ปลุกต้องชนะเท่านั้น นายกฯลงพื้นที่ให้กำลังใจทหาร/สัปดาห์หน้าได้เงินเยียวยา

"นายกฯ อนุทิน" สวมชุด อส.  ประดับยศนายกองใหญ่ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ดูสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอบคุณทหารรักษาอธิปไตย อวยพรให้ชนะ-แคล้วคลาด พร้อมร่วมวงกินข้าวถาดหลุม ตักไข่พะโล้ให้กำลังพล  ปลุกใจทหารไทยสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น ต้องชนะเท่านั้น เชื่อมั่นแม่ทัพภาค 2 คนใหม่ แย้มสัปดาห์หน้าเงินเยียวยาถึงมือ ปชช.ที่ได้รับผลกระทบชายแดน ขอชาวบ้านมั่นใจไม่มีเปิดด่าน บอกไม่กังวลสร้างรั้วผิดข้อตกลง เหตุไม่ได้รุกล้ำใคร แจง 10 ต.ค.ขับชาวเขมรพ้นบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ต้องยึด กม. ย้ำชัดไม่ใช่ผลักดัน "มทภ.1" ขู่กัมพูชาไม่อพยพชาวบ้านพ้นเขตไทย ถก RBC 10-12 ต.ค. เลื่อนไม่มีกำหนด

ที่จังหวัดสุรินทร์ วันที่ 3 ต.ค.2568 เวลา 11.45 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ซึ่งสวมเครื่องแบบกองอาสารักษาดินแดน ประดับยศนายกองใหญ่ เทียบเท่ายศพลเอก ซึ่งเป็นยศของ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์, นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย, พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม, พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, นายฉัตรชัย บางชวด  เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์จากสนามบิน จ.บุรีรัมย์ ถึงท่าอากาศยานสุรินทร์ภักดี จ.สุรินทร์ เพื่อปฏิบัติภารกิจลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินทร์ รวมถึงติดตามการช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

เมื่อคณะนายกฯ เดินทางมาถึงกองบัญชาการกองกำลังสุรนารี มี พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ต้อนรับ จากนั้น นายกฯ ถวายราชสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  และสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ก่อนถ่ายภาพร่วมกัน และเข้าร่วมประชุมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา  จ.สุรินทร์

พล.ท.วีระยุทธรายงานสถานการณ์ชายแดนกัมพูชาว่า หน่วยในพื้นที่ปัจจุบันได้วางกำลังควบคุมระยะสำคัญที่จะได้เปรียบทางยุทธวิธี จัดตั้งจุดศูนย์กลางเพิ่มมาตรการเฝ้าตรวจ ทั้งกำลังพลและเครื่องมือ ปรับปรุงที่มั่นดัดแปลงให้แข็งแรง รวมถึงเส้นทางที่มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ปรับปรุงแผนเผชิญเหตุให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญกับการจัดการเหตุการณ์การดำเนินการและการยุทธ์ให้มีความพร้อมในการเผชิญสถานการณ์ เพื่อปฏิบัติได้ตามแผนที่กำหนด นอกจากนี้ ได้กำกับดูแลเรื่องสวัสดิการกำลังพลทุกระดับ เสริมสร้างขวัญและกำลังใจ เพื่อให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้อุดมการณ์ของกองทัพบกเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน

ต่อมานายอนุทินได้ลงนามในสมุดเยี่ยมว่า  “ขอเป็นกำลังใจ และขออำนวยพรให้พี่น้องทหารปฏิบัติภารกิจรักษาอธิปไตยของชาติทุกคน จงประสบชัยชนะ และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง ด้วยความเคารพและขอบพระคุณยิ่ง”  จากนั้นนายกฯ ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กำลังพลป้องกันชายแดนของกองกำลังสุรนารี อาทิ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมัน และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า   นายกฯ กำชับให้ฝ่ายปกครองดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชน กำชับให้ฝ่ายทหารดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน รวมทั้งนายกฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ พร้อมมั่นใจว่าแม่ทัพภาคที่ 2 จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเข้มแข็ง

"รมว.พาณิชย์ยังได้ให้ความมั่นใจว่าจะมีมาตรการเพื่อดูแลสินค้าเกษตร ทั้งการซื้อ-ขาย  รวมทั้งการส่งออก ผ่านไปทาง สปป.ลาวและเวียดนาม และหาตลาดใหม่เพิ่ม" โฆษกประสำนักนายกฯ ระบุ

หนูปลุกใจทหารต้องชนะเท่านั้น

เวลา 12.30 น. นายอนุทินและคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ฐานปฏิบัติการสามแยก กองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น

ทั้งนี้ นายกฯ ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับกำลังพล เป็นอาหารถาดหลุม เมนูอาทิ ผัดมาม่า ยำปลากระป๋อง ไข่เจียว ไข่พะโล้ กล้วยน้ำว้า โดยนายกฯ ได้ตักไข่พะโล้ใส่จานให้นายทหารที่นั่งร่วมโต๊ะ พร้อมพูดคุยสอบถามถึงความเป็นอยู่และการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความห่วงใย

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้ให้โอวาทกับกำลังพลด้วยว่า พร้อมให้การสนับสนุนภารกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด  พวกท่านต้องได้รับชัยชนะเท่านั้น ทหารไทยเราสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นอยู่แล้ว และมีไม่กี่คนที่จะได้รับเกียรติยศอันสูงสุดที่จะปกป้องผืนแผ่นดินไทยในชั่วชีวิตนี้ ตนก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในการทำให้ภารกิจของพวกท่านได้รับความสำเร็จ

“ต้องสำเร็จเท่านั้น ผมไม่เคยมีความคิดหรือเผื่อสำหรับความพ่ายแพ้ของกองทัพไทย ผมจะทำทุกอย่างเท่าที่ความสามารถนี้ เพื่อให้พวกท่านได้กลับบ้านโดยเร็ว และนำพาชัยชนะอธิปไตยไทยของเราไปฝากประชาชน” นายกฯกล่าว

นายอนุทินยังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “What a great pride and honor to serve our heroes” แปลเป็นภาษาไทยว่า เป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่รับใช้วีรบุรุษของเรา

เวลา 15.00 น. นายอนุทินพร้อมคณะได้แวะลงพื้นที่ปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจทหารแนวหน้า พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า  บริเวณนี้ตอนนั้นเป็นจุดที่ฝั่งกัมพูชา คนกัมพูชาสามารถข้ามเข้ามาในเขตแดนไทยได้ มีทางเดิน  เราจึงต้องเตรียมพร้อมด่านแห่งหนึ่ง ที่พี่น้องทหารก็มีความพร้อมที่จะไม่ให้เกิดการรุกล้ำเข้ามาของฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน

เวลา 15.45 น. นายอนุทินพร้อมคณะเดินทางมาที่โรงเรียนพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขึ้นเวทีกล่าวกับชาวบ้านที่มารอต้อนรับพร้อมแนะนำรัฐมนตรีที่เดินทางมาด้วยว่า เป็นคนที่จะมาทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ทั้งเรื่องความมั่นคง เรื่องการสู้รบ การฟื้นฟู และเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนตนเป็นคนบุรีรัมย์ และคนที่ต้องขอให้ปรบมือจนหลังคารั่ว คนนี้ที่จะทำให้เราไปใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข คือ พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ คนที่ต้องขอฝากชีวิตทุกคนไว้กับท่าน

แย้มจ่ายเงินเยียวยาสัปดาห์หน้า

นายอนุทินกล่าวยืนยันว่า เรื่องเงินเยียวยาสัปดาห์หน้าเข้ากระเป๋าทุกคน เงินอยู่ในธนาคารออมสิน ตอนนี้แม้ว่า จ.สุรินทร์จะไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัด แต่มีรองผู้ว่าฯ ถามว่ารองผู้ว่าฯ  อยากขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดหรือไม่ ถ้าหากสัปดาห์หน้าเงินไม่เข้ากระเป๋า สุรินทร์จะไม่มีผู้ว่าฯ อีก ปลัดกระทรวงมหาดไทยก็ไม่กล้าเซ็นตั้งผู้ว่าฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนเวทีนายกฯ ได้สอบถามประชาชนว่าจะให้เปิดด่านหรือไม่ ซึ่งประชาชนยกมือบอก "ปิดด่าน" นายกฯ จึงถามกลับว่า ถ้าหากคนเปิดด่านจะเจอมือหรือตีน ชาวบ้านตอบกลับว่า ตีน ซึ่งได้เรียกเสียงหัวเราะ

นายอนุทินกล่าวว่า เราต้องทำในทุกๆ สิ่งเพื่อให้เราไม่เสียเปรียบ และให้ประโยชน์สูงสุดเกิดขึ้นกับเรา มีช่องทางหลายช่องทางให้สถานการณ์กลับมาให้ดีที่สุด วันนี้กลับไปตนจะไปดูเรื่องการเยียวยา เรื่องหนี้สิน เรื่องความปลอดภัย และราคาสินค้าเกษตร รวมไปถึงการฟอกไต อะไรที่ให้มาแล้วจะถอนกลับไปไม่ได้ วันนี้ตนมีโอกาสกลับมาแล้ว จะต้องทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตอบแทนพระคุณประชาชน

"จ.สุรินทร์มีบุญคุณกับผมมาก ขึ้นเวทีทางการเมืองครั้งแรกก็ที่ จ.สุรินทร์ เพราะจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างให้ สส.มายกจังหวัด และบางจังหวัดก็ค่อนจังหวัด จากนี้ขอ สส.ยกจังหวัด และทำประโยชน์ให้กับประชาชน และขอขอบคุณ" นายอนุทินระบุ

นายอนุทินให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการเปิด-ปิดด่านว่า แทบจะเป็นฉันทานุมัติของประชาชน ทั้งที่อยู่ชายแดนและที่ได้รับผลกระทบ ไม่มีคนไหนที่อยากให้เปิดด่านเลยสักคนเดียว เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน ซึ่งเรื่องเปิดด่านขอให้มั่นใจว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้นจนกว่าเงื่อนไขหรือสิ่งที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยได้รับการยอมรับ และทำให้เรามั่นใจถึงจะพิจารณา

ถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการสร้างรั้วบริเวณริมชายแดนที่เป็นข้อพิพาทจะทำให้เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากในข้อตกลงหยุดยิงระบุไว้ว่าห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ข้อพิพาท นายอนุทินกล่าวว่า เราสร้างอยู่ในแนวเขตของประเทศเรา  ไม่ได้ไปรุกล้ำใคร

นายอนุทินกล่าวถึงการจ่ายเงินเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้เงินถูกถ่ายโอนมายังธนาคารออมสินแล้ว ซึ่งจะทำการจ่ายในสัปดาห์หน้า และจะทยอยจ่ายตามบัญชีที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้  จ่ายแน่สัปดาห์หน้า

ถามว่า จ.สุรินทร์เสนอมาตรการ 19 โครงการ วงเงินกว่า 600 ล้านบาท เพื่อเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ นายอนุทินกล่าวว่า นี่เป็นเพียงแค่จังหวัดเดียว ผู้ขอก็ต้องขออย่างเต็มที่ อย่างไรกระทรวงมหาดไทยก็ต้องนำเรื่องนี้ผ่านเข้าไปกลั่นกรองอยู่ดี หากมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกบาททุกสตางค์เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน ตนก็พร้อมสนับสนุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ นายอนุทินให้สัมภาษณ์ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงกรณีการผลักดันคนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ในวันที่ 10 ต.ค. ล่าสุดสื่อกัมพูชาระบุชาวกัมพูชาจะไม่ยอมออกจากพื้นที่ว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นของประเทศไทย เราจะดําเนินการตามกฎหมายของประเทศไทย ไม่มีหรอกที่จะให้คนที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทยมาทําผิดกฎหมายในประเทศไทย

ถามว่า จะใช้หลักกฎหมายอะไรในการผลักดัน นายอนุทินกล่าวว่า ต้องใช้หลายกฎหมายประกอบกัน กลุ่มคนพวกนี้คือกลุ่มคนทั่วไป ที่เราต้องปฏิบัติกับเขาอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งเราต้องไม่ทําให้เขาเดือดร้อน ไม่ใช่การผลักดันหรือการอุ้มกันออกไป แต่เราจะใช้วิธีทางกฎหมายให้มากที่สุด พูดคุยกันให้มากที่สุด

ขู่เขมรไม่อพยพคนไม่ถก RBC

ซักว่า วันที่ 10 ต.ค.เราจะเริ่มดําเนินการตรงนี้เลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วันที่ 10 ต.ค. คือการตั้งไทม์ไลน์ของผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว แต่การปฏิบัติในเรื่องนี้เราต้องดูหลายมิติ สิ่งที่เป็นประเด็นที่อันตรายตอนนี้คือเรื่องชายแดน ที่เราต้องดูเรื่องการปะทะ การเตรียมความพร้อม การผลักดันให้ออกไปก็เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจา

"ถ้าคุณถอนอาวุธหนัก ถอนกับระเบิด ถอนเรื่องกองกําลังออกไป เราก็มาเจรจากันในเรื่องพวกนี้ คุณก็ต้องหาสถานที่เอาคนของคุณออกไปยังอาณาเขตของคุณ ถ้าเป็นแบบนี้เรายังคงพูดคุยกันได้ ไปสร้างชุมชนใหม่ให้เขาได้ย้ายออกไป ไม่ใช่การผลักดันในขณะที่การเผชิญหน้ากันยังมีอยู่ มันต้องจัดลําดับ" นายกฯ กล่าว

ถามว่า ที่นายกฯ ระบุว่าวันที่ 10 ต.ค. อาจจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการจัดการอะไร นายกฯ กล่าวว่า ตนตอบไปแล้วว่าลําดับการดําเนินการเป็นอย่างไร จะมาเอาวันนั้นวันนี้ไม่ได้ และตนก็ไม่ได้เป็นคนพูดเรื่องวันที่ 10 ต.ค.

แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 1 ระบุว่า ภายหลังกัมพูชาส่งหนังสือเชิญกองทัพภาคที่ 1 ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 10-12 ต.ค.นี้ ที่บ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ประเทศกัมพูชา เพื่อประชุมติดตามการดำเนินการต่อจากข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา เรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การจัดระเบียบชายแดนนั้น

พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งให้ ทภ.1 ทำหนังสือตอบกลับไปยังฝ่ายกัมพูชา หากการประชุม RBC ในวันที่ 10-12 ต.ค. ไม่มีหัวข้อการหารือเรื่องแผนการอพยพคนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ออกจากพื้นที่ ก็ขอเลื่อนการประชุมออกไปก่อน จนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องดังกล่าวมาหารือ

"หากกองทัพภาคที่ 1 ยังไม่ได้ประชุม RBC ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 และกองบัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กปช.จต.) ก็ไม่มีการประชุม RBC เช่นกัน จนกว่ากองทัพภาคที่ 1 จะมีความเรียบร้อย สำหรับการประชุม GBC ระหว่าง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม และ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ก็เกิดขึ้นไม่ได้หากการประชุม RBC ใน 3 พื้นที่ยังไม่แล้วเสร็จ" แหล่งข่าวระบุ

ด้าน พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงการสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ขณะนี้หน่วยทหารพัฒนาการเคลื่อนที่ 12 ประสานงานกับกองกำลังทหารพรานที่ 12 จะเข้าไปสร้างในจุดที่ไม่มีปัญหาก่อน คือ 5.1 กิโลเมตร ที่บริเวณหลักเขตแดนที่ 50-51 บ้านโคกสะแบง ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ ที่เบื้องต้นจะใช้งบประมาณปี 2568 ของกองบัญชาการกองทัพไทยจำนวน 6.5 ล้านบาท

"บริเวณพื้นกำลังมีการปรับปรุงถนนลูกรัง เมื่อถนนเสร็จแล้วก็สามารถสร้างรั้วได้เลย โดยเป็นรั้วชั่วคราว เสาคอนกรีตขึงลวดหนาม รั้วสูง 2 เมตรกว่าๆ 9 ระดับ 2 ชั้น ติดกล้องวงจรปิด ที่สร้างริมคลองพรมโหด เป็นการป้องกันคนออกไปเล่นการพนันหรือไปเป็นสแกมเมอร์" พล.ต.วิทัยระบุ

ที่บ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ กองกำลังบูรพา  ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่มายังบ้านหนองจาน ติดตามสถานณ์ที่ทางจังหวัดประกาศชาวกัมพูชาต้องออกนอกพื้นที่ภายในวันที่ 10 ต.ค.ว่า ช่วงเช้าวันนี้ทางกัมพูชาได้นำคณะ IOT กับเหล่ากาชาดกัมพูชาและเด็กเข้ามาอยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว คล้ายกับว่าเขากำลังจะสร้างให้เกิดภาพความรุนแรงจากฝั่งไทยอยู่แล้ว

"ตอนนี้กองกำลังบูรพาได้มีการเตรียมการไว้หมดแล้ว หากพูดกันแบบภาษาชาวบ้านคือพร้อมปฏิบัติทุกอย่าง แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกรอบแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ต้องรอคำสั่งจากกองทัพบก แล้วกองทัพบกก็ต้องฟังรัฐบาลอีกที" พ.อ.ชัยณรงค์ระบุ

วันเดียวกัน ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต พ.จ.อ.เอกลักษณ์ แพน้อย จำเลย คดีที่ พ.จ.อ.เอกลักษณ์ใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา อดีตสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านพรรคกู้ชาติกัมพูชา วัย 74 ปี เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2568 ที่บริเวณวงเวียน 13 ห้าง ย่านถนนข้าวสาร.