“นายกฯ” ไม่ปิดประตู “ทรัมป์” เสนอเป็นตัวกลางยุติขัดแย้งไทย-เขมร ชี้หากโน้มน้าวหยุดรุกรานได้พร้อมขึ้นโต๊ะเจรจา เมิน “เขมร” อวยผู้นำมะกันหนักชงรับโนเบล ฮึ่ม! เดดไลน์ 10 ต.ค. ล้ำอธิปไตยของประเทศไทย “ไม่มีวันยอม” ขณะที่ "ปานเทพ" กระตุก “ครม.อนุทิน” คว้าโอกาสทองโละทิ้ง MOU 43 โดยไม่ต้องทำประชามติ ยันไม่มีก็ลากไทยไปศาลโลกไม่ได้ ขณะที่ "ทร." อัปเดตถนนชายแดนช่วงโป่งน้ำร้อนจันทบุรี พร้อมใช้งานเคลื่อนกำลังพลสิ้นเดือนนี้
เมื่อวันพุธ ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการเปิดเผยจากสื่อต่างประเทศว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เสนอเป็นตัวกลางในการลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 ต.ค.นี้ที่มาเลเซียว่า คนที่เข้ามาเป็นตัวกลางถือว่ามีเจตนาที่ดี แต่คู่สัญญาต้องปฏิบัติตามข้อสัญญาที่ได้ทำข้อตกลงกันไว้ ซึ่งประเทศไทยเป็นฝ่ายที่ถูกรุกรานและถูกกระทำก่อน ซึ่งไทยได้พูดออกไปชัดเจนแล้ว หากจะมีการเจรจาต้องปฏิบัติตามข้อตกลงพื้นฐาน คือการถอนกำลังและอาวุธ การจัดการบุคคลที่มารุกรานประเทศไทยให้ออกนอกเขตอธิปไตยของประเทศ และเก็บกู้สิ่งที่เป็นอันตรายต่อประเทศไทยออกจากพื้นที่
"หากปฏิบัติตามข้อตกลงทั้งหมดประเทศไทยก็พร้อมที่จะเจรจา เพราะบ้านเราติดกัน ส่วนคนกลางอยู่ไกลคนละทวีป แต่หากสามารถโน้มน้าวให้ประเทศกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านี้ได้ และเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยมั่นใจว่าจะไม่ถูกรุกราน ประเทศไทยจึงจะเริ่มเจรจาต่อไป" นายกฯ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ประเทศกัมพูชาเสนอรางวัลโนเบลให้กับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะเป็นข้อได้เปรียบและแฝงประโยชน์ร่วมกันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนสนใจเฉพาะประโยชน์ของประเทศไทย เรื่องอื่นใครจะได้รางวัลหรืออะไรก็แล้วแต่ หากปรากฏเป็นข่าวหรือรับรู้เราก็ยินดีปรีดาด้วย แต่สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยว่าจะต้องทำสิ่งนี้หรือทำสิ่งนี้ ย้ำว่าไม่มีแน่นอน
เมื่อถามถึงสถานการณ์ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ ที่มีกระแสข่าวประเทศกัมพูชาจะมีการขนคนเข้ามาเติมในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้วเพิ่มเติมในพื้นที่ นายอนุทินย้ำว่า เรามีกฎหมาย และยังมีการประชุมเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว หากประเทศกัมพูชามีการรุกล้ำธิปไตยของประเทศไทย แต่ไม่ต้องไปกำหนดวัน ประเทศไทยไม่มีวันยอม ขอตอบสั้นๆ แบบนี้
นายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีคนไทยไปเสียชีวิตข้างถนนที่ประเทศกัมพูชา และมีรายงานด้วยว่าถูกปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลว่า ได้เห็นตามหน้าข่าว ซึ่งเป็นไปตามที่ตนเคยบอกไว้ว่าความขัดแย้งไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เลย และนี่จึงเป็นจุดที่เราต้องยืนยันอย่างชัดเจนว่าเรามีกรอบข้อตกลงที่เคยคุยกันแล้ว ทั้งการประชุม JBC, GBC และ RBC ซึ่งหากทุกคนดำเนินการตาม ทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าหากไม่ทำจะคิดว่าประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้ "ก็ลองดู”
ด้านนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำนักงานประสานงานชายแดนฯ แจ้งว่า นายเมธาชาญ ยอแสง เสียชีวิตแล้วที่เมืองปอยเปต ส่วนที่มีข่าวว่าโรงพยาบาลของกัมพูชาปฏิเสธการรักษานั้น กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการให้สถานกงสุลใหญ่ฯ เร่งตรวจสอบกับโรงพยาบาลท้องถิ่นต่อไป โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ อยู่ระหว่างประสานงานกับตำรวจกัมพูชาเพื่อทำหนังสือออกศพ และจะได้ออกมรณบัตรของผู้เสียชีวิตต่อไป ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตอยู่ระหว่างการรอรับผลการพิสูจน์ศพจากตำรวจกัมพูชา
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการประชุมอาเซียนซัมมิตที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ อาจจะมีการประชุมที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการเป็นประธานลงนามยกเลิกข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่มีจีนมาเกี่ยวข้องว่า เราต้องยอมรับว่าเราอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ ดังนั้น ความสำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือ เราจะทำอย่างไรที่เราจะรักษาผลประโยชน์ของชาติไทยสูงสุดในท่ามกลางความขัดแย้งดังกล่าว
ขณะที่ นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ระบุว่า ครม.สามารถยกเลิก MOU 43 ได้ โดยอาศัยอนุสัญญาว่าด้วยไทย-ฝรั่งเศส 1969 มาตรา 60 ซึ่งระบุว่า การยกเลิกสนธิสัญญาจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด สามารถกระทำได้ทันที หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดละเมิดสนธิสัญญาอย่างร้ายแรง ดังนั้นไทยต้องแสดงปฏิกิริยาว่าไทยถูกกระทำอย่างร้ายแรงในช่วงที่ผ่านมา เช่น เหตุกัมพูชาใช้อาวุธสงครามโจมตีประเทศไทย ดังนั้น หากตระหนักว่าเหตุรุนแรงจริง และคนไทยต้องการแสดงออก ก็อาศัยจังหวะใช้มติคณะรัฐมนตรีให้เร็ว ไม่จำเป็นต้องจัดประชามติ
นายปานเทพระบุว่า ตลอด 25 ปี กัมพูชารุกรานชายแดนไทยตลอด เมื่อไทยใช้กำลังปะทะ กัมพูชาก็จะประท้วงว่าผิดเงื่อนไขข้อ 8 ของ MOU 43 ที่จะต้องเจรจา ปรึกษาหารือด้วยสันติวิธี ซึ่งเป็นกับดัก 2 ชั้นของกัมพูชา ทั้งรุกทางกายภาพ ที่หากไทยไม่ยินยอม ก็จะพาไปเวทีโลก เพื่อยึดแผนที่ 1:200,000 ที่กัมพูชาได้เปรียบจากคดีเขาพระวิหาร และมีการระบุไว้ในเอกสารประกอบ MOU 43 และหากไทยหลงประเด็น และปล่อยให้กัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทย เพื่อรอการตกลงเขตแดนและกัมพูชาถอยออกไป ก็จะต้องระมัดระวังรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ของกัมพูชาที่ระบุว่า อธิปไตยของกัมพูชาเป็นไปตามแผนที่ 1:100,000 ซึ่งเป็นการทำรายละเอียดจากแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเป็นการเสียเวลาเปล่าของการรุกล้ำจากกัมพูชา
“หากใช้เวลานับจากนี้ สิ่งปลูกสร้างของกัมพูชาจะมากขึ้น รวมถึงอาวุธด้วย และความเสียหายก็จะมากตามมา ดังนั้นโอกาสนี้จึงเหมาะที่จะยกเลิก MOU 43 ที่สุดแล้ว และถอยออกมา เพื่อมาสร้างสิ่งใหม่ให้เข้าใจต่อกัน โดยใช้กลไกคณะกรรมาธิการ JBC ไทย-กัมพูชา” นายปานเทพระบุ
เมื่อถามว่า หากไม่มี MOU ฉบับดังกล่าว จะเป็นส่วนทำให้กัมพูชาดึงเรื่องไปศาลโลกหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า จะดึงเรื่องไปได้อย่างไร ในเมื่อประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกศาลโลกตั้งแต่ปี 2503 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2504 และคดีปราสาทพระวิหารเป็นคดีสุดท้าย เพราะฉะนั้นไม่มีใครลากไทยไปศาลโลก เพราะไม่มีเอ็มโอยู และทั่วโลกก็ไม่มีใครพาไปศาลโลกหากประเทศนั้นไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก
“ซึ่งข้อคิดเห็นดังกล่าวที่บอกว่า หากไม่มีเอ็มโอยูแล้วจะพาไทยไปศาลโลก เพราะต้องการให้ไทยกลัว และข่มขู่คนไทย ให้ดำรงเอ็มโอยูอยู่ เพราะว่าคนเหล่านั้นต้องการผลประโยชน์ที่อยู่ข้างใน ทั้งการตัดไม้ทำลายป่า ค้าของเถื่อน สร้างบ่อน กาสิโน เพราะทุกคนอยากมีพื้นที่ No man's land ที่มนุษย์ไทยห้ามเข้า แต่คนกัมพูชาเข้ามารุกล้ำแผ่นดินไทยได้” นายปานเทพกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า หากไทยไม่ยอมแต่กัมพูชาไปดึงประเทศที่สามอย่างสหรัฐอเมริกาเข้ามา นายปานเทพมองว่า เป็นเทคนิคของกัมพูชา และสิ่งที่กัมพูชาทำ ที่ยิงพลเรือนไทย ทำลายโรงพยาบาล ถามว่ามีประเทศชาติใดเข้ามาแทรกแซงเพื่อหยุดยั้งอาชญากรสงครามอย่างสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต หรือไม่ ก็ยังไม่มี เพราะฉะนั้นเราต้องยืนด้วยตัวเอง และอำนาจต่อรองของเรา ก็คือการปิดด่านเพื่อกดดันทางเศรษฐกิจ โดยที่ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งแผ่นดินไทยอยู่ที่ใด เราต้องยืนหยัดและบังคับใช้กฎหมายฝั่งไทยอย่างที่เราควรจะต้องใช้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า วันที่ 10 ต.ค. ได้มีการเตรียมกำลังควบคุมฝูงชนไว้เพื่อรองรับสถานการณ์แล้ว แต่อย่างไรก็ตามจะต้องรอคำสั่งจากทางทหารว่าจะให้ปฏิบัติอย่างไร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ได้ประกาศเป็นกฎอัยการศึก
ที่ จ.สุรินทร์ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเดินทางไปยังปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จากนั้นเดินทางไปยังฐานภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับทราบภารกิจของหน่วย และให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตย
พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงความคืบหน้าในการสร้างถนนบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้วยว่า เป็นการสร้างอยู่บริเวณพื้นที่อำเภอโป่งน้ำร้อนจังหวัดจันทบุรี ใกล้กับด่านบ้านแหลม โดย พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผบ.ทร. ได้ขอบคุณประชาชนที่ยังช่วยงานราชการทางทหารในการสร้างถนน 15 กิโลเมตร
“ขณะนี้คืบหน้าไปแล้วกว่า 13 กิโลเมตร ซึ่งคาดการณ์ว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ และหลังจากนั้นอาจมีการปรับปรุงต่อโดยการนำลูกรังมาเททับบริเวณด้านหน้าถนน แต่สิ้นเดือนนี้ทหารจะสามารถใช้ถนนสายดังกล่าวในการเคลื่อนกำลังพลทางยุทธวิธีได้” โฆษก ทร.ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง

