ภท.นัดปชน.เคาะ‘สสร.’ ‘เท้ง’ยํ้ายังคิดแก้ม.112

“ภูมิใจไทย” คาดหารือ “ปชน.”  เคาะรูปแบบ ส.ส.ร. พร้อมวางไทม์ไลน์รื้อ รธน.   “ณัฐพงษ์” ขู่พร้อมคว่ำรัฐบาล หากแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุด อ้างวิญญูชนรับรู้สภาสูงอยู่ภายใต้อาณัติใคร แพลมอนาคตแก้ 112 แน่หากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง “ปกรณ์วุฒิ” ท่องคาถาเป็นมรดก คสช. ต้องรื้อทิ้ง สว.ย้ำทำประชามติก่อน

เมื่อวันอังคารที่ 16 ก.ย.2568 ยังคงมีการแสดงความคิดเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภา  (สว.) อาจไม่เอาด้วย และอยากให้พรรค ภท.กับพรรคประชาชน (ปชน.) ทบทวนว่า การไปขอเสียงไม่ว่าจะส่วนใดจำเป็นต้องดูเนื้อหาที่เป็นไปได้ การไปขอเสียง สว.ไม่ได้อยู่ที่ว่าพรรคไหนไปคุย แต่อยู่ที่เนื้อหาว่าฝั่ง สว.รับได้หรือไม่ วันนี้ต้องทำใจเป็นธรรม หากจะขอมือให้โหวตให้ต้องมีข้อเสนอที่รับได้ จึงอยู่ที่เนื้อหามากกว่าให้ไปคุย ซึ่งพรรค ภท.กับพรรค ปชน.ต้องคุยแนวทางกันว่าจะทำแบบไหน หากเห็นตรงกันเราอาจยืนร่วมกัน แต่ถ้าเห็นต่างกันพรรค ภท.ต้องรวมเสียงให้มากพอให้สามารถยืนได้

เมื่อถามว่า มีความชัดเจนหรือยังว่าจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทางตรงหรือทางอ้อม  หรือว่าไม่มีเลย นายสิริพงศ์กล่าวว่า ส.ส.ร.ต้องเป็นทางอ้อมแน่นอน เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่สามารถเลือกทางตรงได้ ส่วนทางอ้อมจะมาจากอะไร กลุ่มรายชื่อแล้วให้รัฐสภาเลือกร่วมกัน หรือเลือกตั้งตัวแทนเข้ามา แล้วมาเลือกอีกที ก็ต้องคุยกันอีกครั้ง คาดว่าจะเป็นสัปดาห์นี้ที่จะคุยกัน

 “เชื่อว่าทิศทางจะไปในทางที่ดี ธงของพรรคภูมิใจไทยมองว่าวาระหนึ่งต้องพิจารณาในสมัยประชุมนี้ และช่วงปิดสมัยประชุมให้เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณา และพิจารณาในวาระ 2-3 ในสมัยประชุมหน้า” นายสิริพงศ์กล่าว

ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยพยายามดิสเครดิตพรรค ปชน.และพรรค ภท.ว่าไม่มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสิริพงศ์ย้ำว่า ความจริงใจใครจะรู้ดีเท่าเรา พรรค ภท.จริงใจตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ สิ่งที่เราอยากจะทำคือ นายกฯ อยากจะขับเคลื่อนแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน การเดินหน้ายุบสภาให้ตรงกับกำหนดเวลา 4 เดือน และเดินหน้าเต็มที่ในการแก้รัฐธรรมนูญ

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า การให้ข้อคิดเห็นจากตัวแทนพรรคต่างๆ ตอนนี้ก็เห็นตรงกันว่าเราสามารถเดินหน้าแก้ไขหมวด 15 ภายในระยะเวลา 4 เดือนนี้ได้เลย หากเราบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อยู่ในกรอบระยะเวลาที่สามารถทําได้ทัน ส่วนเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ก็เป็นปัญหาที่สําคัญไม่แพ้กัน  รัฐบาลในช่วงนี้ต้องใช้งบประมาณอย่างระมัดระวังเท่าที่จําเป็น ไม่สร้างภาระทางการคลังต่อรัฐบาลในอนาคตจนเกินควร 

เมื่อถามถึงการหารือเรื่องประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายณัฐพงษ์ระบุว่า เรื่องหลักคือการชี้แจงให้กับเพื่อน สส.เห็นกรอบระยะเวลาไทม์ไลน์ว่าการแก้ไขหมวด 15 สามารถเป็นไปได้  รวมถึงอาจมีการตั้งประตูในการตรวจสอบการปฏิบัติตามเงื่อนไข MOA ของพรรค ภท. เช่น หากเราบอกว่าอยากแก้ให้ทันภายใน 4 เดือน ดังนั้น ร่างวาระที่หนึ่งต้องยื่นเข้าสู่สภาภายในเมื่อไหร่ ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ รวมถึงต้องพิจารณาในวาระที่หนึ่งภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ไปจบได้ก่อนช่วงสิ้นปีหรือไม่ ซึ่งจะหารือกันเพื่อให้เกิดความชัดเจน รวมถึงใช้กรอบระยะเวลานี้เป็นเงื่อนไขกํากับดูแลตรวจสอบรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่ามีการดําเนินการไปตามสัญญาของ MOA หรือไม่ 

 “สิ่งที่เราทําตอนนี้คือใช้ 143 เสียง สส.ของเราในการกํากับทิศทางรัฐบาลให้เป็นไปตาม MOA ซึ่งเชื่อว่ายังเป็นไปในทิศทางที่ดีอยู่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นสัญญาณที่อาจมีการบิดพลิ้ว  ถ่วงเวลา หรือไม่ปฏิบัติตามนั้น เราก็พร้อมตรวจสอบรัฐบาลทันที”

เมื่อถามถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจําเป็นต้องใช้เสียง 1 ใน 3 ของ สว. มีการตกลงกันหรือไม่ว่าพรรคใดจะเป็นผู้ไปเจรจา นายณัฐพงษ์ระบุว่า โดยหลัก สว.มีเอกสิทธิ์ของเขาเอง แต่ในทางการเมืองเชื่อว่าสาธารณชนเองคงจะมองได้ ว่าใครพอจะไปประสานงานกับ สว.ได้บ้าง

เมื่อถามว่า จะไม่ถูกปิดประตูโดย สว.ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ตนเองและพรรคได้มีการประเมินไว้ล่วงหน้า หากต้องมีกระบวนการที่สะดุด หกล้ม เนื่องจากการขวางของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งว่าไม่ได้ปฏิบัติไปตาม MOA หรือไม่อย่างไร เราก็พร้อมใช้เสียง สส.ของเราคว่ำรัฐบาลทันที

ถามย้ำอีกว่า แต่เสียงของ สว.ไม่ได้อยู่ใน MOA นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เงื่อนไขบางอย่างอาจไม่สามารถระบุเป็นลายลักษณ์อักษรได้ทั้งหมด แต่เป็นสิ่งที่วิญญูชนสามารถรับรู้ได้ร่วมกัน  จึงอยากให้ทุกพรรคแสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แพลมแก้ 112 หากชนะ

สําหรับเรื่องแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายณัฐพงษ์ย้ำว่า พรรค ปชน.ยึดหลักตามเดิมมาโดยตลอด ว่าทุกอย่างต้องปฏิบัติตามคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากมองลงไปในกฎหมายฉบับนี้ บางส่วนก็ยังมีปัญหา แต่ว่าจะแก้อย่างไร ต้องอยู่ภายใต้กรอบคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ดี

 “กฎหมายฉบับนี้ยังมีปัญหาบางประการจริงๆ ส่วนความเป็นไปได้ที่จะทําให้เกิดการรวมเสียงเพื่อผลักดันเรื่องดังกล่าวนั้น ก็อาจจะอยู่ที่ว่าเป็นจุดยืนร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล หรือจุดยืนของแต่ละพรรค เชื่อว่าการเมืองในอนาคตยังมีทางออก ขึ้นอยู่กับเสียงของประชาชนที่จะมอบให้กับการเลือกตั้งครั้งหน้า”

ขณะที่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้มีความซับซ้อน จะมีก็เพียงแค่ศาลรัฐธรรมนูญตอบในสิ่งที่เราไม่ได้ถามไป แต่บรรยากาศการหารือของทั้งสามพรรคก็เป็นไปได้ด้วยดี เพราะทุกฝ่ายเห็นตรงกัน พยายามหาทางออกร่วมกัน

 “การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงมาตราเดียว หากเห็นตรงกันหมดก็จะใช้เวลาไม่นาน โดยคำถามที่หนึ่งใช้มติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนคำถามที่สองอยู่ที่รัฐสภา แก้เพียงคำถามเดียว”

เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์ที่ระบุว่าอยากให้แก้เศรษฐกิจปากท้องมากกว่าแก้รัฐธรรมนูญ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า สมาชิกรัฐสภามี 700 คน คงไม่ใช้ทรัพยากรที่มีทั้งหมดทำเรื่องเรื่องเดียว ทุกเรื่องสามารถทำพร้อมกันได้ ควรเลิกใช้ตรรกะนี้ได้แล้ว เรื่องต่างๆ มีผู้รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว ทุกอย่างทำพร้อมกันได้ ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญนี้ถูกร่างขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งไม่มีความชอบธรรมและมีอำนาจนอกระบบ ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนจำนวนมาก และเป็นต้นเหตุที่ทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนเป็นไปได้ยาก ทุกเรื่องสอดคล้องกัน ดังนั้น จึงเห็นสมควรต้องมีการแก้ไข

ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ระยะเวลาที่มีอยู่เชื่อว่าสามารถเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทัน ดังนั้นขั้นตอนแรกคือ ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ต่อที่ประชุมสภา พร้อมเพิ่มหมวดที่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกสภา เพื่อนำไปสู่การทำคำถามประชามติ

นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า สิ่งที่พรรค พท.และพรรค ปชน.ต้องทำคือการถอนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 256 ที่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับเดิมที่ค้างอยู่ระเบียบวาระออกก่อน พร้อมนำเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 256 ใหม่ หากทุกพรรคการเมืองจริงใจในการแก้ไข ก็สามารถรับหลักการและตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาก่อนปิดสมัยประชุมนี้ พอเปิดในเดือน ธ.ค.ก็พิจารณาในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ได้เลย

 “ที่น่าเป็นกังวลคือ สว.จะเห็นชอบด้วยหรือไม่ หากไม่เห็นชอบด้วยทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดก็จบลง” นพ.ชลน่านกล่าว

สว.ชี้ทำประชามติก่อน

นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. กล่าวถึงกรณี สส.เตรียมยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15 ให้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า หากทำประชามติแล้วประชาชนเห็นควรว่าต้องแก้ ส่วนตัวก็ยินดี ไม่ติดขัด ทั้งนี้ สส.สามารถแก้รัฐธรรมนูญเรียงรายมาตราได้ แต่วันนี้เรากำลังคุยสองมุม ไม่ใช่แค่แก้ แต่ฉีกแล้วร่างใหม่

เมื่อถามว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  รัฐสภาสามารถพิจารณาได้เลยหรือไม่ นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คือต้องทำประชามติ 3 ครั้ง ซึ่งครั้งที่หนึ่งและสองสามารถรวมกันได้ แต่ส่วนตัวมองว่าควรให้ประชาชนทำประชามติก่อน ไม่ใช่ให้รัฐสภาเริ่มก่อน

ถามว่า ในส่วนที่มาของ ส.ส.ร. มีบางพรรคการเมืองมองว่าสามารถใช้ที่มาจากประชาชนทางอ้อมได้ นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ศาลวินิจฉัยไว้อยู่แล้ว ส่วนจะมีความเห็นอย่างไรนั้น ก็ขอให้สภานำเสนอมาก่อน เพราะ สว.พิจารณาแค่เห็นชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป จึงไม่อยากให้ความเห็น

ในการประชุม สว. มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ได้ลุกขึ้นหารือกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรนูญจำนวน 3 ครั้ง เพื่อให้วุฒิสภามีส่วนร่วมในการดำเนินการเรื่องนี้ โดยหวังให้ประธานวุฒิสภาบรรจุวาระและให้พิจารณาในวันที่ 15 ก.ย. แต่นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. อภิปรายว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค. มีการพิจารณาเรื่องในทำนองดังกล่าวไปแล้ว จะอภิปรายอีกครั้งก็ไม่แตกต่างกัน จึงเห็นสมควรว่าไม่ควรพิจารณาเป็นญัตติในวาระการประชุมสมัยนี้

ทั้งนี้ นายบุญส่งชี้แจงว่า ทราบว่าประธานวุฒิสภาได้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ในวันที่ 17 ก.ย. นี้ ซึ่งก็จะรู้ว่าผลออกมาอย่างไร ดังนั้น จึงขอจบเรื่องนี้ไว้ก่อน และปิดการประชุมในเวลา 12.13 น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลั่น‘ไทย’เชื่อตัวเอง อนุทินกร้าวไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม/นย.เสียขารายที่8

“อนุทิน” ลั่นยังไม่ให้ประเทศไหนเข้ามาเป็นคนกลางเจรจา เป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยตรง ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม

พท.ผวา ‘มันนีโพลิติกส์’

พรรคประชาชนเดินหน้าฝันแลนด์สไลด์ได้ สส. 250 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลประชาชน ดูจากตัวเลขผู้บริจาคให้พรรคมากกว่าแสนคน ขณะที่เพื่อไทยต้อนรับทีมสุวัจน์