"อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะ สมช. เคาะสร้างรั้วชายแดน ระบุผลักดันกัมพูชาหนองจานในเวลาที่เหมาะสม ขึงมาตรการปิดด่านกดดัน “สภากลาโหม” เร่งเสริมสร้างความพร้อมรบ ปรับแผนซื้ออาวุธเชิงรุก “บิ๊กเล็ก” เผย "ผบ.เหล่าทัพ" ไม่มีความเห็นยกเลิก MOU 43/44 ยันเรื่องแผนที่ไม่มีปัญหา เพราะมี "เจ้ากรมแผนที่ทหาร" เป็นกรรมการด้านเทคนิคอยู่แล้ว หากยกเลิกก็ต้องมีกลไกอื่นขึ้นมาทดแทน พร้อมเสนอขอเครื่องราชฯ 6 นายพลอำนวยการรบสมรภูมิ 5 วัน ชี้จีนสนับสนุนอาวุธให้กัมพูชาเป็นข่าวเก่า กต.เตรียมสอบถามทูต ตั้ง “พล.อ.สมศักดิ์” นั่ง หน.คณะพูดคุยสันติสุขใต้
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ในวันที่ 3-4 ต.ค.2568 เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ รวมถึงติดตามการเยียวยาและการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมกับเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั่วประเทศว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อการดูแลความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างเต็มกำลัง
นายสิริพงศ์ยังระบุว่า นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทยสั่งการเร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 315,476 ครัวเรือน ตามเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยา โดยจังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์ จำนวน 147,370 ครัวเรือน จำนวนเงิน 736,850,000 บาท จะได้รับเงินเยียวยาวันที่ 6 ตุลาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี สระแก้ว และตราด จำนวน 90,683 ครัวเรือน จำนวนเงิน 364,417,000 บาท จะได้รับเงินเยียวยาวันที่ 7 ตุลาคม 2568 สำหรับจำนวนผู้ประสบภัยที่เหลือ ปภ.จะทยอยนำส่งรายชื่อให้ธนาคารออมสินและโอนให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568
ที่กระทรวงกลาโหม ได้จัดการประชุมสภากลาโหม มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดย พล.อ.ณัฐพลกล่าวภายหลังการประชุมว่า ตนได้เสนอกราบบังคมทูลขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นรามาธิบดี ให้แก่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2, พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี, พล.ต.อินทนนท์ รัตนกาฬ อดีตผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ซึ่งได้นำกำลังปฏิบัติการที่ภูมะเขือ โดยทุกท่านได้นำหน่วยปฏิบัติการรบด้วยความห้าวหาญในเหตุการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา ซึ่งต้องรอพระมหากรุณาที่ทรงโปรดเกล้าฯ ลงมา
นอกจากนี้ ตนได้ขอพระราชทานเหรียญกล้าหาญประดับธงชัยเฉลิมพลของบางหน่วย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ซึ่งตนและข้าราชการในกระทรวงกลาโหมมีความซาบซึ้งในพระเมตตาของพระองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ตนไม่ขอระบุจำนวนบุคคลที่ได้รับเครื่องราชฯ เพราะเกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจ ที่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่การขอครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษเร่งด่วนให้กับผู้ที่เกษียณอายุราชการ และผู้ที่ยังรับราชการ และหากหน่วยไหนเล็งเห็นว่ายังมีกำลังพลคนใดมีความเหมาะสมที่จะขอพระราชทานเพิ่มเติม ก็สามารถยื่นเรื่องเสนอขึ้นมาได้
พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า การปฏิบัติการในห้วงที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่กองทัพที่ 2 ยังมีกองกำลังจากกองทัพภาคที่ 1, กองทัพภาคที่ 3, หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และกำลังจากส่วนกลาง และกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ รวมถึงหน่วยอื่นๆ ในการปฏิบัติการครั้งนั้น โดยเฉพาะในพื้นที่ด้านตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ และหน่วยที่สำคัญอย่างมากก็คือกองทัพอากาศ ตนขอชื่นชมกำลังพลทุกเหล่าทัพ ทั้งทหารประจำการ, ทหารพราน, ตำรวจตระเวนชายแดน และอาสาสมัครที่เกี่ยวข้อง ทำให้ภารกิจสำเร็จปกป้องอธิปไตยได้
พล.อ.ณัฐพลย้ำว่า การทำงานต่อจากนี้จะเน้นเรื่องของความมั่นคงเป็นหลัก และดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ให้ไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติงานจะมุ่งไปที่ความมั่นคงด้านการทหาร ในที่ประชุมสภากลาโหมวันนี้ ได้ให้นโยบายเรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะเร่งเสริมสร้างความพร้อมรบให้มากยิ่งขึ้น ผ่านการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งที่ผ่านมาการจัดหาแนวป้องกันประเทศ แต่จากนี้ไปจะเน้นเชิงรุก เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพให้มากยิ่งขึ้น
ส่วนแผนการสร้างความพร้อมรบที่สานต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ในการของบกลางจัดซื้อเครื่องกระสุนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นั้น พล.อ.ณัฐพลระบุว่า ตอนนี้กำลังเร่งรัดดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันได้ให้กรมบัญชีกลางอนุโลมให้ เพราะเป็นการจัดหาเฉพาะ ซึ่งจากเดิมต้องใช้ระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี โดยให้ผ่อนผันในเรื่องหลักเกณฑ์ ในห้วง 2-3 ปีนี้ เพื่อทำให้การจัดซื้อรวดเร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ทยอยที่จะได้รับแล้ว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งการที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติงบประมาณกว่า 800 ล้านบาท มีทั้งเรื่องเบี้ยเลี้ยงกำลังพลและยุทโธปกรณ์ แต่ไม่ขอลงรายละเอียด
พล.อ.ณัฐพลระบุถึงการยกเลิก MOU 2543 ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวงและหลายหน่วยงาน และเป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อยากให้รอความชัดเจนจาก สมช. ทั้งนี้ ผบ.เหล่าทัพยังไม่มีความเห็น เพราะ MOU 2543 มีคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC เป็นผู้ใช้ ซึ่งยืนยันว่าในเรื่องของแผนที่จะไม่มีปัญหา เพราะมีเจ้ากรมแผนที่เป็นคณะกรรมการด้านเทคนิคอยู่แล้ว และหากถูกยกเลิกก็ต้องมีกลไกอื่นขึ้นมาทดแทน แต่ไม่ขอพูดถึง เพราะเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งอาจจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกก็ได้
จีนหนุนอาวุธกัมพูชาก่อนเกิดเหตุสู้รบ
สำหรับกรณีนิวยอร์กไทมส์เผยแพร่บทความจีนได้ส่งจรวดและกระสุนปืนใหญ่มายังกัมพูชา ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะมีการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชานั้น จากการตรวจสอบกับหน่วยข่าว เรื่องนี้เป็นข่าวเก่าและข่าวเปิด เมื่อถามย้ำว่าเป็นการส่งอาวุธมาก่อนที่จะเกิดเหตุสู้รบไทย-กัมพูชาใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ถูกต้อง เรื่องนี้ได้เคยชี้แจงกับสื่อมวลชนเมื่อช่วงต้นปี 2568 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ว่าจีนได้มีการสนับสนุนอาวุธให้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งช่วงนั้นไทย-กัมพูชายังไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่ถ้ามีความขัดแย้งและความตึงเครียดในลักษณะนี้ ตนก็มั่นใจว่าทางจีนคงจะพิจารณาด้วยความรอบคอบ ทางด้านการข่าว ยืนยันว่าไม่มีการส่งอาวุธช่วงการสู้รบ
ส่วนการที่จีนมอบอาวุธให้กัมพูชาเกี่ยวข้องกับการซ้อมรบร่วมกัน แล้วไม่ได้เอาอาวุธกลับไปใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า จากการข่าวก็อาจเป็นส่วนหนึ่ง เพราะทางกัมพูชาไม่ได้แถลงข่าวออกมา ซึ่งในแง่การข่าวของไทยจะต่างจากกัมพูชา โดยกัมพูชาจะไม่แถลงว่ามีอาวุธอะไร แต่ของไทยมีการซักถามไล่เรียงกันในสภา จนฝ่ายกัมพูชารู้ของไทยเกือบหมด
เมื่อถามว่า ในฐานะที่ดูแลความมั่นคง มีแนวโน้มจะเกิดสงครามไทย-กัมพูชาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เรื่องนี้มองได้ 2 ฝ่าย โดยฝ่ายไทยยึดมั่นในสันติวิธี พยายามใช้การเจรจาแบบทวิภาคี แต่ฝ่ายกัมพูชาเจรจาก็เจรจากันไป พร้อมรบก็พร้อมไป ส่วนที่กัมพูชากำหนดการประชุม RBC วันที่ 10-12 ต.ค.นั้น เพราะฝ่ายไทยอยู่ในช่วงสับเปลี่ยนแม่ทัพภาค ส่วนเดดไลน์ 10 ตุลาคม ที่กัมพูชาต้องนำชาวบ้านออกจากพื้นที่บ้านหนองจานกับหนองหญ้าแก้วนั้น น่าจะต้องเข้าที่ประชุม สมช. ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการใช้กำลังในการผลักดัน แต่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ทางด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีจีนสนับสนุนอาวุธให้กัมพูชาว่า เขาอาจจะให้ แต่เขาไม่ได้สนับสนุนที่จะเอาอาวุธนั้นมารุกรานประเทศอื่น ซึ่งการให้ความช่วยเหลือในการป้องกันประเทศเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้ความช่วยเหลือกัมพูชามารุกรานประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ตนจะไปเช็กดู และจะขอความกระจ่างจากทางสถานทูตจีน
ต่อข้อถามว่า หมายถึงทางสถานทูตจีนจะออกมาชี้แจงในเรื่องนี้หรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ตนขอคุยกับสถานทูตจีนก่อน ซึ่ง รมว.กลาโหมชี้แจงแล้วว่าเป็นข่าวเก่า ย้ำว่าการให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันประเทศเป็นเรื่องที่หลายประเทศทำกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ความช่วยเหลือเพื่อจะไปรุกรานประเทศอื่น
ที่บริเวณจุดบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชาวบ้านกว่า 50 ชีวิต มารอต้อนรับ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 โดยชาวบ้านนำแผ่นป้ายไวนิลเขีบนข้อความ และถือธงชาติไทยมายืนรอ บางแผ่นป้ายเขียนข้อความระบุว่า “ต้อนรับ พลโทวรยส เหลืองสุวรรณ ชาวอ่างศิลา อำเภอโคกสูง และให้กำลังใจขอสนับสนุนและให้กำลังใจ ท่านแม่ทัพภาคที่หนึ่ง ยึดผืนคืนแผ่นดินไทย" โดยทันทีที่ พล.ท.วรยสเดินทางมาถึงชาวบ้านต่างส่งเสียงต้อนรับด้วยความดีใจ พร้อมฝากให้แม่ทัพต้องเอาแผ่นดินคืนมาให้ได้ ชาวบ้านบ้านหนองจานรออยู่ วันที่ 10 ต.ค.นี้
จากนั้น พล.ท.วรยสให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า วันนี้แค่ลงมาดูพื้นที่ติดตามสถานการณ์ มาดูลูกน้อง และมาดูแลประชาชน ส่วนเรื่องปฏิบัติการ แผนต่างๆ ในส่วนกำลังทหาร ตำรวจ จังหวัด มีความพร้อมอยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะปฏิบัติการอย่างไร ซึ่งเมื่อได้เปรียบจะดำเนินการทันที
'แม่ทัพกุ้ง' ฝากแผ่นดินกับเพื่อนทหาร
ที่ลานสโมสรร่วมเริงไชย ภายในค่ายสุรนารี จัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ระหว่าง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง กับ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ โดย พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับการสนับสนุนและได้รับความร่วมมือร่วมใจจากบรรดาเพื่อนทหารทุกนายเป็นอย่างดียิ่ง ทำให้การปฏิบัติภารกิจต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสบผลสำเร็จเป็นที่ยอมรับของผู้บังคับบัญชาในทุกระดับ สำหรับ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ เป็นนายทหารที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในด้านต่างๆ จึงมีความเชื่อมั่นว่าท่านจะสามารถนำกองทัพภาคที่ 2 ไปสู่ความเจริญก้าวหน้า และสามารถปฏิบัติภารกิจที่กองทัพบกมอบหมายให้บรรลุผลสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์ ตนขอฝากให้เพื่อนทหารหาญที่รักทุกท่านทราบไว้ด้วยว่า เราจะปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนนี้ไว้ด้วยชีวิต เลือดเนื้อรวมทั้งชีวิตนี้ยอมสละเพื่อชาติ มิยอมให้ผู้ใดมาล่วงล้ำแผ่นดินไทยเป็นอันขาด เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน นี่คือสิ่งที่เราต้องธำรงไว้เหนือสิ่งอื่นใด
“พวกท่านทั้งหลายจงมีความเชื่อมั่น ให้ความร่วมมือตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายช่วยกันเสริมสร้างความรักความสามัคคี และสร้างความมั่นคงแก่ประเทศชาติ รวมทั้งร่วมกันเสริมสร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติอันดีงามของกองทัพภาคที่ 2 ให้ยั่งยืนสืบไป”
ด้าน พล.ท.วีระยุทธยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มขีดความสามารถ รวมทั้งจะรักษาเอกราชอธิปไตย ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดของชาติ จะไม่ยอมให้ใครมาละเมิดไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม พร้อมจะรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน และขอให้เพื่อนทหารทุกนายจงมีความภาคภูมิใจ ที่จะรักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน
ทั้งนี้ พล.ท.บุญสินได้พบปะอำลากำลังพลที่เข้าร่วมรับ-ส่งหน้าที่ทุกนาย และให้สัมภาษณ์ว่า ถึงแม้ตนจะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงช่วยเหลืองานที่กองทัพบกต่อ และเชื่อว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะดีขึ้น โดยมีความเชื่อมั่นในกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน ถึงแม้จะเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็ตาม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. แถลงผลการประชุม สมช.ว่า การประชุมมีเรื่องสำคัญคือ การแก้ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยได้เห็นชอบหลักการต่อเนื่องจากมติการประชุมที่ สมช.เดิม ทั้งมาตรการด้านทหาร การเปิดจุดผ่านแดน การควบคุมสินค้าต่างๆ รวมถึงด้านการศึกษา ที่จะพยายามสร้างเอกภาพให้มากขึ้น ส่วนด้านการต่างประเทศ ยังคงใช้การทูตเชิงรุก ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบให้ดำเนินการตามแนวทาง ส่วนที่มีการพิจารณาเพิ่มเติมคือ มาตรการเยียวยาที่จะให้ครอบคลุมผู้เสียชีวิตทางอ้อม ที่อาจเกิดจากความเครียด กดดัน และนำไปสู่การฆ่าตัวตายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปนิยามความหมายเพื่อดูแลกลุ่มเหล่านี้ รวมทั้งมอบให้กระทรวงมหาดไทยดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมกว่า 2,000 ครัวเรือน
เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างนโยบายการบริหารสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วง 3 ปีตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นนโยบายที่จะดูเรื่องความมั่นคงที่ประชาชนมีส่วนร่วม โดยจะแปลเป็น 5 ภาษา เพื่อสื่อสารไปทั่วโลกว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธี รวมถึงด้านการพัฒนาความมั่นคง และการพูดคุย ซึ่งจะเป็นหนึ่งในนโยบายที่ทำต่อเนื่อง โดยขั้นตอนต่อไปจะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายพิเศษ ซึ่งต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขคนใหม่ คือ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการ สมช. ซึ่งมีประสบการณ์เรื่องการแก้ปัญหาความมั่นคงอยู่แล้ว หลังจากนี้จะมีการตั้งทีมงานเพื่อดำเนินงานต่อไป ส่วนมีการพิจารณาประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) คนใหม่ ยังไม่มีวาระเรื่องนี้ในที่ประชุม
เคาะรั้วชายแดน-ส่งทัพไทยหารูปแบบ
นายอนุทินแถลงผลการประชุม สมช.ว่า มีเรื่องพิจารณา 3 เรื่อง คือ การอนุมัติกรอบการสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการกองทัพไทยเป็นผู้นำดำเนินการ ซึ่งการสร้างรั้วมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศ และความสะดวกของประชาชนในพื้นที่ ส่วนผลักดันชาวกัมพูชาที่ลุกลามอธิปไตยของไทยบริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ต้องใช้กฎหมายที่ถูกต้องและต้องคำนึงหลักมนุษยธรรม รวมถึงผลกระทบที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นกฎอัยการศึก พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ซึ่งกองทัพบกจะต้องไปหารือกับผู้ว่าฯ จังหวัดสระแก้ว รวมถึงกระทรวงมหาดไทย
เมื่อถามว่า จะถึงขั้นใช้กำลังผลักดันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า นี่คือประชาชน ไม่ใช่ทหาร เราต้องคำนึงถึงวิถีชีวิต เนื่องจากคนลำบากอยู่แล้ว มีทั้งเด็ก สตรี คนชรา พร้อมทั้งยืนยันว่า รัฐบาลจะผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำออกจากพื้นที่ ในเวลาที่เหมาะสม และคงไม่ใช่วันที่ 10 ต.ค.นี้ และการประชุม สมช.วันนี้ ไม่ได้มีการหารือถึงการยกเลิกเอ็มโอยู 43 ซึ่งให้เป็นเรื่องของสภาดำเนินการ
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมจะมีแนวทางหรือมาตรการอย่างไรในการกดดันให้กัมพูชาทำตามข้อตกลงโดยเฉพาะในเรื่องการถอนอาวุธหนัก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะจะใช้กรอบการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ซึ่งเราก็ยังยืนยันจุดยืนว่าก่อนที่จะมีการดำเนินการใดๆ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่เราต้องการให้กัมพูชาดำเนินการก่อน ส่วนที่มองว่าประชุมอาร์บีซีและจีบีซีที่ผ่านมาเหมือนพายเรืออยู่ในอ่างนั้น จากนี้ไปก็จะเริ่มไปไหนแล้ว อีกทั้งยังมีความคืบหน้าของการเจรจา อย่างกรณีที่นายสีหศักดิ์ชี้แจงในเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ UN ที่ถูกบิดเบือนไป ซึ่งมองว่าจะนำไปสู่การเจรจา
เมื่อถามว่า สถานการณ์ปัจจุบันกัมพูชายังไม่ตอบรับในหลายประเด็น เช่น การทำแผนอพยพออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว รวมถึงการไม่ร่วมเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นเหตุ นายอนุทินกล่าวว่า เราก็ไม่ตอบสนองอะไรกับเขา ดังนั้นสิ่งที่เขาอยากให้เราดำเนินการ เช่นการเปิดด่านหรือขอให้ช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เราก็ไม่ทำ ซึ่งตนไม่อยากใช้คำว่ากดดัน เพราะทุกวันนี้ก็กดดันกันมากอยู่แล้ว ควรหาวิธีที่จะสื่อไปให้เห็นว่าเราพร้อมหากจะอยู่กันไปแบบนี้ แต่ถ้าอยากให้ชีวิตประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของตัวเองดีขึ้น เขาก็ต้องตอบรับข้อเสนอเรา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'
ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

