เตือนอย่ารบกันเอง อนุทินย้ำอยู่4ด.ควรสามัคคี 1เดือน‘คนละครึ่ง’ถึงมือ

นายกฯ ตีปี๊บ! ภายใน 1 เดือน "คนละครึ่ง" ถึงมือแน่นอน ย้อน พท.จะอภิปรายอะไร ยังไม่บริหารราชการแผ่นดิน ลั่นหากอภิปรายกลับเรื่องทำประเทศเสียหายบ้างประเทศคงไม่ต้องก้าวหน้า “โสภณ” เมินคนโจมตี พ้อเลือกเกิดไม่ได้ แต่ สส.บุรีรัมย์จะพิสูจน์ให้เห็นว่าคิดผิด แล้วจะเป็นพระเอก "เพื่อไทย" ลับมีดล็อกเป้า  "การบริหาร-คุณสมบัติ รมต." ขู่คดี "ฮั้ว สว.-เขากระโดง" อาจทำให้บางพรรคถึงจุดจบ หวั่น รมต.ปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชันสร้างปัญหาการตรวจสอบและดำเนินคดี เหน็บ "ปกรณ์วุฒิ" เป็น  "วิปฝ่ายค้ำ" ย้ำไม่เปลี่ยนใจ ไม่ร่วมวิปฝ่ายค้าน   "อนุทิน" แย้มแก้ รธน.ทุกคนต้องคุยกับ สว. ไม่ใช่นายกฯ คนเดียว

เมื่อวันที่ 21 กันยายน มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุทิน 1 บรรดารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานบนตึกบัญชาการ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งคณะทำงานของ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมต.ประจำสำนักนายกฯ และนายสันติ ปิยะทัต รมต.ประจำสำนักนายกฯ

ขณะเดียวกัน ที่ จ.ศรีสะเกษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย  ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เดินทางลงพื้นที่ช่วย น.ส.จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล ผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย จ.ศรีสะเกษ หาเสียงที่บริเวณอาคารอเนกประสงค์ของที่ว่าการอำเภอภูสิงห์ กล่าวตอนหนึ่งว่า เราจะไปดูแลราคาพืชผลทางการเกษตรทั้งหมด รัฐบาลที่กำลังจะเข้าไปทำงานมีแต่พวก มีพรรคร่วมรัฐบาล เราจึงไม่กลัว พร้อมย้ำว่าภายใน 1 เดือนนี้โครงการคนละครึ่งจะมาถึงมืออย่างแน่นอน โดยในวันพุธที่ 24 ก.ย.นี้ ครม.และตนจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน และเข้าทำงานอย่างเป็นทางการ ขอให้ชาวศรีสะเกษได้สบายใจว่าเราจะทำงานให้พี่น้องอย่างแน่นอน

"ผมจะเอารัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาเดินสายทั่วประเทศ และกำกับดูแลเรื่องงบประมาณ โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะอยู่ติดตัวทำงานควบคู่กันไป เห็นปัญหาตรงไหนแก้ปัญหาตรงนั้น ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ขอชาวบ้านอย่ากลัว แม้ว่ารัฐบาลของตัวเองจะมีเวลาจำกัด แต่ทำงานเต็มที่ ดีกว่ามีเวลายาวแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราพูดแล้วทำ" นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียม 4 ขุนพลอภิปรายชำแหละนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาว่า เป็นสิทธิ์และหน้าที่ของ สส.ที่ทำได้ ซึ่งตนก็มีข้อมูลที่จะชี้แจงหากมีการตั้งข้อสงสัยในเรื่องใด แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการชำแหละคืน

เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการอภิปรายมีเรื่องของโฉมหน้า ครม.ที่บอกว่าเป็น "ปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชัน" นายอนุทินถึงกับร้องโอ้โห พร้อมกล่าวว่า แล้วคอนเน็กชันที่เกิดมาก่อนหน้านี้ ไม่กลับไปถามตัวเองก่อน ไม่ต้องถามตนหรอก เพราะไม่ทำในแบบที่พวกเขาทำ

'อนุทิน' ขู่ซักฟอก พท.

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะขอเป็นพรรคฝ่ายค้านอิสระ ไม่ร่วมกับพรรคประชาชน (ปชน.) จะทำให้การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านกลายเป็นฝ่ายแค้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เป็นไร เวลามีแค่ 4 เดือน หลังจากแถลงนโยบายยุบสภาแน่นอน เพราะฉะนั้นรักกันไว้เถิด ต้องรักกันไว้ให้มาก ส่วนปฏิบัติหน้าที่แต่ละฝ่ายก็ทำไป แต่ต้องมีความรักกันไว้ ซึ่งเราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ยิ่งเรามีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน รบกับประเทศเพื่อนบ้านสิครับ อย่ามารบกันเอง

เมื่อถามว่า พท.เตรียมอภิปรายถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งๆ ที่ยังไม่เริ่มทำงาน  นายอนุทินตอบว่า ก็ยังไม่ได้บริหารราชการแผ่นดินเลยจะอภิปรายเรื่องอะไร พร้อมย้อนถามกลับว่า “หากผมบ้าจี้ขึ้นมาอภิปรายในสิ่งที่เขาทำบ้าง   โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้ประเทศของเราเสียหายไปขนาดไหน ทำให้ประชาชน ทหารบาดเจ็บต้องสูญเสียชีวิต หากพวกผมอภิปรายกลับบ้าง ประเทศก็ไม่ต้องก้าวหน้าไปไหน เพราะฉะนั้นขอเถอะครับ ผมก็บอกอยู่ว่าอยู่แค่ 4 เดือน จะทำอะไรก็แล้วแต่ ผมอยู่ไม่เกิน 4 เดือนหรอกครับ  และมาแข่งกันตอนเลือกตั้ง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่าตัดสินเอง”

ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกฯ กล่าวถึงภารกิจที่จะรับผิดชอบในตำแหน่งว่า ไม่ถนัดเรื่องเศรษฐกิจ แต่ในเรื่องสังคม การศึกษา และยาเสพติดนั้น ถือว่าเป็นงานที่สำคัญ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาของประเทศจริงๆ  ส่วนภาพลักษณ์ของ ครม.นั้น ก็ต้องพิสูจน์กัน ในทางการเมือง นักการเมืองที่อยู่วังวนเคยร่วมงานกัน แต่ในส่วนตัวความผิดต้องตัดสินด้วยกฎหมาย ใครถูกกล่าวหาก็ต้องพิสูจน์ตามกระบวนการ แม้แต่นายกฯ เองหากไม่เชื่อกฎหมายแล้วเราจะอยู่กันอย่างไร เชื่อว่าใครทำไว้สมัยนี้ไม่สามารถปิดได้ ใครทำอะไรรู้หมด ส่วนฝ่ายค้านจะทำอะไรก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขา หวังว่าสังคมจะให้ความยุติธรรม

รมต.บุรีรัมย์ขอพิสูจน์ตัวเอง

ส่วนกรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกต ครม.อนุทินเป็นปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชัน นายโสภณกล่าวว่า  ก็มีการหมายถึงว่าเป็นคนบุรีรัมย์ ซึ่งวันนี้ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แต่กลับถูกตั้งฉายาว่า โสภณ  เขากระโดง ซึ่งเลือกเกิดไม่ได้ แต่เพราะอยู่บุรีรัมย์ ขอถามว่าที่มีชื่ออยู่ใน ครม.ชุดนี้ ก็ต้องไปดูว่าสิ่งที่จะทำในอนาคตนั้นจะเหมือนกับคำปรามาสหรือไม่ ต้องมาพิสูจน์กัน ในสังคมนี้พอพูดเรื่องดีก็ไม่เชื่อ แต่พอพูดเรื่องไม่ดีก็เชื่อไว้ก่อนว่าจะทำแบบนั้นจะทำแบบนี้ จึงเป็นจุดอ่อนของสังคมไทย วันนี้ สส.บุรีรัมย์ นักการเมืองของคนบุรีรัมย์  หรือมีชื่อคนบุรีรัมย์เข้าไปเป็น ครม. ต้องพิสูจน์ว่าเราไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาคิด เพราะอนาคตของภูมิใจไทยมันไม่ได้อยู่ที่วันนี้ที่ว่า ถ้าเราทำในสิ่งที่ทุกคนคาดผิดหมด พวกตนเองก็เป็นพระเอก

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า วันนี้สิ่งที่หลายคนมีความกังวลต่อรายชื่อ ครม. คือเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลการเมือง ซึ่งไม่ใช่แค่รัฐมนตรีที่เป็นสายล่อฟ้าที่เคยครหาในอดีต แต่ปัจจุบันอาจเรียกว่าเป็นรัฐมนตรีปราสาทสายฟ้าคอนเน็กชัน ที่อาจจะเข้าไปสร้างปัญหาในการตรวจสอบและดำเนินคดีของหน่วยงานต่างๆ

นายชนินทร์กล่าวว่า พรรค พท.ได้เตรียม  สส.พรรคในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา โดยแยกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ 1.นโยบายนายกฯ ที่จะแถลงต่อรัฐสภา โดยจะลงรายละเอียดเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ภายในระยะเวลา 4 เดือน รวมถึงเรื่องรัฐธรรมนูญที่จะเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ 2.เรื่องคุณสมบัติของรัฐมนตรีแต่ละคน รวมถึงการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทั้งในคดีการบุกรุกที่ดินเขากระโดง คดีฮั้ว สว. รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่มีข้อครหาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยในมาตรฐานเดียวกันกับที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยถูกตรวจสอบด้วย

 “ประเด็นหลักที่คิดว่าน่าจะเป็นไฮไลต์สำคัญของการอภิปรายวาระการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาครั้งนี้ คือการตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาว่า การที่พรรคภูมิใจไทยพยายามทุกวิถีทาง ยอมทุกอย่างเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ในระยะเวลาเพียง 4 เดือนนั้น มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคดีฮั้ว สว.และกรณีที่ดินเขากระโดงหรือไม่ เพราะหัวใจสำคัญของสองเรื่องนี้ หากกระบวนการยุติธรรมได้เดินไปตามกลไกระบบปกติ เรื่องนี้อาจไปถึงทำให้ถึงจุดจบของพรรคการเมืองบางพรรคเลยก็ได้” นายชนินทร์กล่าว

รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเห็นสัญญาณชัดเจนว่ามีกระบวนการที่จะเริ่มเติมเสียงสนับสนุนรัฐบาลของ ภท. โดยเปิดตัวนักการเมืองจากพรรคต่างๆ เข้าร่วมงานการเมืองมากขึ้น แต่ที่น่าแปลกใจคือ ตัวแทนของ  ปชน. อย่างนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ปชน. กลับมองไม่เห็นสิ่งนี้ อีกทั้งให้สัมภาษณ์ว่า ภท.ยังไม่ได้มีความพยายามรวมเสียงข้างมากแต่อย่างใด  หลายฝ่ายเริ่มสับสนว่าปัจจุบันนายปกรณ์วุฒิเป็นรองหัวหน้าพรรค ปชน. หรือเป็นโฆษกพรรค ภท.คนใหม่

พท.เหน็บ ปชน.วิปฝ่ายค้ำ

นายชนินทร์กล่าวต่อว่า พท.ยืนยันว่าเรามีทั้ง สส.คนรุ่นใหม่และ สส.คนรุ่นใหญ่ที่มีประสบการณ์ พร้อมประสานงานกับ ปชน.ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างแน่นอน แต่ขอไม่รับตำแหน่งกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) ร่วมกันกับ ปชน. เพราะรัฐบาลนี้ตั้งขึ้นด้วยกลไกที่แปลกประหลาด เรามีผู้นำฝ่ายค้านที่หามแคนดิเดตนายกฯ จาก ภท.ขึ้นเสลี่ยง มีประธานวิปฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่เสมือนโฆษกของ ภท. และยังมี สส.ฝ่ายค้านอีกกว่า 140 คนที่ร่วมแบกองค์ประชุมแทนรัฐบาลแทบทุกวัน ขัดกันกับที่เคยป่าวประกาศว่าการรักษาองค์ประชุมเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น จึงน่าตั้งคำถามว่า วิปที่ตั้งขึ้นคือวิปฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้ำ ค้ำยันให้รัฐบาลสีน้ำเงินกันแน่ พท.ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊ก ไม่มีอ่อนข้อ

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมติ พท.ประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมเป็นวิปฝ่ายค้านร่วมกับ ปชน. โดยนายปกรณ์วุฒิระบุว่ายังพร้อมเปิดรับหากเปลี่ยนใจว่า ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนใจ เพราะเป็นมติพรรคที่จะไม่เข้าร่วมวิปฝ่ายค้าน แต่เราทำงานในฐานะฝ่ายค้าน ส่วนการทำงานการพูดคุยกับ ปชน.ในสภามีการพูดคุยอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้เป็นรูปแบบการเข้าไปร่วมเป็นวิปฝ่ายค้าน

"การจะเข้าไปร่วมเป็นวิป มันก็เหมือนกับการที่เราเข้าไปอยู่ในกระบวนการที่ไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นเราขอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า เราขอเป็นฝ่ายค้าน และทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มรูปแบบ”

ส่วนกระแสบางส่วนที่แซวว่า “ฝ่ายแค้น” หรือ “งอแง” นั้น นายสรวงศ์กล่าวว่า ตอนนี้โซเชียลเปิดกว้างเรื่องการแสดงความคิดเห็น คนที่ต่อว่า คนที่ไม่ชอบ ก็สามารถจะพูดได้เต็มที่ ตนก็โดนเหมือนกัน แต่ยืนยันว่าไม่ได้งอแงอะไร  เพราะไม่รู้จะไปงอแงเรื่องอะไร อีกทั้งเรามีฐานเสียงของพี่น้องประชาชนและ สส.ต้องรับฟัง

นายกฯ แย้มทุกคนต้องคุยกับ สว.

นายวราวุธ ศิลปอาชา สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ได้เห็นรายชื่อ ครม.ของนายกฯ อนุทินแล้วก็มั่นใจว่าเป็นมืออาชีพ แต่ละคนที่เข้ามาจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจของประเทศได้ ในส่วนของ ชทพ.วันนี้เราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน  ซึ่งจะขอนำข้อเสนอแนะต่างๆ ฝากนายกฯ ไปในวันที่มีการอภิปรายแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

นายชนินทร์ยังกล่าวถึงการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญในหมวด 15 ว่าด้วยการจัดให้มีกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง พท.และ ปชน.ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชุมกับคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ แต่ที่ยังไม่ชัดเจนคือการเสนอแนวทางของ ภท. ซึ่งยังไม่ได้มีการส่งตัวแทนหรือข้อเสนอของพรรคเข้ามา จึงขอเรียกร้องไปยัง ภท. ตลอดจนทั้ง ปชน.ด้วยอีกทางว่า ควรเร่งรัดให้พรรคแกนนำรัฐบาลกระตือรือร้นออกแบบแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญและการได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยเร็ว เพราะถ้ายืดเยื้อออกไปอีก อาจจะไม่ทันกรอบระยะเวลา 4 เดือนตาม MOA

ด้านนายอนุทิน กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการเสนอให้นายอนุทินไปคุยกับ สว.ว่า ประสานงานได้ อยู่ที่ทางพวกเรา เห็นว่า สส.บอกว่าภายในต้นเดือนนี้จะเริ่มดำเนินการแล้ว  ยืนยันว่า ไม่มีหรอก ไม่มีให้ไปคุยกับใคร ถ้ารัฐธรรมนูญร่างที่ยกขึ้นมามีเหตุผล ไม่ใช่แค่นายกฯ คนเดียวที่จะไปคุยกับใคร ทุกคนต้องช่วยกัน ขอให้ได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย.