“อนุทิน” ลงพื้นที่น้ำท่วมพิจิตร-ชัยนาท ลั่นไม่เอาความเดือดร้อนมาสร้างคะแนนนิยม โปรยยาหอม “รักพี่แฮงค์” “พิธา” ป้อง ปชน. ปัดเป็นฝ่ายค้ำ เตือน “เสี่ยหนู” อย่าให้การเมืองนำบ้านเมือง รับสภาพคดี 44 สส.ก้าวไกลชี้มูลช่วงยุบสภา พ้อไม่รู้ทำลายล้างกันหรือไม่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามการช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ที่โรงเรียนเทศบาลตะพานหินวิทยาคาร อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร โดย น.ส.ธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นายภัทรพงศ์ ภัทรประสิทธิ์ นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ สส.พิจิตร พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้การต้อนรับ และประชาชนในพื้นที่กว่า 1,000 คน ร่วมรับฟัง
นายอนุทินกล่าวตอนหนึ่งว่า ภายในสัปดาห์หน้ารัฐบาลจะอนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครัวเรือนละ 9,000 บาท เงินจำนวนนี้แม้ว่าไม่คุ้มค่ากับความเสียหาย แต่รัฐบาลจะเร่งเยียวยาและพยายามหาวิธีการช่วยเหลือ โดยได้มอบหมายให้นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ไปหาวิธีช่วยเหลือพี่น้องประชาชนร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นความผิดของรัฐบาลที่ไม่สามารถระบายน้ำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้ทัน ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อน
นายอนุทินยังกล่าวว่า เมื่อเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เราไม่ได้มองว่าเป็นรัฐบาลผสม แต่เป็นรัฐบาลเดียวที่ต้องให้การดูแลพี่น้องประชาชน โดยเอาเป้าหมายว่า น้ำจะต้องถูกระบายโดยเร็วเป็นตัวตั้ง และเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาก็ต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งรัฐบาล 4 เดือนทำได้เท่านี้ก็โอเคแล้ว และไม่ว่าหลังเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาลไหนเข้ามา ก็ต้องวางรากฐานให้สามารถสานต่อได้ ไม่มีความคิดว่าเป็นเรื่องการเมืองใครทำแล้วจะได้คะแนนหรือไม่ได้คะแนน ซึ่งตรงนี้เป็นวิธีการทำงานของตนเอง ไม่เคยคิดว่าใครจะได้หน้าได้ตา หรือได้คะแนน เพราะการได้มาจากความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น จึงขอทำให้จบภายในปีเดียว และความเดือดร้อนขอพี่น้องประชาชนหายไป
นายภราดรกล่าวว่า นายกฯ ย้ำเรื่องการเยียวยาต้องถึงมือประชาชนให้เร็วที่สุด ไม่ใช่เกิดเหตุปีนี้ชดเชยปีหน้า โดยในล็อตแรกกว่า 600,000 ราย งบประมาณกว่า 6,100 ล้านบาท เตรียมนำเรื่องเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 14 ตุลาคมนี้ หลังจากนั้นก็จะใช้มติคณะรัฐมนตรีเป็นรอบๆ
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอนุทินและคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท โดยมีนายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท พรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ มาต้อนรับด้วย
โดยนายอนุชากล่าวว่า มาต้อนรับนายกฯ ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ส่วนเป็นการส่งสัญญาณว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมาอยู่กับพรรค ภท.หรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่มีสัญญาณ และยังไม่ได้ตัดสินใจทางการเมืองอะไร ขณะนี้ยังมีเวลาที่จะตัดสินใจ ต้องดูสถานการณ์ของบ้านเมือง และหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างเพื่อที่จะประกอบการตัดสินใจ สำหรับตนเป็นการเมืองที่ค่อนข้างนิ่ง ต้องใจเย็นๆ นิดหนึ่ง ดูวิถีทางที่จะทำประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชน เพราะตนอยู่ตรงไหนก็ได้ที่จะทำประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชนและประเทศชาติ และยังไม่ได้คุยกับใครในพรรค ภท.
หนูรับดีใจแค่คืนเดียว
ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ จ.ชัยนาท โดยมีนายอนุชาให้การต้อนรับ จะถือโอกาสนี้ทาบทามมาอยู่พรรคภูมิใจไทยเลยหรือไม่ ว่านอกจากภรรยาผมแล้ว ผมก็รักพี่แฮงค์ (นายอนุชา) เป็นคนที่สอง
เมื่อถามย้ำว่า สรุปจะชวนนายอนุชามาอยู่ภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า "ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก"
เมื่อถามว่า ล่าสุดอีสานโพลได้เผยผลสำรวจถ้าเลือกตั้งวันนี้อยากให้ใครเป็นนายกฯ มากที่สุด โดยชื่อนายอนุทินมาเป็นอันดับหนึ่ง รู้สึกอย่างไร นายอนุทินตอบว่า ตรงนั้นดีใจคืนเดียว แต่ต้องทํางาน ยิ่งมาแบบนี้ต้องยิ่งทําให้ความคาดหวังของพี่น้องประชาชนไม่สูญเปล่า ยอมรับว่าจากบ๊วยมาเป็นที่หนึ่งครั้งแรก
ถามว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุถึงกระแสพรรคภูมิใจไทยดูด สส. ว่าที่ผ่านมาแม้จะดูดแต่ก็แพ้นายพิธามาแล้ว นายอนุทินย้อนว่า เลือกตั้งครั้งที่แล้วไม่มีดูดใคร
ถามต่อว่า นายพิธากล่าวเช่นนี้จะมีผลกระทบกับพรรค ปชน.หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่มี ไม่เคยมีปัญหา เราทํางานกับ สส.พรรค ปชน.เป็นอย่างดี เป้าหมายเดียวกันเราก็ทําร่วมกันเป็นอย่างดี เช่น เรื่องรัฐธรรมนูญ กฎหมายอากาศสะอาด ก็ครบองค์ประชุม ซึ่งเป็นกฎหมายที่พรรค ปชน.เสนอ ซึ่งในเอ็มโอเอก็เขียนไว้ ตกลงกันไว้ กฎหมายอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะสนับสนุนกัน อย่าไปคิดว่าใครเป็นฝ่ายค้าน ใครเป็นฝ่ายรัฐบาล และเราก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ นายพิธาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรค ปชน.อาจมีข้อครหาว่าไปหนุนแล้วจะไม่กล้าตรวจสอบรัฐบาลว่า พรรค ปชน.ไม่ใช่ฝ่ายค้ำ ได้พิสูจน์ผ่านการอภิปรายในการทำเรื่องสำคัญไปแล้ว นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคก็ได้ใช้กลไกสภาตรวจสอบรัฐบาลอยู่เรื่อยๆ เพียงแต่ต้องเรียกร้องไปยังรัฐบาลและนายกฯ ให้ทำตามคำสัญญาอย่างตรงไปตรงมา เพราะแบรนดิ้้งของพรรค ภท.คือพูดแล้วทำ ถ้าพลิกไปมาก็ห่วงว่าแบรนดิ้งของพรรคจะไม่ได้ใช้อีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง สิ่งที่น่ากังวลสำหรับนายอนุทินคือน่าจะเน้นบ้านเมืองมากกว่าการเมือง และอย่าให้การเมืองนำบ้านเมือง
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าการที่พรรค ปชน.ทำข้อตกลงกับพรรค ภท.จะไว้ใจได้ นายพิธากล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพรรค ภท.เองทำตามสโลแกนของพรรคเพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ หรือจะเสี่ยงในระยะสั้นเพื่อที่จะสูญเสียความเป็นตัวตนของพรรคในระยะยาว และขึ้นอยู่กับพรรค ปชน.ว่าใช้กลไกได้ดีที่สุดหรือไม่
นายพิธายังกล่าวถึงคดี 44 สส.พรรคก้าวไกลเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมชี้มูลปลายปีนี้ว่า การที่นักการเมืองและประชาชนมีจริยธรรมเป็นเรื่องดี แต่การเอาจริยธรรมมาประหัตประหารทางการเมืองตลอดชีวิตไม่ถูกต้อง หากไม่ได้สัดส่วน มีตำรวจจริยธรรมแล้วไม่มีใครไปตรวจสอบตำรวจจริยธรรม ก็อาจจะเป็นอันตรายกับประชาธิปไตย เรื่องนี้ต้องถาม นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. ซึ่งเป็นหัวหน้าในการสู้คดี
รับสภาพชี้มูล 44 สส.ช่วงยุบสภา
อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ส่วนตัวได้ตรวจสอบกับทีมกฎหมายของตนเอง คดีนี้อยู่ในชั้นอนุใน ป.ป.ช. น่าจะเสร็จสิ้นในชั้นนี้ภายในเดือน พ.ย. มีความเป็นไปได้ที่จะมีการชี้มูลในช่วงการยุบสภา หากยุบสภาเร็วแล้วมีการเลือกตั้งในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ก็มีความเป็นไปได้ที่พรรคประชาชนจะถูกทำลายอีกครั้งเหมือนพรรคก้าวไกลและอนาคตใหม่
“ผมเองไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่หลายคนยังเป็นแกนนำพรรค จึงอยากส่งเสียงถามประชาชนดังๆ เพราะอยู่ดีๆ ก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ามีใครให้ข่าว ไม่รู้ว่าเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของพรรค ปชน. พรรคที่ 3 ในกระบวนการของพวกเราอย่างมีนัยสำคัญ หรือตั้งใจจะทำลายล้างกันจริงๆ โดยใช้จริยธรรมที่ไม่ได้สัดส่วน เพราะคนที่ตรวจสอบจริยธรรมไม่มีใครไปทำลายดาบเขาได้ เป็นสิ่งที่อันตรายมาก” นายพิธาระบุ
เมื่อถามว่า ให้คำแนะนำนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. เกี่ยวกับคดี 44 สส. และการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไรบ้าง นายพิธากล่าวว่า เป็นตัวของตัวเอง มองไปข้างหน้าให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าเพิ่งเสียกำลังใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรค ปชน.และพรรคร่วมรัฐบาล ที่ซัพพอร์ตหรือสนับสนุนกัน และอาจเกี่ยวโยงถึงคดี 44 อดีต สส.พรรคก้าวไกลว่า เวลาเราพูดว่าซัพพอร์ตหรือสนับสนุน ต้องถามว่าคืออะไร สำหรับพรรคประชาชนเราทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านและกฎหมายหลายฉบับในปัจจุบัน พรรคประชาชนเสนอร่างของตัวเอง หรือไม่ก็มีส่วนในการเสนอร่างที่อาจเป็นในร่างของหลายร่างที่ได้รับการพิจารณา จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่เป็นองค์ประชุมในสภา เพราะมันคือกฎหมายของเรา มันคือกฎหมายที่เราร่วมพิจารณา
นายรังสิมันต์กล่าวว่า คิดว่าเวลาที่จะใช้วาทกรรมฝ่ายค้ำหรืออะไร มันเป็นการใช้วาทกรรมที่ผิดและไม่ถูกต้องกับสถานการณ์ ฝ่ายที่บอกว่าพยายามโจมตีว่าเราเป็นฝ่ายค้ำ ท่านต้องมองตัวเองว่าท่านอาจจะเป็นฝ่ายที่ไม่เอาอะไรแล้ว ไม่รู้ว่าตกลงชีวิตนี้จะมีจุดมุ่งหมายในชีวิตอย่างไรต่อไป ในขณะที่พรรค ปชน.เรามีจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือเราจะใช้โอกาสเหล่านี้ในการทำงานสภาอย่างดีที่สุด และงานตรวจสอบอย่างดีที่สุด
“วันนี้การเมืองมันไม่เหมือนกับการเมืองในอดีต มันเป็นการเมืองรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศนี้ ที่ฝ่ายค้านมีมากขนาดนี้ แล้วเรายืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า พรรค ปชน.เป็นฝ่ายค้าน และเราจะเป็นฝ่ายค้านจริงๆ เพื่อที่จะทำให้การตรวจสอบได้ผล เราจะใช้โอกาสที่เรามีมากขนาดนี้ ในการที่เราจะพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่เป็นอยู่”
วันเดียวกัน มีรายงานว่า นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมบุตรชาย นายปรพล อดิเรกสาร อดีต สส.สระบุรี 2 สมัย เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พร้อมนั่งพูดคุย โดยมีนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร., นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต สส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) เเละนายพิชัย เกียรติวินัยสกุล อดีต สส.ลพบุรี พรรค พท. ร่วมพูดคุย โดยเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ทั้งนายปองพลและนายปรพลได้สมัครสมาชิกพรรค พปชร.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายปรพลเปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรยืนยันนำพรรค พปชร.เดินหน้าต่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


