สันดานเขมรไม่เคยเปลี่ยน "ฮุน เซน" อ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ "ช่องอานม้า" ร้อง IOT อาเซียนลงพื้นที่ตรวจสอบ "รองนายกฯ กัมพูชา" ฟ้อง UNGA ไทยคุกคาม-ละเมิดหยุดยิง-ขับไล่พลเรือน วอนโลกช่วยลดตึงเครียด ยันเป็นประเทศเล็กไม่เป็นภัย "สีหศักดิ์" ฟาดกลับ กัมพูชาแสร้งทำตัวเป็นเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ละเมิดข้อตกลงไม่หยุดหย่อน บิดเบือน-ล้อเลียนความจริง ชี้ทหารที่เสียขา เด็กและ ปชช.ผู้บริสุทธิ์คือเหยื่อที่แท้จริง ลั่น! "บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว" เป็นอธิปไตยไทยแต่กัมพูชารุกล้ำ ย้ำไทยยืนหยัดเพื่อสันติภาพมาตลอด “อนุทิน” ภูมิใจเห็น รมว.กต.ปกป้องศักดิ์ศรีคนไทย โวรัฐบาลชุดนี้เชื่อมทหารได้ 100% 1 ต.ค.กดปุ่มรีสตาร์ทใหม่
เมื่อวันที่ 28 กันยายน สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา โพสต์ข้อความว่า วันนี้เกิดเหตุละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยมีการใช้อาวุธปืนครกและปืนกลยิงตอบโต้กัน นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต พร้อมกับข้าพเจ้า ได้จัดการประชุมฉุกเฉินทางออนไลน์ เพื่อสั่งการให้กองทัพกัมพูชาอดกลั้นและไม่ตอบโต้กลับ หลังเสียงปืนสงบ ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) โดยเฉพาะฝ่ายกัมพูชาที่ได้ยื่นคำร้องอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ IOT ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความสุจริต โปร่งใส เป็นกลาง และสร้างความน่าเชื่อถือ ข้าพเจ้าได้เสนอไปยังผู้นำทหารมาเลเซียซึ่งดำรงตำแหน่งประธาน IOT ที่ประกอบด้วยสมาชิกจากประเทศอาเซียน ให้ดำเนินการ 2 ภารกิจสำคัญคือ 1.ทำการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ของกระสุน เนื่องจากกัมพูชาและไทยใช้อาวุธกระสุนต่างชนิดกัน และ 2.ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่กระสุนตก เพื่อพิสูจน์ทิศทางการยิง ว่ามาจากกัมพูชายิงไปยังไทย หรือจากไทยยิงเข้ามายังกัมพูชา ซึ่งไม่สามารถบิดเบือนร่องรอยของหลุมกระสุนได้
"กองทัพกัมพูชาได้ดำเนินการเก็บรักษาหลุมกระสุนไว้เป็นอย่างดี เพื่อเอื้ออำนวยต่อการทำงานของคณะผู้สังเกตการณ์ IOT ในการตรวจสอบให้ถูกต้องและชัดเจน ข้าพเจ้าหวังว่าฝ่ายไทยจะให้ความร่วมมือในลักษณะเดียวกันเช่นกัน ‘ทองแท้ไม่กลัวไฟ’ การปฏิเสธไม่ให้ IOT ตรวจสอบ จะยิ่งตีความได้ว่า ฝ่ายที่ปฏิเสธคือผู้กระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชาหรือไทยก็ตาม" สมเด็จฮุน เซน ระบุ
ขณะเดียวกัน นายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ขึ้นกล่าวในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 กันยายน โดยพูดถึงความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาว่า กัมพูชาแสดงความยินดีอย่างยิ่งที่การหยุดยิงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเป็นตัวกลาง สามารถหยุดการปะทะด้วยอาวุธที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ความเสียหาย และทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์หลายแสนคนต้องพลัดถิ่น อย่างไรก็ตาม การหยุดยิงยังคงมีความเปราะบางอย่างมาก แม้ทั้งสองประเทศจะบอกถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิง แต่ความจริงใจและความเชื่อมั่นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการยึดมั่นในข้อตกลงในภาคพื้นดิน เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ประเทศเพื่อนบ้านของกัมพูชายังคงใช้กำลังแทนที่การใช้กลไกที่ตกลงกันไว้ ยังคงใช้แผนที่ที่ร่างขึ้นฝ่ายเดียวแทนที่จะใช้แผนที่ที่ทั่วโลกให้การรับรอง ซึ่งเป็นแผนที่ที่ใช้ในสนธิสัญญาที่ทั้งสองประเทศให้การผูกมัด การกระทำนับครั้งไม่ถ้วนจากประเทศเพื่อนบ้านได้บ่อนทำลายการเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความพยายามเพื่อสันติภาพ
นายปรักกล่าวว่า อีกประเด็นที่อยู่ในความกังวลคือการบังคับขับไล่พลเรือนกัมพูชา และขู่ว่าจะใช้กฎหมายของประเทศตัวเองต่อพลเรือนกัมพูชาหลายร้อยคนให้ออกจากพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่มานานหลายสิบปี ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวยังไม่เคยมีการปักปันเขตแดน แสดงให้เห็นถึงการไม่คำนึงถึงเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และยังเป็นการเพิกเฉยต่อข้อตกลงร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเขตแดน ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของกัมพูชา รวมถึงละเมิดสิทธิและเกียรติของชาวกัมพูชาจำนวนมาก
กัมพูชาเน้นย้ำข้อเรียกร้องให้มีการเจรจาและแก้ไขประเด็นต่างๆ ด้วยแนวทางสันติภาพ รวมถึงให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างจริงใจและเคร่งครัด เคารพข้อตกลงทวิภาคีและกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎบัตรของยูเอ็นและอาเซียน ขอให้ประธานอาเซียนและประเทศสมาชิก เลขาธิการยูเอ็น และหน่วยงานต่างๆ ของยูเอ็นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้นำโลกทั่วโลก ช่วยเหลือกัมพูชาในการคลี่คลายความตึงเครียด สนับสนุนให้เกิดแนวทางแก้ปัญหาอย่างสันติและหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมไม่ให้เกิดขึ้นอีก
"กัมพูชาเป็นประเทศเล็กๆ ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน เราไม่เป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของประเทศใด แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ปกป้องเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพดินแดนของตัวเอง การใช้กำลังจะยังคงเป็นตัวเลือกสุดท้าย" นายปรักกล่าว
'สีหศักดิ์' ฟาดเขมรบิดเบือนซ้ำซาก
ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการอภิปรายทั่วไปของการประชุม UNGA ว่า สถานการณ์ปัจจุบันกับกัมพูชายังไม่เป็นที่น่าพอใจ และไม่เป็นผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของ 2 ประเทศ เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด ไม่อาจแยกจากกันได้ เพราะเราล้วนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน ในการอภิปรายครั้งนี้ ตนตั้งใจที่จะอภิปรายในสิ่งที่แตกต่างและเป็นเชิงบวก เพื่อสะท้อนความหวังสำหรับอนาคต แต่ตนกลับต้องแก้ไขคำอภิปรายใหม่ เพราะการอภิปรายที่น่าผิดหวังจากฝ่ายกัมพูชา ที่ยังคงนำเสนอตัวเองว่าเป็นเหยื่อครั้งแล้วครั้งเล่า และพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง
นายสีหศักดิ์ยังเชื่อมั่นว่า ทุกคนจะรับทราบว่า ใครคือเหยื่อที่แท้จริง เพราะพวกเขาเหล่านั้นคือ ทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด, เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังจับจ่ายซื้อของอยู่ในร้านค้า แต่กลับถูกโจมตีด้วยจรวดของกัมพูชา และเมื่อวานนี้เอง ตนได้พบกับฝ่ายกัมพูชาในที่แห่งนี้ และได้พูดคุยกันถึงเรื่องสันติภาพ การเจรจา ความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน แต่น่าเสียดายในสิ่งที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวในวันนี้ กลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้กล่าวไว้เมื่อวานในที่ประชุมโดยสิ้นเชิง สะท้อนให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา ซึ่งข้อกล่าวหานั้นห่างไกลจากความจริง จนเป็นการล้อเลียนความจริง
นายสีหศักดิ์ยังย้ำว่า ตั้งแต่แรกเริ่มฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ริเริ่มความขัดแย้ง และก็เป็นเช่นนี้อีกครั้งในเช้านี้ ซึ่งหมู่บ้านที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างถึงชาวกัมพูชาที่ถูกขับไล่ (บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว) นั้น ขอยืนยันว่า อยู่ในดินแดนของไทย ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ในปี 1970 ประเทศไทยได้ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เปิดพรมแดนให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนซึ่งหลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศของพวกเขาได้มาพักพิงในประเทศไทยด้วยความเมตตา และคำนึงหลักการด้านมนุษยธรรม แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลง แต่หมู่บ้านของชาวกัมพูชาก็ได้ขยายตัวมาตลอดต่อเนื่องหลายทศวรรษ
"เป็นที่น่าเสียใจว่า การยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา ทั้งการระดมพลเรือนกัมพูชา รุกอธิปไตยไทย และการยิงยั่วยุเข้ามายังฝ่ายไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ทหารกัมพูชายิงใส่ทหารไทยที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดน และล่าสุดเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทหารไทยยังคงตรวจพบโดรนสอดแนมของกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในดินแดนอธิปไตยไทย ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน ดังนั้น การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง"
ถามเขมรจะเลือกเส้นทางใด
รมว.การต่างประเทศของไทยยังขอให้ประชาคมโลกเชื่อมั่นอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยได้เลยว่า ประเทศไทยยืนหยัดเพื่อสันติภาพมาโดยตลอด และจะยืนหยัดเพื่อสันติภาพต่อไป และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติสำหรับปัญหากับกัมพูชา พร้อมยังขอเรียกร้องให้กัมพูชาให้ความร่วมมือในการแก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาอย่างสันติในกลไกที่มีอยู่ และ 2 ประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ฝ่ายไทยต้องขอถามฝ่ายกัมพูชาว่า ฝ่ายกัมพูชาปรารถนาจะเลือกเส้นทางใด จะเป็นเส้นทางแห่งการเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเส้นทางแห่งสันติภาพและความร่วมมือ แต่ประเทศไทยขอยืนยันว่า "ประเทศไทยเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ”
ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายของนายสีหศักดิ์ ได้มีเสียงปรบมือจากที่ประชุมเป็นระยะๆ
ในห้วงการประชุม UNGA นายสีหศักดิ์ยังได้เข้าร่วมการหารือ 4 ฝ่ายระหว่างสหรัฐ มาเลเซีย ไทย และกัมพูชา ตามข้อเสนอของสหรัฐ ที่มีความพยายามส่งเสริมบรรยากาศที่เอื้อต่อการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ซึ่งการหารือในครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยที่ไม่มีข้อผูกมัดหรือเงื่อนไขใดๆ
นายสีหศักดิ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุม UNGA ว่า เดินทางเข้าร่วมการประชุม UNGA ในครั้งนี้ ต้องการให้ประเทศต่างๆ เห็นว่าการต่างประเทศของไทยกำลังขับเคลื่อนประเทศไทย และไทยจะมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้จะอยู่แค่ 4 เดือน แต่จะใช้ช่วงเวลานี้ให้มีความหมาย ยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคงกำลังไปในทางเดียวกัน ต้องพูดในเสียงเดียวกัน
กับคำถามที่ว่าจะทำอย่างไรให้ไทยกลับไปอยู่ในเรดาร์ของโลกอีกครั้ง นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ส่วนหนึ่งอยู่ที่เรา เชื่อว่าหากการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น ตอนนี้รัฐบาลมีมาตรการระยะสั้น แต่ก็ไม่ได้ละเลยการวางรากฐานระยะยาว เช่น การปรับโครงสร้าง การหาพลวัตใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตนได้ย้ำกับภาคธุรกิจของสหรัฐว่า รัฐบาลไทยจะใช้ 4 เดือนให้มีความหมาย แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและขับเคลื่อนประเทศไทย ไทยยังเป็นโอกาสให้เขาเข้ามาลงทุนมากขึ้น
ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสีหศักดิ์กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม UNGA ว่า เชื่อว่าได้ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนว่าจุดยืนของรัฐบาลนี้เป็นเช่นไร นายสีหศักดิ์นำแนวทางและนโยบายของรัฐบาลที่ได้หารือเป็นที่เรียบร้อยก่อนไปว่าเราจะแสดงจุดยืนอย่างนี้ ซึ่งท่านทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นความภาคภูมิใจ คนที่ตั้งท่านมาก็ดีใจ ภาคภูมิใจว่าบุคคลที่เราได้มอบหมายให้มาทำงานมีความเชี่ยวชาญในด้านที่ท่านถนัด
'อนุทิน' ลั่นเชื่อมทหารได้ 100%
เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชายังคงยั่วยุ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องปกติ เราต้องอดทนต่อการยั่วยุแบบนี้ อดทนได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ชาวโลกและนานาชาติได้เห็นว่าประเทศไทยเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง ด้วยวัฒนธรรม ด้วยรูปแบบและประเพณีของเรา ประเทศไทยเราไม่เคยไปรุกรานใคร ดูจากประวัติศาสตร์ได้ ส่วนเรื่องพี่น้องประชาชนเราจะเร่งให้มีการจัดการให้มีการดูแลความปลอดภัยแก่พวกเขา ถ้ามันถึงเวลาที่เราจะต้องตอบโต้ ซึ่งขณะนี้มันจะไม่เหมือนกับการทำงานในรัฐบาลชุดที่แล้ว อันนี้ไม่ได้ไปโทษอะไร
"ผมอยู่ในรัฐบาลชุดที่แล้วผมก็ควบคุมเรื่องฝ่ายปกครอง แต่ยังไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อกับฝ่ายทหารได้ 100% แต่มายุคนี้ผมถึงไม่มีรองนายกฯ ด้านความมั่นคง ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงของประเทศ นายกฯ ต้องดูเอง ฉะนั้น ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ขึ้นอยู่กับผม ผมก็จะให้ 3 กำลังผนึกเป็นหนึ่งเดียวที่จะดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลไม่ให้ประเทศไทยถูกรุกราน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะตอบโต้ทันทีหรือไม่ เพราะช่วงนี้กัมพูชาฉวยโอกาสในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการเปลี่ยนผ่านแม่ทัพ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ยังบริหารเต็มตัวไม่ได้ ต้องรอวันที่ 30 ก.ย.ก่อน ก็พอดีวันที่ 1 ต.ค. ตนก็กดปุ่มรีสตาร์ทใหม่ คราวนี้ทุกคนต้องเชื่อรัฐบาล ทุกคนต้องทำตามนโยบายและข้อสั่งการของรัฐบาล
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ไล่ไทม์ไลน์กัมพูชาสร้างสถานการณ์ยิงอาวุธหลายขนาดใส่พื้นที่ช่องอานม้า เป็นการวางแผนล่วงหน้า ทั้งการยั่วยุด้วยอาวุธ การนัดหมายคณะ IOT เข้าพื้นที่ และการแถลงบิดเบือนกล่าวหาไทย
ส่วนกรณี นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAC) ได้โพสต์ข้อความกล่าวอ้างว่า “เมื่อวันที่ 27 ก.ย.68 เวลา 11.52 น. ทหารไทยยิงปืนใหญ่เข้ามาในดินแดนกัมพูชาและใส่กองกำลังของกัมพูชา โดยกัมพูชาไม่ได้ยิงตอบโต้เลย ยืนยันว่าเป็นการยิงฝ่ายเดียว จึงถือว่าไทยเป็นฝ่ายยิงก่อนอย่างแน่นอน” พร้อมโพสต์รูปหลุมระเบิดเก่าที่เคยใช้บิดเบือนกล่าวหาไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 โดยเคยกล่าวหาว่าไทยใช้กระสุนควันที่บรรจุสารพิษ WP (White Phosphorus) และกระสุนที่บรรจุสะเก็ดระเบิด
พล.ต.วินธัยชี้แจงว่า การกล่าวอ้างของ ผอ. CMAC เป็นหนึ่งในประเด็นโฆษณาชวนเชื่อ ที่ฝ่ายกัมพูชาได้วางแผนการจัดฉากอย่างเป็นระบบ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.ย. ชัดเจนว่าเป็นฝ่ายกัมพูชาที่วางแผนยิงเข้ามายังฝั่งไทย พยายามยั่วยุให้ไทยตอบโต้ พร้อมออกแถลงการณ์บิดเบือนในทุกช่องทาง ขณะเดียวกันฝ่ายกัมพูชาก็วางแผนให้คณะ IOT กัมพูชา ลงพื้นที่หลังเกิดเหตุทันทีหลังการยิงยั่วยุ รวมถึงการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของ IOT กัมพูชาในวันนี้ ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดก็เพื่อสร้างหลักฐานเท็จกล่าวหาไทย ให้สังคมโลกมองว่าไทยเป็นผู้รุกราน ส่วนกัมพูชาเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำ ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณารูปหลุมระเบิดเก่าต่างๆ ที่ ผอ.CMAC ได้นำมาเผยแพร่ ก็จะพบว่าลักษณะของหลุมระเบิดและสภาพแวดล้อมโดยรอบ ไม่ใกล้เคียงกับหลุมระเบิดจริงอย่างที่ควรเป็น ทั้งขนาดของหลุมและรัศมีการกระจายตัวของระเบิด ล้วนไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงทั้งสิ้น
โฆษก ทบ.กล่าวอีกว่า การยั่วยุและการบิดเบือนข่าวสารของกัมพูชาในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ดำเนินการประท้วงไปยังคณะ IOT ประเทศไทยแล้ว สำหรับหน่วยทหารในพื้นที่ยังคงเตรียมพร้อมและเฝ้าระวังสถานการณ์รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้ามายั่วยุสร้างสถานการณ์ของฝ่ายกัมพูชา เพื่อหวังผลในการโฆษณาชวนเชื่อต่อสังคมโลก
วันเดียวกัน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำเหล่าทหารกล้าเชิญธงชาติและร่วมร้องเพลงชาติไทย ณ ยอดภูมะเขือ เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย และสดุดีวีรชนทหารกล้าผู้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติไทย
แหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 เผยว่า หลังจาก พล.ท.บุญสินได้ลงพื้นที่บนฐานภูมะเขือเพื่อตรวจเยี่ยมและทำกิจกรรมวันพระราชทานธงชาติไทย จากนั้นได้เดินตรวจเยี่ยมทหารแนวหน้า พร้อมพูดคุยกับน้องทหารก่อนเกษียณราชการ ว่าหากทางกัมพูชายั่วยุไม่เลิก พร้อมที่จะตอบโต้ แต่ต้องรอไฟเขียว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


