ชาวบ้านสุดมึนบัตร4ใบ6คำถาม

"เพื่อไทย" หวั่น รธน.ใหม่ติดล็อก "ส.ส.ร.จัดตั้ง" ไม่ยึดโยงประชาชน พร้อมเสนอ "ใช้ร่างเพื่อไทยเป็นหลัก" ลดความเสี่ยงถูกยื่นศาล รธน. ตีความ "เปรมศักดิ์" ร้อง ปธ.วุฒิฯ หลังถูกกีดกันเป็น กมธ.แก้ รธน. ด้าน "นิด้าโพล" เผยผลสำรวจ คนไทยสับสนมาก  บัตร 4 ใบ 6 คำถาม ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

วันที่ 12 ต.ค.2568 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด 15 ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 14-15 ต.ค.นี้ว่า   ขณะนี้มีร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภาทั้งหมด 3 ร่างด้วยกันคือ ร่างของพรรคเพื่อไทย,   ร่างของพรรคประชาชน และร่างของพรรคภูมิใจไทย โดยพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า เพื่อให้กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ราบรื่นมากที่สุด เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พรรคเพื่อไทยพร้อมลงมติรับหลักการในวาระ 1 ทุกฉบับ เรามีข้อห่วงใยกับรายละเอียดในร่างของพรรคภูมิใจไทยอย่างมาก ในเรื่องที่มาของ ส.ส.ร. ซึ่งมีจุดอ่อนเรื่องความยึดโยงกับพี่น้องประชาชน กล่าวคือผู้เสนอตัวเป็น ส.ส.ร. สามารถเข้าสู่การเลือกของสมาชิกรัฐสภาได้เลย โดยไม่ผ่านกลไกการกลั่นกรองโดยประชาชนผ่านการเลือกตั้งทางตรงก่อน ซึ่งอาจนำไปสู่ ส.ส.ร.จัดตั้งที่ได้สิทธิ์เข้ามาร่างรัฐธรรมนูญผ่านกระบวนการฮั้วกัน โดยไม่สนใจคุณสมบัติและความเหมาะสมก็เป็นได้

ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่า ในการลงมติชั้นรับหลักการในวาระที่ 1 นี้ หากสมาชิกรัฐสภาลงมติรับหลักการทั้งสามร่าง พรรคเพื่อไทยจะเสนอขอให้ใช้ร่างของพรรคเพื่อไทยเป็นร่างหลักในการพิจารณาต่อในชั้นของกรรมาธิการ เพื่อให้ร่างที่จะได้ออกมามีความยึดโยงกับประชาชน และลดความเสี่ยงที่จะถูกยื่นศาล รธน.ตีความในอนาคต

 “เราเชื่อว่าภายใต้ข้อจำกัดจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามให้ประชาชนเลือก ส.ส.ร.โดยตรงนั้น แนวทางของพรรคเพื่อไทยนั้น จะเป็นแนวทางที่เป็นไปได้จริง ได้ ส.ส.ร.ที่ยึดโยงกับประชาชน สะท้อนถึงเจตนารมณ์ของทุกฝ่ายในทางการเมือง การฮั้วกันทำได้ยาก"

นายชนินทร์กล่าวต่อว่า หากดีลหรือ MOA ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง  เราก็คาดหวังว่าการนับหนึ่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในครั้งนี้จะได้รับความเห็นชอบจาก สว.ด้วย และต้องไม่เปิดช่องเป็น ส.ส.ร.ฮั้ว หรือมวยล้มต้มคนเชียร์อย่างที่กังวลกัน” นายชนินทร์ กล่าว

นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทำหนังสือถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนมติของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา กรณีการพิจารณาเสนอรายชื่อกรรมาธิการในสัดส่วนของวุฒิสภา เพื่อเข้าร่วมเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม)  หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ชอบธรรม และขัดข้อบังคับการประชุม ทั้งนี้ ในระหนังสือระบุตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภาได้จับสลากจากรายชื่อที่คณะต่างๆ ส่งเข้ามา รวม 20 คณะ เหลือเพียง 11 คณะ เพื่อร่วมกับคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ รวมเป็น 12 คน ซึ่งเป็นโควตาของวุฒิสภาในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว ซึ่งวิปวุฒิฯ ได้จับฉลากได้ตนเป็นตัวแทนของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม

นพ.เปรมศักดิ์กล่าวว่า แต่ปรากฏว่าในวันต่อมา (10 ตุลาคม 2568)   ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา ได้เรียกประชุมด่วน โดยมีวาระพิจารณารายชื่อผู้แทนกรรมาธิการฯ ใหม่ ทั้งที่ได้มีมติไปแล้วในวันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งตามข้อบังคับจะต้องเรียกประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน หรือหากเป็นเรื่องด่วน วาระต้องไม่ซ้ำซ้อนกับมติเดิม

นพ.เปรมศักดิ์ระบุว่า การเรียกประชุมดังกล่าวถือว่าผิดข้อบังคับ อีกทั้งตนไม่ได้รับโอกาสเข้าร่วมประชุมเนื่องจากติดภารกิจในจังหวัดขอนแก่น จึงเป็นการพิจารณาลับหลัง และภายหลังที่ประชุมมีมติไม่ส่งรายชื่อใครเข้าร่วม พร้อมคืนโควตาให้คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภาไปพิจารณาแทน

"การดำเนินการของประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา ครั้งนี้ ถือเป็นการใช้อำนาจโดยไม่สุจริต และขัดต่อหลักจริยธรรมทางนิติบัญญัติ เพราะเป็นการกระทำที่กระทบสิทธิส่วนบุคคล และอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของวุฒิสภาโดยรวม”

ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง บัตรลงคะแนน 4 ใบ 6 คำถาม จะไหวไหม ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 7-9 ตุลาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง   เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนต่อบัตรลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า

จากการสำรวจเมื่อถามความสับสนเกี่ยวกับบัตรลงคะแนน 4 ใบ รวม 6 คำถาม (บัตรเลือก สส.ระบบเขตเลือกตั้งหนึ่งใบ; บัตรเลือก สส.ระบบบัญชีรายชื่อหนึ่งใบ; บัตรลงคะแนนประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหนึ่งใบ สองข้อ; บัตรลงคะแนนประชามติเรื่องการยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 หนึ่งใบ สองข้อ) ในการเลือกตั้งครั้งหน้าของประชาชนทั่วไป พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 48.55 ระบุว่าสับสนมาก รองลงมา ร้อยละ 30.61 ระบุว่าค่อนข้างสับสน, ร้อยละ 11.99 ระบุว่าไม่สับสนเลย และร้อยละ 8.85 ระบุว่าไม่ค่อยสับสน

ด้านความสับสนเกี่ยวกับบัตรลงคะแนน 4 ใบ รวม 6 คำถาม ในการเลือกตั้งครั้งหน้าของตนเอง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 34.73 ระบุว่าไม่สับสนเลย รองลงมา ร้อยละ 26.80 ระบุว่า สับสนมาก, ร้อยละ 23.36 ระบุว่าค่อนข้างสับสน และร้อยละ 15.11 ระบุว่าไม่ค่อยสับสน

สำหรับความเพียงพอของระยะเวลา 4 เดือน ภายใต้รัฐบาลนายกรัฐมนตรี  อนุทิน ชาญวีรกูล ในการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งและสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ   รวมถึงการยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 30.23 ระบุว่า ไม่เพียงพอเลย รองลงมา ร้อยละ 24.43 ระบุว่าเพียงพอแน่นอน, ร้อยละ 22.14 ระบุว่าค่อนข้างเพียงพอ, ร้อยละ 20.53 ระบุว่าไม่ค่อยเพียงพอ และร้อยละ 2.67 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการจัดให้มีการเลือกตั้ง  สส. การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ในวันเดียวกัน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 49.16 ระบุว่าเห็นด้วยที่จะมีการดำเนินการทั้งหมดในวันเดียวกัน รองลงมา ร้อยละ 26.11 ระบุว่าควรแยกการดำเนินทั้งสามเรื่องเป็นคนละวันกัน, ร้อยละ 12.60 ระบุว่าควรแยกเฉพาะการลงคะแนนเลือกตั้ง สส.ออกไปอีกวัน, ร้อยละ 5.42 ระบุว่าควรแยกเฉพาะการทำประชามติเรื่องการยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ออกไปอีกวัน,  ร้อยละ 3.89 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ  และร้อยละ 2.82 ระบุว่าควรแยกเฉพาะการทำประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปอีกวัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.