"ไอติม" ติง “ภูมิใจไทย-เพื่อไทย” ควรให้ ปชช.มีส่วนร่วมตั้ง ส.ส.ร.มากกว่านี้ หวั่น "โมเดล ภท." ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งเสี่ยงกินรวบ สมมติรอบหน้ามี สส. 200 ที่นั่ง บวก 160 สว.คิดตรงกัน ก็ผูกขาดเลือก ส.ส.ร.-กมธ.ยกร่างฯ “ภราดร” วอนอย่าหวาดระแวง ย้อนกลับการแบ่งโควตาตามเสียงข้างมากของพรรคการเมืองกินรวบหรือไม่ อ้างมีแค่ 70 เสียงจะกินรวบได้อย่างไร เผย ภท.จ่อยื่นร่างแก้ไข 24 ก.ย.นี้ ขณะที่ พท.ยื่น 25 ก.ย. เคาะโมเดล ส.ส.ร. 151 คนยึดโยง ปชช.
ที่รัฐสภา วันที่ 23 กันยายน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เสนอโมเดลตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยให้ผู้สนใจสมัครเข้ามาและให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือกว่า ร่างพรรค ปชน.ได้ยื่นกับประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ร่างของพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรค ภท.ตนยังไม่เห็น แต่ได้ทราบถึงรายละเอียด ซึ่งเรามี 2 ข้อสังเกตต่อร่างของ 2 พรรคการเมือง
นายพริษฐ์กล่าวว่า ข้อสังเกตแรก เราต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่าโมเดลของ ภท.และ พท.ควรเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากกว่านี้ ซึ่ง พท.มีการเปิดให้ประชาชนเลือกตั้งผู้แทน 200 คน ก่อนจะให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก แต่อีกส่วนที่มาจากวิชาชีพต่างๆ เข้าใจประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกหรือออกเสียงเลย ขณะที่ฝั่ง ภท.ใช้วิธีการเปิดปั๊มสมัคร โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดสรรรายชื่อที่จะส่งต่อมาที่รัฐสภา
ส่วนข้อสังเกตที่สอง เราต้องการทำให้ความเสี่ยงของการที่ฝ่ายใดจะกินรวบหรือผูกขาด ส.ส.ร. หรือคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ให้มีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด หัวใจของเรื่องนี้คือการที่เราออกแบบวิธีการให้รัฐสภาคัดเลือกผู้สมัครหรือผู้ที่ถูกสรรหาอย่างไร ซึ่งโมเดลของ ปชน. คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะให้รัฐสภาคัดจากตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา 70 คน ให้เหลือ 35 คน แต่วิธีการคัดเราให้แบ่งตามสัดส่วน สส., สว. และพรรคการเมือง
“พูดง่ายๆ คือเรามีสมาชิกรัฐสภา 700 คน เอา 700 มาหาร 35 จะเห็นได้ว่า สว.ต้องรวมกลุ่มกัน 20 คน เพื่อเสนอกรรมาธิการ 1 คน เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้ไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทางการเมืองสามารถผูกขาดกระบวนการในการคัดเลือกตรงนี้ได้ แต่โมเดลที่เราเห็นของพรรคภูมิใจไทย และไม่แน่ใจว่า พท.จะเป็นเช่นไร คือการใช้วิธีการคัดเลือกโดยใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คิดง่ายๆ คือมีพรรคการเมืองหนึ่งมี สส. 200 คน จากการเลือกตั้งครั้งถัดไป แล้วมี สว.คิดคล้ายๆ 160 คน รวมเป็น 360 คน ก็เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา นั่นหมายความว่าสามารถผูกขาดเลือกคนที่ไปทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ร.หรือคณะกรรมาธิการยกร่างฯ” นายพริษฐ์กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุผล ภท.เสนอโมเดลนี้เพราะต้องการป้องกันไม่ให้คนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ยึดตามคำวินิจฉัยของศาล นายพริษฐ์กล่าวว่า โมเดลของ ปชน.ไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากกังวลว่ามีคนไปก็ต้องถามกลับว่าใครจะไปร้อง เพราะถ้าจะมีการไปร้องในระหว่างกระบวนการพิจารณาใน 3 วาระนี้ ต้องเป็นมติของรัฐสภา ดังนั้นถ้า 3 พรรคการเมืองเห็นว่าโมเดลที่พิจารณากันอยู่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเหตุให้ไปร้อง มันก็ไม่มีใครไปร้อง
เมื่อถามว่า จะกลายเป็น ส.ส.ร.สีน้ำเงินหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนไม่ต้องการให้ ส.ส.ร.เป็นสีใดสีหนึ่งเลย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด และต้องไม่ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ไม่เช่นนั้นจะมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของเสียงข้างมากในสภา กลุ่มเสียงข้างน้อยจะไม่มีตัวแทนเลย
ถามว่า ส.ส.ร.สีน้ำเงินกับรัฐธรรมนูญ คสช. 60 กลัวอันไหนมากกว่ากัน นายพริษฐ์ระบุว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาทั้งคู่ สังคมไทยสามารถมีโมเดลในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ดีกว่าทั้งสองตัวอย่างนี้ได้
“ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ สส.จะมาคัดเลือก ประเด็นคืออยู่ที่คัดเลือกแบบไหน ถ้าใช้วิธีเกินกึ่งหนึ่งมันมีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ฝ่ายใดซึ่งเสียงข้างมากสามารถผูกขาดได้หมดเลย ซึ่งเราไม่อยากเห็น” นายพริษฐ์กล่าว
ที่พรรคภูมิใจไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สส.อ่างทอง พรรค ภท. กล่าวถึงโมเดล ส.ส.ร.ของ ภท.ว่า จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 77 คน จังหวัดละ 1 คน โดยวิธีได้มาคือให้ผู้ที่มีความประสงค์จะลงสมัคร ส.ส.ร. สมัครผ่านจังหวัดต่างๆ อาจหารือกับ กกต.ให้รับผิดชอบเรื่องการรับสมัคร เมื่อได้ผู้สมัครแล้วก็ให้รัฐสภาเลือก เหลือผู้สมัครเพียง 1 คน ส่วนที่ 2 จะจากนักวิชาการด้านต่างๆ โดยคุณสมบัติแบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย นักนิติศาสตร์ 7 คน, นักรัฐศาสตร์ 7 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ 8 คน รวม 22 คน ซึ่งจะมีรัฐสภาเป็นผู้เลือกในขั้นตอนสุดท้าย ทั้งนี้ หากรวม ส.ส.ร.ทั้ง 2 ส่วนก็จะได้ทั้งหมด 99 คน
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ ปชน.เรื่องโมเดลการได้มาของ ส.ส.ร.อย่างไรบ้าง นายภราดรกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยหารือนอกรอบมาโดยตลอดกับ ปชน. เนื่องจากเรารู้ว่าเวลาของรัฐบาลและเวลาของสภาชุดนี้มีเวลาแค่ 4 เดือน หากไปกระทำการที่สูญเสียต่อการละเมิดต่อคำวินิจฉัยของศาล อาจจะนำไปสู่การตีความได้ ก็จะทำให้กระบวนการชะงักหยุดลงและไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ จึงคิดว่าทุกพรรค ทุกส่วนต้องมาพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า นายพริษฐ์ระบุว่าโมเดลการสรรหา ส.ส.ร.ของ ภท. จะทำให้เกิดการกินรวบ นายภราดรกล่าวว่า ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก และพรรคตนมีเสียง 70 เสียง จะไปกินรวบได้อย่างไร และปชน.มีเสียงกว่า 140 เสียง พท.กว่า 140 เสียง และพวกตนจะไปกินรวบได้อย่างไร ในขณะที่เสียงแค่ 70 เสียง
“วันนี้อย่าหวาดระแวงกันจนเกินไปนัก หากหวาดระแวงเกินไปแทนที่จะเดินหน้ากลับต้องถอยหลัง และเป้าหมายสูงสุดของพวกเราร่วมกันที่จะเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากมัวหวาดระแวงกันจะเดินหน้ากันได้ยาก เพราะเวลามีจำกัดเพียง 4 เดือน เชื่อว่าทุกคนต้องร่วมมือกันอย่างจริงใจ เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกันคือการเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญตาม MOA ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้” นายภราดรกล่าว
เมื่อถามว่า หากไม่ให้รัฐสภาเลือกจะใช้วิธีการแบ่งโควตาตามสัดส่วนของ สส.ได้หรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า การแบ่งเป็นโควตาจะเป็นการกินรวบหรือไม่ ซึ่งการแบ่งเป็นโควตาพรรคที่มีเสียงมากก็จะได้สัดส่วนมาก เหมือนในกรรมาธิการ พรรคที่มีเสียงมากที่สุดก็จะได้สัดส่วนมากที่สุด พรรคที่มีเสียงน้อยก็จะได้สัดส่วนน้อย แบบนี้ต่างกันอย่างไร
น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรค ภท. แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า มีการหารือถึงการยื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น โดยช่วงบ่ายวันที่ 24 ก.ย. พรรค ภท.และผู้ที่ร่วมลงชื่อในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด จะยื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเนื้อหาคร่าวๆ จะเป็นประเด็นวิธีการสรรหา ส.ส.ร. โดยจะแยกส่วนทั้งตัว ส.ส.ร.และผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งวิธีคิดของพรรคภูมิใจไทยคำนึงจากประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความไว้ด้วย
ที่พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค พท. แถลงภายหลังการประชุม สส.พรรคว่า ขณะนี้พรรค พท.ได้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้ว โดยในวันที่ 24 ก.ย. จะให้ สส.ของพรรคลงชื่อและจะยื่นต่อประธานรัฐสภาในวันที่ 25 ก.ย.นี้ โดยรูปแบบ ส.ส.ร. จำนวน 151 คน ซึ่ง 100 คนแรกจะมาจากการเลือกของทั้งประเทศ 300 คน จากนั้นเลือกให้เหลือ 100 คนโดยรัฐสภา ขณะที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 51 คนมาจากการเสนอชื่อจากสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรีเพื่อที่มี ส.ส.ร.
"จากนั้นจะต้องมีกรรมาธิการยกร่างฯ ซึ่งในสัดส่วนของ พท.จะได้ทั้งหมด 27 คน โดยแบ่งเป็น 14 คน มาจาก ส.ส.ร. 151 คน ส่วนอีก 13 คนมาจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ มาร่วมเป็นกรรมาธิการยกร่างฯ เมื่อร่างเสร็จสิ้นจะส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญส่งให้ทางรัฐสภาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะนำไปทำประชามติ” นายดนุพรกล่าว
เมื่อถามว่า กรณีนายพริษฐ์ทักท้วงว่า ส.ส.ร.ไม่ยึดโยงกับประชาชน นายดนุพรกล่าวว่า ตนยังไม่เห็นร่างของพรรค ปชน.ว่าจะยึดโยงกว่าพรรค พท.มากน้อยแค่ไหน เบื้องต้นขณะนี้เท่าที่ทราบคือมี 3 ร่าง คือร่างของพรรค ภท., พรรค ปชน. และพรรค พท. แต่เห็นว่าอย่างน้อย ส.ส.ร.ของ พท.มาจากประชาชนจำนวน 300 คนทั่วประเทศ และคัดที่เหลือ 100 คน ตนมองว่านี่คือการยึดโยงกับประชาชนในเบื้องต้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


