เตือน11จังหวัด ท้ายเขื่อนรับมือ สถานการณ์นํ้า

"ภราดร" ยกเครื่องระบบ สทนช. ทำงานให้ถึงท้องถิ่น บี้ปรับปรุงระบบสารสนเทศเตือนภัย Cell ​Broadcast​ ให้ทันสถานการณ์ดูแล  ปชช.พื้นที่เสี่ยง ขีดเส้นเงินเยียวยาห้ามต่ำกว่าเพดานรัฐบาลก่อน "กรมชลประทาน" เตือน 11  ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเตรียมรับมือ "ปภ." ผละบัวลอยจับตา "แมตโม" ใกล้ชิด

เมื่อวันศุกร์ นายภราดร ปริศนานันทกุล  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทาง​มามอบนโยบาย​แก่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ  (สทนช.) โดยมีนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สทนช. และ​ผู้​บริหารรายงานภารกิจ​ของ​หน่วยงาน โดยระบุว่า อยากให้​ สทนช.ทบทวน​ภารกิจ​ว่า​ สทนช.ควรดูแล​แผนบริหาร​จัดการ​น้ำ​ครอบคลุม​ถึง​ระดับ​ท้องถิ่น​หรือ​ไม่ เพื่อ​ให้​เป็น​เอกภาพ​ทุก​ด้าน นอกจากนี้​ยังเน้นย้ำ​ถึง​การปรับปรุง​ระบบ​สารสนเทศ​เพื่อ​การวิเคราะห์ และ​คาดการณ์​สถานการณ์​น้ำให้แม่นยำขึ้น​ ตามที่​เลขาธิการ​ สทนช.​รายงานว่าอยู่​ระหว่าง​พัฒนา​และ​จัดหาแบบจำลอง​ที่ทันสมัย​มาใช้​

“อยากให้​ทบทวน​เรื่อง​การแจ้งเตือน​ภัยที่​ต้องมีการประสานงานกับหน่วยงาน​ต่าง​ๆ​ ทั้งรับและส่งข้อมูล​ ว่าต้องปรับปรุง​ขั้นตอน​อย่างไร เพื่อ​ให้​สามารถ​แจ้ง​เตือน​ประชาชน​ใน​พื้นที่​เสี่ยงภัย​ด้วย​ระบบ​ Cell​ Broadcast​ ได้​อย่างรวดเร็ว​และ​ทัน​ต่อ​เหตุการณ์” นายภราดรระบุ

นายภราดร​ยังแสดง​ความเป็นห่วง​สถานการณ์​น้ำช่วง​ครึ่ง​แรกของ​เดือน​ตุลาคม ​ซึ่ง​เป็น​ปลายฤดู​ฝน​ที่มีฝนชุก​ เขื่อน​ใหญ่​ตอนบนหลายเขื่อน​มีน้ำมาก​ น้ำจากภาคเหนือตอนบนไหลลงมาสมทบกับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้เขื่อนเจ้าพระยาจำเป็นต้องเพิ่มอัตราการระบายน้ำ และอาจกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ปทุมธานี และนนทบุรี​ วางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างแม่นยำ รวมทั้งปรับแผนระบายน้ำของเขื่อนแต่ละแห่งให้สอดคล้องกัน เพื่อรักษาโครงสร้างเขื่อนและลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด

“ในด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้พิจารณาหลักเกณฑ์การชดเชยเยียวยาโดยใช้อัตราไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา คือ 9,000 บาทต่อครัวเรือน และให้เร่งวางแนวทางเพิ่มเติมเพื่อรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบในระยะต่อไป ส่วนงบประมาณ​ที่ สทนช.จะใช้ใน​การ​บริหาร​จัดการ​น้ำทั้ง​ 22​ ลุ่มน้ำ​ทั่วประเทศ​ ขอให้​พิจารณา​ให้​มีประสิทธิภาพ​สูงสุด​ตามข้อสั่งการ​ของ​นายกรัฐมนตรี” นายภราดรระบุ

ด้านนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน ออกหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 8 ถึง 11 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร จากอิทธิพลพายุบัวลอย ส่งผลให้ฝนตกหนักหลายพื้นที่เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จากการคาดการณ์ในช่วงวันที่ 1-9 ต.ค.2568 ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำนครสวรรค์ C.2 จะเพิ่มขึ้นในเกณฑ์ 2,700-2,900 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาสูงขึ้นตามลำดับ

นายเดชระบุว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทางกรมชลประทานได้มีการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาจากอัตราเดิม 2,300 ลบ.ม./วินาที มาเป็น 2,400 ลบ.ม./วินาที เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนสูงขึ้น +20 ซม. ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ 

“กรมชลประทานได้แจ้งเตือน 11 จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกาศประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อย ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” นายเดชระบุ

ขณะที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า อิทธิพลของพายุบัวลอยทำให้เกิดฝนตกหนัก ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนถึงปัจจุบัน  ส่งผลให้เกิดอุทกภัย น้ำไหลหลาก และดินสไลด์ ในพื้นที่ 18 จังหวัด รวม 56 อำเภอ 154 ตำบล 616 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,720 ครัวเรือน 60,294 คน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ และเลย รวม 10 อำเภอ 29 ตำบล 185 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,443 ครัวเรือน 27,539 คน ระดับน้ำในภาพรวมลดลงทุกพื้นที่

สำหรับกรณีอุทกภัยจากน้ำล้นตลิ่งและฝนตกหนัก ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ต.ค.68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์ จำนวน 15 จังหวัด รวม 61 อำเภอ 407 ตำบล 2,234 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 84,085 ครัวเรือน 278,446 คน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย

“นอกจากนี้ ปภ.ได้ติดตามสภาพอากาศร่วมกับหน่วยงานด้านพยากรณ์ พบว่า พายุแมตโม กำลังปกคลุมบริเวณเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนบนในวันนี้ และในช่วงวันที่ 5-6 ต.ค.68 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ซึ่งพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่ ปภ.ก็ยังคงติดตามและเฝ้าระวังการเคลื่อนตัวของพายุอย่างใกล้ชิด” ปภ.ระบุ 

ที่ จ.พิจิตร สถานการณ์น้ำในแม่น้ำน่านในเขตพื้นที่เททศบาลเมืองพิจิตรมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง ขอให้ผู้อยู่อาศัยริมแม่น้ำน่าน/พื้นที่ลุ่มต่ำ/พื้นที่เสี่ยง บริเวณชุมชนหลังสถานีรถไฟชุมชน ปากคลองท่าหลวง หากน้ำท่วมที่อยู่อาศัยต้องการอพยพไปอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย ขอให้จัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น โดยให้อพยพไปที่ รร.เทศบาลบ้านปากทาง ต.ในเมือง อ.เมืองพิจิตร ได้ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.68 เป็นต้นไป

จ.อุดรธานี ประตูน้ำอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กในลุ่มน้ำห้วยหลวง สูงกว่าระดับเก็บกักแล้ว มวลน้ำมหาศาลไหลเข้าอ่างฯ มาต่อเนื่อง อ่างฯ ห้วยหลวงระบายน้ำเพิ่มไม่ให้ไปสมทบรวมกับน้ำลำห้วยทราย-ห้วยเชียง-ห้วยลี ที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าลำน้ำห้วยหลวงในปริมาณมากเช่นกัน เพราะจะทำให้ลำน้ำห้วยหลวงล้นตลิ่ง ซึ่งขณะนี้ปริมาณน้ำเริ่มหลากเข้าท่วมถนนและทางเข้าชุมชนบ้านเรือน สำนักงานชลประทานที่ 5 อุดรธานี ปักธงแดงเตือนภัยน้ำมาก พร้อมเดินหน้าเร่งระบายน้ำ

จ.เชียงใหม่ ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้ประชุมมอบนโยบายให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอทั้ง 25 อำเภอ หลังจากรับนโยบายจากกระทรวงมหาดไทย ให้ทุกอำเภอนำนโยบายสำคัญขับเคลื่อนสู่ประชาชนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะน้ำท่วมน้ำหลากให้พื้นที่ประสบภัย เร่งดูแลช่วยเหลือเยียวยาประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยพื้นที่ประสบภัยหนักช่วงพายุเข้าก่อนหน้าถึงปัจจุบัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ได้เท่าหาดใหญ่! ภราดรเผยกลางที่ประชุม ศป.กฉ.เสียชีวิตในอุทกภัยใต้ได้ค่าปลงศพ 2 ล้าน

'ภราดร' ถก 'ศป.กฉ.' บอกผู้ว่าฯปัตตานี นอกพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะได้รับค่าปลงศพรายละ 2 ล้านบาทเช่นกัน บี้ผู้ว่าฯ นราธิวาส เร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม หลังพบเบิกช้าไม่ถึง 10%