เปิดเอกสารลับ "ทวี" เซ็นยกฎีกาตีตกคำขอพระราชทานอภัยโทษ "ทักษิณ" ยึดแนวคำสั่งศาลฎีกาจำคุก 1 ปี "รมว.ยธ.คนใหม่" เผย "สลค." ส่งกลับหนังสือให้ยืนยันความเห็นอีกครั้ง "ชั้น 14" พ่นพิษอีก "ผบ.ตร." เซ็นคำสั่งเด้ง "พล.ต.ท.ทวีศิลป์" พ้นเก้าอี้นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ สอดรับมติแพทยสภาพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 6 เดือน "บิ๊กโจ๊ก" ตามบี้ "บิ๊กต่าย" ฟ้องศาลเอาผิดฐานหมิ่นประมาท "กมธ.มั่นคงฯ" สรุปรายงานปฏิรูปตำรวจ "โรม" ชูปัญหาใหญ่ ทลายระบบอุปถัมภ์ แต่งตั้งโยกย้าย
ที่กระทรวงยุติธรรม วันที่ 2 ต.ค.2568 มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้ลงนามเอกสารลับที่ ยธ. 0703.4/1204 เรื่อง นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ของนักโทษเด็ดขาดชายนายทักษิณถึงนายกรัฐมนตรี
โดยมีรายละเอียด 11 หน้า สาระสำคัญคือ กระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วขอเรียนว่า นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณได้ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาโดยยินยอมเดินทางกลับมารับโทษ และมีคุณงามความดีขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยการดำเนินการโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนหลายโครงการ
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ บค 1/2568 ลงวันที่ 9 ก.ย. ให้จำคุกนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ 1 ปี จึงเห็นควรยกฎีการายนี้เสีย ตามที่กรมราชทัณฑ์เสนอ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในโอกาสอันควร
ในหนังสือระบุด้วยว่า "บัดนี้ ตนรู้สึกสำนึก ในการกระทำความผิดดังกล่าวแล้ว และจะจดจำไว้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ จึงขอพระมหากรุณาเป็นที่พึ่งขอพระราชทานอภัยโทษ"
พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม (ยธ.) คนใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณว่า เรื่องนี้ รมว.ยธ.คนเก่าได้มีการเสนอไปที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แต่ตอนนี้เรื่องได้กลับมาที่กระทรวงยุติธรรมแล้ว ซึ่งตนก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณา โดยมอบหมายให้นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัด ยธ. ไปตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อช่วยดูเรื่องข้อกฎหมาย แล้วค่อยให้ประมวลเรื่องเสนอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
"ผมขอให้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาดำเนินการอีกครั้งหนึ่งก่อน ซึ่งให้เวลา 3 วัน ก็น่าจะประมาณวันศุกร์ที่ 3 ต.ค. หรือวันจันทร์ที่ 6 ต.ค. จึงจะมีการรายงานมาให้ทราบอีกครั้ง แล้วค่อยนำเสนอกลับไปใหม่ที่ สลค.อีกครั้ง" พล.ต.ต.รุทธพลกล่าว
ถามว่า เหตุผลหนังสือดังกล่าวถึงกลับมาที่กระทรวง ยธ. พล.ต.ต.รุทธพลกล่าวว่า ทราบว่าต้องการให้เรื่องกลับมาที่ รมว.ยธ.คนใหม่ เพื่อให้มีความเห็นแล้วค่อยเสนอกลับขึ้นไปที่ สลค.อีกครั้ง
ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ลงนามคำสั่ง ตร. เรื่องให้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ ช่วยราชการที่ ศปก.ตร. โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 ถึงวันที่ 31 มี.ค.2569
คำสั่งดังกล่าวอ้างถึงมติคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 ลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 และหากกระทำการฝ่าฝืนโดยยังประกอบวิชาชีพเวชกรรม จะถือเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ต่อมา ตร.ได้มีคำสั่ง ที่ 371/2568 ลงวันที่ 24 ก.ค.2568 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว จึงเป็นเหตุที่สงสัยว่ามีข้าราชการตำรวจประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ หากให้ปฏิบัติบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิม อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ จึงให้มีคำสั่งช่วยราชการดังกล่าว
ท้ายคำสั่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐระบุว่า ทั้งนี้ ให้ยกเว้นหลักเกณฑ์กรณีการไปช่วยราชการสิ้นสุดลงตามข้อ 11 ของระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2566 และให้ พล.ต.ท.ไพบูลย์ เจียมอนุกูลกิจ นายแพทย์ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ รักษาราชการแทนนายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โดยให้ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม
แหล่งข่าวระบุถึงคำสั่งช่วยราชการของ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ว่า เพื่อให้สอดรับกับมติพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ ตามมติแพทยสภาระยะเวลา 6 เดือน กรณีการรักษาตัวชั้น 14 ของนายทักษิณ หากยังดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ อาจไม่เหมาะสม จึงให้มาช่วยราชการดังกล่าว ส่วน พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่แพทยสภามีมติพักใบอนุญาต 3 เดือนเช่นกัน ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงไม่มีการย้ายมาช่วยที่ ศปก. เพียงแต่จะมีคำสั่งไม่ให้กำกับดูแลโรงพยาบาลตำรวจ จนกว่าผลสอบสวนจะเป็นที่ยุติ
ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” อดีตรอง ผบ.ตร. เดินทางไปที่ศาลปกครองจังหวัดสงขลา ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีการเผยแพร่ข้อมูลที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับการลักข้อสอบคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องการพิจารณาศึกษา ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นประธาน พิจารณาแล้วเสร็จแล้ว
นายรังสิมันต์แถลงรายงานตอนหนึ่งว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังเผชิญกับปัญหาหลากหลายมิติที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการให้บริการและความเชื่อมั่นของประชาชน เช่น การแทรกแซงทางการเมืองในการแต่งตั้งโยกย้าย มีเรื่องระบบอุปถัมภ์และเส้นสาย ซึ่งในการจัดทำรายงานฉบับนี้เราเจอกับความท้าทายหลายประเด็น
"เราจึงเห็นว่าการจะปฏิรูประบบราชการตำรวจในครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเห็นว่าควรจะได้รับการแก้ไข และนำไปสู่การทลายระบบอุปถัมภ์ ทำให้ระบบตำรวจมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ รวมถึงการโยกย้ายแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ" นายรังสิมันต์ระบุ
ส่วนนายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรค ปชน. ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวไม่สามารถแก้ปัญหาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ อย่างน้อยก็ประมาณ 2-3 ปี แต่เชื่อว่าหาก สส.ฝ่ายค้าน รัฐบาล และตำรวจพร้อมใจกันจะได้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


