ผู้ว่ารฟท.ไขก๊อก พิษ‘เขากระโดง’ พ่วงไฮสปีดเทรน

“วีริศ" ยื่นไขก๊อก "ผู้ว่าฯ รฟท." มีผล 30 ต.ค. คาดโดนแรงกดดันหลังเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ปม "ไฮสปีด 3 สนามบิน-คดีเขากระโดง" บอร์ดเตรียมนัดถกตั้ง "รักษาการ" 22  ต.ค. พร้อมเร่งสรรหาคนใหม่ภายในสิ้นปี  "พิพัฒน์” ยันไม่ยกเลิกสัญญา 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ลั่นยึดตามคำแนะนำอัยการสูงสุด

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2568 มีรายงานว่า นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย  (รฟท.) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อคณะกรรมการบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ดรฟท.) ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจะมีผลภายใน 1 เดือน หรือภายในวันที่ 30 ต.ค.2568 หลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟฯ  เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2567 ดำรงตำแหน่งเพียง 1 ปีกว่าเท่านั้น

ทั้งนี้ สาเหตุคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันเกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน ได้แก่ ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  รฟท.อยู่ระหว่างการเจรจาแก้ไขสัญญากับเอกชนคู่สัญญา และได้เสนอร่างสัญญาให้อัยการสูงสุดตรวจสอบแล้ว รวมทั้งเมื่อมี รมว.คมนาคมคนใหม่ ได้กำหนดแนวทางให้ยึดถือเงื่อนไขสัญญาเดิม โดยไม่แก้ไขสาระสำคัญของสัญญา ทำให้การเจรจาระหว่าง รฟท.และเอกชนต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากไม่สามารถหาข้อสรุปได้ และนำไปสู่การบอกเลิกสัญญา อาจเกิดภาระในการชดเชยความเสียหายจากการเสียโอกาสดำเนินโครงการ และในฐานะผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา ผู้ว่าการ รฟท.ก็อาจต้องมีส่วนรับผิดชอบ

นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากประเด็นที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2568 ได้ลงนามในหนังสือเลขที่ รฟ.อบ.1000/1792/2568 ให้สำนักงานอาณาบาลของ รฟท. ดำเนินการฟ้องเพิกถอนหรือฟ้องขับไล่ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองฯ จ.บุรีรัมย์ โดยแปลงแรกอยู่ในการครอบครองของนางกรุณา ชิดชอบ ภรรยาของนายเนวิน ชิดชอบ  ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และอีกแปลงอยู่ในความครอบครองของบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด โดยการลงนามดังกล่าวของนายวีริศ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นจุดสนใจทางการเมืองอีกครั้ง เนื่องจากเกี่ยวพันกับบุคคลสำคัญในพื้นที่ และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในชนวนแรงกดดันที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นบอร์ด รฟท.เตรียมนัดประชุมในวันที่ 22 ต.ค. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งรักษาการผู้ว่าการ รฟท.คนใหม่ไปก่อน 3 เดือน โดยจะเป็น 1 ใน 6  รองผู้ว่าการฯ คาดว่า บอร์ด รฟท.จะพิจารณาตามลำดับอาวุโสให้รักษาการไปก่อน ซึ่งมีนายเอก สิทธิเวคิน,    นายอวิรุทธ์ ทองเนตร และนายสุชีพ สุขสว่าง  รองผู้ว่าการฯ ที่ครองอาวุโส รองผู้ว่าฯ พร้อมกัน   พร้อมเร่งกระบวนการสรรหาผู้ว่าฯ รฟท.คนใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้

อย่างไรก็ตาม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ปฏิเสธการยกเลิกสัญญาเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เพราะสัญญาได้เดินหน้าไปแล้ว แต่จะเชิญผู้ที่ประมูลมาหารือร่วมกัน

"เรื่องสัญญาที่มีการเซ็นไปแล้ว ผมได้หารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดแล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรก็แล้วแต่ กระทรวงคมนาคมจะพยายามทำตามข้อแนะนำของอัยการสูงสุดว่าสัญญาส่วนไหนที่สามารถทำได้เราต้องทำ แต่สัญญาส่วนไหนที่เราไม่สามารถทำได้ หรือผู้ประกอบการไม่สามารถทำได้ จะต้องมีการหารือกัน แต่ขอยืนยันอีกครั้งว่าเราไม่ได้ยกเลิกสัญญากับผู้ประกอบการ และส่วนที่สองคือเรื่องการแก้สัญญา เรายังทำตามคำแนะนำของอัยการสูงสุด ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ประกอบการมาหารือร่วมกัน" นายพิพัฒน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งข้อสังเกตในการตรวจพิจารณาร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน จำนวน 18 ข้อ อาทิ รัฐเสียเปรียบ ครม.ยังไม่อนุมัติให้แก้หลักการเดิม หลักประกันไม่ครอบคลุมความเสี่ยง ปลดหน้าที่จัดหาเงินทุนก่อสร้างของเอกชน เปิดโอกาสส่งผลก่อสร้างล่าช้า เป็นต้น

ส่วนเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา นายวิรัตน์ วจนกิจไพบูลย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแรงงานภาค 3 ในขณะนั้น ได้มีคำสั่งให้ส่งเรื่องคืนและแนะนำการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินคดี กลับไปยังผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย  เรื่องขอให้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้ถือเอกสารสิทธิและผู้ยึดถือครอบครองที่ดินมีโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำนวน 995 ฉบับ โดยแนะนำเพื่อให้ดำเนินเรื่องการขอให้ดำเนินคดีเป็นรายคดี/เรื่อง  รวมทั้งเพิ่มข้อมูลอีก 9 ข้อสำคัญ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.