โพลฉีกหน้าผู้แทนราษฎร แก้‘สันดาน’ก่อนรื้อรธน.

โพลตอกย้ำชัด! ชาวบ้านบอกให้นักการเมืองปรับพฤติกรรมตัวเองก่อนแก้รัฐธรรมนูญ “สวนดุสิตโพล” ชี้เรื่องปากท้องเป็นเรื่องด่วนที่อยากเห็นรัฐบาลหนูเร่งแก้ไข “ลูกเสธ.แดง” จี้คู่รัก MOA ตกลงให้สะเด็ดน้ำเรื่อง ส.ส.ร. เย้ยอาจเป็น รธน.ฉบับแกงส้มต้มประชาชน “ทนายนกเขา”  ต้านแก้ไข โดยเฉพาะมาตรา 160

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ต.ค.2568 น.ส.ขัตติยา  สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พท.ขอเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาชน (ปชน.) ถอนร่างเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้งสองพรรคออกมาก่อน และไปพูดคุยกันให้ชัดเจนว่าจะเลือกแนวทางการได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) อย่างไร เพราะตอนเซ็น  MOA ระบุว่าจะให้มี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง   แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่สามารถทำได้ ทั้งสองพรรคคู่รัก MOA ก็ควรหาทางออกร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้ ส.ส.ร.มีความเกี่ยวข้องยึดโยงกับประชาชนได้มากที่สุด

 “เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญใน MOA อย่าทำเหมือนว่าพวกท่านแยกกันเดิน โดยเฉพาะพรรคประชาชน ที่เชื่อว่าตนเองมีอำนาจต่อรองรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ ควรต่อรองเรื่องนี้ให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่เช่นนั้นท่านเองจะถูกครหาได้ว่าอ้างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อการหาเสียงเท่านั้น   ส่วนพรรคภูมิใจไทยเองก็ควรไว้หน้าผู้ให้กำเนิดรัฐบาลบ้าง อย่าทำอะไรที่พี่น้องประชาชนเขาดูออกว่าจะเป็นการเดินหน้าสู่รัฐธรรมนูญฉบับแกงส้มต้มประชาชน ส่วนจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่นั้น ค่อยไปลุ้นเอาทีหลัง” น.ส.ขัตติยากล่าว 

ขณะเดียวกัน คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยจัดเสวนาหัวข้อ “ประเทศไทยต้องมาก่อน ต้องหยุดการเมืองไร้คุณธรรม" ที่พีซทีวี โดยนายนิติธร ล้ำเหลือ กลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย กล่าวว่า เพื่อให้คุณธรรมนำการเมือง จะไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญ 2560 เพราะเงื่อนไขที่ทุกพรรคการเมืองพูดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยร่างโดย คสช. แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงมติประชามติเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเงื่อนไขที่ต้องการแก้ไขคือบทเฉพาะกาล ซึ่งได้สิ้นสุดไปแล้ว  ไม่มีประเด็นอื่นใดที่ต้องแก้ตามใจนักการเมือง

“ที่ต้องดิ้นกันแก้ เพราะผลจากรัฐบาลฉบับนี้  โดยเฉพาะมาตรา 160 เป็นว่าด้วยเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตาม (4) ส่วน (5) ไม่ประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งสองวรรคนี้ จัดการนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไปเรียบร้อยแล้ว  นักการเมืองที่กัดเซาะบ่อนทำลายประเทศชาติและสถาบันไปหลายคน” นายนิติธรกล่าว

นายนิติธรกล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 คืออาวุธของประชาชนที่รักชาติรักแผ่นดิน ปล่อยให้แก้ไม่ได้ แต่ถ้าจะแก้จะเสนอให้ขยายผลของมาตรา 160 เรื่องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่ประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรม ขยายไปให้ถึงคุณสมบัติของ สส. ไม่ใช่เฉพาะรัฐมนตรี

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า การแก้รัฐธรรมนูญทำไปเพื่อประโยชน์หัวหน้าการเมืองเอง ซึ่งไม่ควรแก้ทั้งฉบับ แต่ให้แก้เป็นบางส่วน เช่น การปล่อยให้ สส.มีอิสระจนไม่เคารพพรรคการเมืองที่ตนเองสังกัด จนถูกซื้อตัวย้ายไปอยู่พรรคอื่นได้

วันเดียวกัน สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเผยรายงานผลสำรวจเรื่อง คนไทยสนใจอยากแก้อะไรก่อน  ระหว่าง พฤติกรรม สส.กับรัฐธรรมนูญ หรือ พรรคเล็ก พรรคตั้งใหม่ จากกลุ่มตัวอย่างทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,167  ตัวอย่าง โดยผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 55.8% เห็นว่าควรแก้พฤติกรรมของนักการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อนเป็นอันดับแรก ขณะที่ 44.2% เห็นว่าควรแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อถามลึกลงไปถึงสิ่งที่อยากให้รัฐสภาแก้อย่างจริงจังก่อน พบว่า ประชาชนให้ความสำคัญกับประเด็นด้านคุณธรรมและธรรมาภิบาลของนักการเมืองเป็นหลัก ดังนี้ 71.4% ยกระดับจริยธรรมและแก้ไขพฤติกรรมของ สส.และ สว.,  68.9% ตรวจสอบทรัพย์สินและผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างเข้มงวด, 63.4% ลดการซื้อเสียงและการใช้อิทธิพลทางการเมือง, 52.7% ป้องกันการใช้อำนาจแทรกแซงการเลือกตั้ง และ 46.7% ปรับรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดพื้นที่ให้พรรคใหม่ พรรคเล็กเติบโตได้จริง

ขณะที่ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต  สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง นโยบายเร่งด่วนรัฐบาลอนุทิน จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,149 คน โดยเมื่อถามว่านโยบายเร่งด่วน 5 ด้านของรัฐบาล ประชาชนคาดหวังกับด้านใดมากที่สุด พบว่า 59.36% ด้านเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย, 20.45% ด้านความมั่นคง แก้ปัญหาไทย–กัมพูชา ยกระดับคุณภาพชีวิตชายแดนใต้, 7.92% ด้านสังคม ปราบการพนันผิดกฎหมาย ขจัดทุจริต, 7.14% ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตั้งระบบเตือนภัย ช่วยผู้ประสบภัย และ 5.13% ด้านการบริหารภาครัฐ เร่งพัฒนารัฐบาลดิจิทัลและปฏิรูปกฎหมาย                     

 ถามต่อว่า ประชาชนคิดว่านโยบายของรัฐบาลอนุทินแตกต่างจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมาหรือไม่ พบว่า 57.96% แตกต่างอยู่บ้าง, 32.81% ไม่แตกต่างเลย และ 9.23% แตกต่างอย่างมาก ทั้งนี้ เมื่อถามอีกว่าหลังจากการแถลงนโยบาย ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลอนุทินเพียงใด พบว่า 43.78% ไม่ค่อยเชื่อมั่น, 42.12% ค่อนข้างเชื่อมั่น, 9.40% ไม่เชื่อมั่นเลย และ 4.70% เชื่อมั่นมาก               

สุดท้ายเมื่อถามว่า สิ่งที่อยากบอกรัฐบาลอนุทินต่อการทำงานในช่วง 4 เดือนก่อนมีการเลือกตั้ง พบว่า 31.33% อยากเห็นผลงานการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ค่าครองชีพ, 23.11% รักษาคำพูด ทำตามนโยบายที่ให้ไว้, 15.56% ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน,      15.11% ดูแลความเป็นอยู่ของทหารและประชาชนแนวเขตชายแดน และ 8.44% ปฏิบัติตามข้อตกลง MOA ที่ให้ไว้กับพรรคประชาชน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'