจากับพรรคประชาชนตลอด รองลงมา ร้อยละ 30.31 ระบุว่าการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้, ร้อยละ 23.66 ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย, ร้อยละ 23.21 ระบุว่าเห็นด้วยกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย, ร้อยละ 23.05 ระบุว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพ ทำงานได้ราบรื่น จากการสนับสนุนของพรรคประชาชน, ร้อยละ 21.45 ระบุว่าในท้ายที่สุด รัฐบาลจะขัดแย้งกับพรรคประชาชน, ร้อยละ 10.61 ระบุว่าในท้ายที่สุดข้อตกลงระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชนจะถูกฉีก
สำหรับความคิดเห็นต่อระยะเวลาในการบริหารรัฐบาลเสียงข้างน้อยของนายกฯ อนุทิน พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 56.26 ระบุว่ารัฐบาลจะอยู่ครบ 4 เดือนตามข้อตกลง รองลงมา ร้อยละ 27.79 ระบุว่ารัฐบาลจะอยู่ได้นานกว่า 4 เดือน และร้อยละ 14.58 ระบุว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ถึง 4 เดือน
โพลหนุน รบ.ทำงานเชิงรุก
ด้านความคิดเห็นต่อการที่พรรคประชาชนสนับสนุนคุณอนุทินให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 30.38 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย รองลงมา ร้อยละ 23.36 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย, ร้อยละ 23.13 ระบุว่าเห็นด้วยมาก, ร้อยละ 22.67 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อการที่พรรคประชาชนไม่เข้าร่วมรัฐบาล พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 32.98 ระบุว่าเห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 23.35 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย, ร้อยละ 22.52 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย, ร้อยละ 19.39 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความคาดหวังต่อพรรคการเมืองไทย ณ วันนี้” กลุ่มตัวอย่าง 1,232 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 9-12 กันยายน 2568 พบว่า บทบาทของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ประชาชนอยากเห็นมากที่สุด คือ ทำงานเชิงรุก แก้ปัญหาจริง ตรวจสอบได้ ร้อยละ 75.27, อันดับ 2 ทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อประโยชน์ของประเทศ ร้อยละ 64.73, อันดับ 3 บริหารประเทศด้วยความตั้งใจ มีผลงานชัดเจน ร้อย 57.22
ในขณะที่ บทบาทของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่อยากเห็น คือ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ ร้อยละ 68.32, อันดับ 2 ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทนประชาชนในสภา ร้อยละ 59.95%, อันดับ 3 ทุกพรรคทำงานร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ของประเทศ ร้อยละ 58.73
เรื่องที่อยากให้พรรคการเมืองไทยปรับปรุงมากที่สุด คือ ความโปร่งใสและซื่อสัตย์ ร้อยละ 64.29, อันดับ 2 พูดจริง ทำจริง ร้อยละ 62.91, อันดับ 3 สามัคคีกันทำงานเพื่อประชาชน ร้อยละ 58.45
หากมีการเลือกตั้ง ณ วันนี้ จะเลือกพรรคประชาชน ร้อยละ 23.94 รองลงมาคือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 14.20 และยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 21.35, พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 11.61 และ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 10.39%
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะคณะทำงานเตรียมการพิจารณาการจัดทำประชามติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนมีนัดหารือเพื่อเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งแต่ละพรรคจะเป็นผู้เสนอร่างของแต่ละพรรคเอง เบื้องต้นมีการพูดคุยถึงการแก้ไขมาตรา 256 เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และจัดทำประชามติ 2 รอบ รอบแรกมี 2 คำถามคือ ถามประชาชนว่าสมควรที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ กับคำถามที่สองเป็นเนื้อหาสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนรอบที่สอง ถามเมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น ส่วนวิธีการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าห้ามไม่ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยตรง ทำให้ต้องคุยเกี่ยวกับรูปแบบที่มาของ ส.ส.ร. และแนวทางในขณะนี้มีหลายแนวทางซึ่งเป็นไปได้หมด เช่น อาจจะมีรายชื่อ ส.ส.ร.เข้ามา และให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก หรือหากจะให้มีการเลือกตั้งก็เป็นการเลือกตั้งเข้ามา และให้กลุ่มดังกล่าวมาเลือก ส.ส.ร.อีกครั้งหนึ่ง
"มีหลายสูตร แต่ว่ายังไม่ได้ตกผลึก จะต้องคุยกัน ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 จะเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาในวาระแรกภายในสมัยประชุมนี้แน่นอน ซึ่งจะปิดสมัยประชุมในช่วงเดือน พ.ย.นี้ คิดว่าวาระแรกจะเข้าสมัยประชุมนี้แน่นอน นี่คือคร่าวๆ เนื่องจากระยะเวลา 4 เดือน" นายสิริพงศ์กล่าว
บี้ ปชน.เร่งอนุทินสั่ง สว.ร่วมแก้ รธน.
นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พท.เสนอแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยจะเสนอแนวทางการตั้ง ส.ส.ร.หรือ กมธ. ที่มีความเกี่ยวข้องยึดโยงและสะท้อนถึงเจตนารมณ์ความต้องการของประชาชนมากที่สุด ซึ่งขณะนี้พรรคได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมก่อนจะเสนอญัตติต่อรัฐสภาต่อไป
นายดนุพรกล่าวว่า ขณะนี้หลายฝ่ายกังวลเป็นอย่างยิ่งว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำประชามตินั้น จะทันเวลาตามกรอบ MOA ของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เนื่องจากในทางปฏิบัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเพิ่มเติมหมวด 15/1 นั้น จะต้องทำโดยการพิจารณาร่วมของรัฐสภา และจะต้องพิจารณาผ่านทั้งสามวาระ โดยจะต้องบรรลุเงื่อนไขการเห็นชอบโดย สว. เมื่อกระบวนนี้แล้วเสร็จ ก็จะต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติอีกครั้งว่าเห็นชอบกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่ด้วย ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่ากระบวนการอาจยาวนานกว่า 4 เดือน
“ขณะนี้เกิดคำถามย้อนกลับไปที่พรรคประชาชน ยังคงมั่นใจอยู่หรือไม่ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และประชาชนจะได้ออกเสียงประชามติทันในระยะเวลา 4 เดือนที่ได้กำหนดเอาไว้เองหรือไม่ ดังนั้นเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเปิดทางไปสู่การทำประชามติสอบถามพี่น้องประชาชนมีโอกาสเป็นจริงได้ให้มากที่สุด พรรคประชาชนควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการเดินเข้าไปพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่พรรคประชาชนลงมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งและจัดตั้งรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยให้ชัดเจน ให้ทำความเข้าใจกับเสียงส่วนใหญ่ของ สว. หรือที่เรียกกันว่า สว.สีน้ำเงิน อย่าขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ เนื่องจากก่อนหน้านี้สังคมรับรู้กันว่า สว. คือกลุ่มการเมืองหลักในการถ่วงรั้งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ก่อนที่สังคมจะตั้งคำถามถึง MOA ส้ม-น้ำเงินมากกว่านี้ว่าเป็นแค่มวยล้มต้มคนดูเท่านั้น" นายดนุพรกล่าว
ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า ในส่วนของ ปชน. ได้มีการพูดคุยเบื้องต้นแล้ว ถึงแนวคิดในการเสนอร่างหมวด 15/1 เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มีความยึดโยงกับประชาชนให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ขัดกับคำวินิจฉัยล่าสุดของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าน่าจะตกผลึกกันภายในพรรคได้ในที่ประชุม สส.ของพรรคภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งหวังว่าจะสามารถยื่นเข้าสู่สภาได้ภายในปลายสัปดาห์นี้ และคงต้องพยายามพูดคุยกับทั้ง พท.และ ภท. ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วได้มีการบ้านไปให้ทั้ง 3 พรรคการเมืองไปพูดคุยกันภายใน ว่าจะจัดทำร่างรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 โดยกลไกใด ซึ่งตนคาดหวังว่าทั้ง 2 พรรค รวมถึง ภท. ที่มีการเซ็นข้อตกลง MOA กับ ปชน. จะมีการพูดคุยและเสนอกลไกที่มีความยึดโยงกับประชาชน ตนได้ทักไปนัดทั้ง พท.และ ภท.ให้มาร่วมประชุม แต่ยังไม่มีพรรคไหนตอบกลับมา
เมื่อถามถึงกรณีที่นายดนุพรเรียกร้องให้พรรคประชาชนไปคุยกับนายอนุทิน เพื่อให้ทำความเข้าใจกับ สว. นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า พท.ไม่ได้อัปเดตข้อมูลข่าวสารหรือไม่ เพราะในการประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ ครั้งที่แล้ว ได้พูดชัดว่าเราเห็นตรงกันเรื่องของการเดินหน้าในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การจัดทำประชามติ 2 รอบพร้อมกับการเลือกตั้ง โดยจะมีการจัดขึ้นภายในกรอบการยุบสภา
“ผมก็พูดชัดว่าเป็นหน้าที่ของทุกพรรค รวมถึงพรรคภูมิใจไทยในการพูดคุยทำความเข้าใจกับ สว. ให้เห็นชอบกับแนวทางและร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว เพราะว่าหากจะผ่านได้ต้องได้เสียงเกิน 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา เป็นแนวทางที่ได้พูดชัดตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ก็เลยงง ทำไมโฆษกพรรคเพื่อไทยถึงเพิ่งมาพูดในวันนี้ แล้วยิ่งไปกว่านั้นคำถามที่โฆษกพรรคเพื่อไทยถาม ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าได้ถามคุณแพทองธาร ชินวัตร ตอนเป็นนายกรัฐมนตรีตอนต้นปีหรือไม่ ถ้าจำกันได้ ตอนนั้นที่คุณแพทองธารเป็นนายกฯ และพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล คุณแพทองธารเคยพูดว่าได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว แต่พอมาในวันเดียวกัน คุณอนุทินกลับบอกว่าคุณแพทองธารไม่เคยมีการพูดคุยกับคุณอนุทินเลยในประเด็นดังกล่าว” นายพริษฐ์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


