โจรใต้ป่วนหนัก ‘อนุทิน’ลงพื้นที่ ถกหน่วยมั่นคง

“นายกฯ หนู” ลงชายแดนใต้ 11 ต.ค. ติดตามเหตุบึ้มถี่ พร้อมนัดถกหน่วยมั่นคง  ขออย่าโยงรับรัฐบาลใหม่ ฮึ่ม ขรก.เกียร์ว่างโดนปรับเปลี่ยนแน่ "บิ๊กเล็ก" ลงพื้นที่ เน้นย้ำรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน ปชช. กำชับทหาร-ตร.-ฝ่ายปกครองต้องร่วมมือกัน โจรใต้ป่วนหนักยะลาลามปัตตานี

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการก่อเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นถี่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า ได้มีการกำชับมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มีความรุนแรง และวันนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไปติดตามสถานการณ์ และในวันเสาร์ที่ 11 ต.ค.นี้ ตนจะลงพื้นที่ไปตรวจดูอีกครั้งหนึ่ง และจะลงไปติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ด้วย

"เดี๋ยวไปตรงโน้นก็บอกทำไมไม่ไปตรงนี้ เดี๋ยวไปชายแดนก็บอกทำไมไม่ไปน้ำท่วม พอไปน้ำท่วมก็บอกทำไมไม่ไปภาคใต้ ก็วนลูปอยู่แบบนี้ นัดฝ่ายความมั่นคง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง กองทัพ ที่จะต้องมีการนัดหารือกัน" นายอนุทินระบุ

ส่วนฝ่ายความมั่นคงมีการประเมินการก่อเหตุในช่วงนี้เป็นการต้อนรับรัฐบาลใหม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า เราไม่ฟังเรื่องพวกนี้ จะต้อนรับหรือไม่ต้อนรับ แต่ต้องรับมือให้ได้ และจะต้องมีมาตรการเชิงรุกบ้าง

เมื่อถามว่า เหตุการณ์มักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และถูกจับตาถึงการแก้ไขปัญหาในฐานะกำกับดูแลหน่วยงานความมั่นคง นายอนุทินพยักหน้ารับ พร้อมตอบในลำคอว่า อืม และยิ้ม

อย่างไรก็ตาม แผนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาชายแดนใต้ยืนยันว่าเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ผู้รับผิดชอบจะนำไปปฏิบัติ ไม่ว่าจะเน้นให้นโยบายชัดเจนแค่ไหน หากดูแล้วบุคลากรไม่เหมาะสม ไม่ใส่ใจ หรือทำอะไรที่เต็มที่ จะมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนบ้าง

นายกฯ ยังกล่าวถึงการปล้นร้านทองที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส คาดว่าแก๊งโจรหนีเข้ามาเลเซียว่า มีรายงานก็รับรายงานมา ต้องไปดูแล มีทหารเข้าไปช่วยเจ้าของร้านทองที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนทองยังอยู่ในประเทศหรือไม่นั้น ไม่ทราบรายละเอียด

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่อาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องดำเนินการ หากเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด มีกฎเกณฑ์อยู่แล้ว ซึ่งไปดูในร่างนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐคนใดกระทำความผิดกฎหมายหรือผิดระเบียบ จะมีโทษสถานหนัก โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ที่ห้องประชุม 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร จ.ปัตตานี พล.อ.ณัฐพลพร้อมคณะเดินทางปฏิบัติภารกิจติดตามสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย พล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการ กอ.รมน.ภาค 4 และหน่วยงานที่เกี่่ยวข้องให้การต้อนรับ

ภายหลัง รมว.กลาโหมรับฟังรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้เน้นย้ำถึงความพร้อมและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พร้อมระบุว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการติดตามสถานการณ์และแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างต่อเนื่อง  โดยรัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่อย่างยิ่ง และขอเป็นกำลังให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนปฏิบัติหน้าที่เต็มอย่างเต็มความสามารถ สำคัญที่สุดคือต้องร่วมมือกันรักษาความปลอดภัย ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

พล.อ.ณัฐพลเปิดเผยว่า มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ พล.ท.นรธิป ที่มารับตำแหน่งใหม่ ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นว่ามีส่วนใดที่กระทรวงกลาโหมจะสนับสนุนได้บ้าง โดยก่อนที่จะลงพื้นที่ ตนได้เข้าพบนายกฯ ซึ่งฝากความห่วงใยและกำชับให้ช่วยดูแลงานด้านความมั่นคง จึงได้เน้นย้ำภารกิจในการรักษาความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง ขอให้ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองบูรณาการการทำงานร่วมกัน

เมื่อถามว่า แผนของ กอ.รมน.ที่จะมีการผ่องถ่ายให้กองกำลังในพื้นที่ดูแลนั้น จะต้องมีการทบทวนหรือไม่ รมว.กลาโหมกล่าวว่า มีการเน้นย้ำว่าให้มีการเตรียมการในการส่งมอบให้กับฝ่ายปกครอง พร้อมประเมินผลเป็นระยะ ในส่วนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาเราต้องแก้ไข รวมถึงการปรับกลยุทธ์ ซึ่งปัจจุบันผู้บัญชาการทหารบกได้ส่งกำลังจากกองทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่มาสนับสนุน ซึ่งตามแผนหากจะมีการส่งมอบได้จะดำเนินการ  แต่หากส่งมอบไม่ได้ต้องปรับแผน

ส่วนเหตุการณ์ปล้นทองและการติดตามของกลางกลับมานั้น ต้องมีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งทบทวนนโยบายตามแนวชายแดน แต่ในเรื่องรายละเอียดขอให้เป็นฝ่ายตำรวจ ซึ่งเห็นด้วยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ที่จะเพิ่มมาตรการซีลชายแดน โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี ประกอบกับการใช้กำลัง สกัดกั้นการหลบหนีข้ามแดน โดยเพิ่มความเข้มข้นให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนมั่นใจ แม้จะอยู่ในห้วงการปรับเปลี่ยนกำลัง เป็นในระดับผู้บังคับบัญชาเพียงไม่กี่คน ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการปฏิบัติของกำลังในระดับพื้นที่ ซึ่งยังคงอยู่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของสถานการณ์ในพื้นที่ยังมีความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงค่ำวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิด 8 ลูก ในพื้นที่จังหวัดยะลา โดยขึ้นติดต่อกันจำนวน 7 ครั้ง บริเวณน้ำตกจำลอง ภายในสวนขวัญเมือง เทศบาลนครยะลา และ 1 ครั้ง บริเวณเกาะกลางน้ำ สนามโรงพิธีช้างเผือก เทศบาลนครยะลา ซึ่งทั้งหมดไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เช่นกันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าควบคุมสถานการณ์ และแม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่เกิดเหตุทันที โดยเน้นย้ำมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยหรือวัตถุต้องสงสัย หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการติดตามผู้ก่อเหตุ สามารถแจ้งเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. โทร. 1341 หรือหน่วยเฉพาะกิจใกล้บ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 9 ต.ค. นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, พ.ต.อ.ฉัตรชัย ศักดิ์ดี ผกก.สภ.เมืองยะลา และ พ.ต.ท.ริฎวาน อับดุลอาซีส รอง ผกก.จร.สภ.เมืองยะลา,  เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในบริเวณน้ำตกจำลองสวนขวัญเมืองอีกครั้ง พบว่าคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องชนิดไปป์บอมบ์ น้ำหนักไม่เกิน 1 กิโลกรัม (กก.) บรรจุในขวดอะลูมิเนียม กระป๋องอะลูมิเนียม ตั้งเวลาแบบนับถอยหลัง มาวางไว้ตามจุดต่างๆ ใต้โขดหินของน้ำตก

จากนั้น พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จ.ยะลา พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่ จ.ปัตตานี เวลา 10.04 น. พ.ต.อ.มุสตอพา มะนิ ผกก.สภ.โคกโพธิ์ ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดบริเวณป้ายแจ้งเตือนทางรถไฟ ริมถนนสาย 409 หมู่ 6 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จึงนำกำลังตำรวจและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ไปตรวจสอบ พบว่าที่เกิดเหตุเป็นถนนสายหลักเชื่อมต่อระหว่างอำเภอ  มีเศษชิ้นส่วนระเบิดและดินทรายกระจัดกระจายเต็มพื้นถนน ขณะที่เสาป้ายเตือนทางรถไฟได้รับความเสียหายเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงรีบกั้นพื้นที่ พร้อมปิดการจราจร 1 ช่องทาง เพื่อความปลอดภัย ก่อนให้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบโดยละเอียด ทั้งนี้ พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 2 กก. โชคดีที่ไม่มีประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง