จับตาที่ประชุมรัฐสภาอภิปราย-ถกแก้ไข รธน.เปิดทางตั้ง "ส.ส.ร." ก่อนโหวตชี้ขาดพุธที่ 15 ต.ค. นายกฯลอยตัวบอกไม่รู้สภาสูงเอายังไง แต่หัวหน้าพรรคส้ม-สว.กลุ่มอิสระเชื่อผ่านหมด 3 ร่าง ทั้ง "ฉบับสีน้ำเงิน-ส้ม-แดง" ขณะที่ "อนุทิน-ภท.-พรรคร่วม รบ." ขึงขังต้องใช้ร่าง "สีน้ำเงิน" ที่ห้ามแตะหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นร่างหลักในชั้น กมธ.
เมื่อวันจันทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 14-15 ต.ค.นี้จะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 และแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 ที่จะทำให้เกิดสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาทำการยกร่างรธน.ฉบับใหม่ โดยเป็นการพิจารณาร่างแก้ไข รธน.ที่ 3 พรรคการเมืองเสนอต่อรัฐสภา คือ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคประชาชน (ปชน.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งเป็นการพิจารณาวาระแรกขั้นรับหลักการ โดยนัดลงมติวันที่ 15 ต.ค.
โดยร่างแก้ไข รธน.ที่จะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของทั้งสองสภา และต้องมี สว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวน สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่หรือ 67 เสียง หากร่างแก้ไข รธน.ของพรรคการเมืองใดในสามฉบับได้เสียงไม่ถึงเกณฑ์ดังกล่าวก็ไม่ผ่านรัฐสภาวาระแรก
ด้านท่าทีจากฝ่ายต่างๆ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเรื่องนี้หลังถูกถามว่าจะใช้ร่างแก้ไข รธน.ร่างใดเป็นหลักในการพิจารณา (ชั้นกรรมาธิการ) เพราะ พท.อยากให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ พท.เป็นร่างหลัก โดยนายกฯ ตอบว่าต้องหารือกัน ทุกอย่างให้เป็นไปตามกลไกของรัฐสภา ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราได้ประชุมร่วมกับอีกหลายพรรคการเมือง และเป็นส่วนหนึ่งใน MOA ที่เราให้ไว้กับ ปชน. จึงต้องทำตามที่มีข้อตกลงกันไว้
เมื่อถามย้ำว่า หากรัฐบาลอยู่ไม่ถึง 4 เดือนอาจจะทำไม่เสร็จ นายอนุทินกล่าวว่า อย่างน้อยก็ได้นำเข้าสภา ถือว่าได้เริ่มแล้ว และเมื่อถามย้ำว่า นายกฯ ได้มีการเช็กเสียงฝั่งสว.บ้างหรือไม่ว่าเป็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้เช็กเลย เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกลไกประชาธิปไตย
ถามต่อว่าแนวโน้มจะผ่านหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า แต่ละพรรคก็มีจุดยืนของตัวเองอยู่แล้ว โดย ภท.ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ส่วนมาตราอื่นๆ เดี๋ยวค่อยไปว่ากัน ซึ่งหวังว่าจะผ่านในวาระหลักการ
ต่อข้อถามที่ว่า ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลจะสามารถผลักดันเรื่องนี้ให้ผ่านในวาระ 3 เพื่อทำประชามติและพร้อมเลือกตั้งได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องช่วยกันและส่วนหนึ่งที่ ปชน.ต้องการให้ ภท.เข้ามาเพื่อเข้ามาเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ที่พรรคภูมิใจไทย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค พร้อมด้วยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมกันแถลงข่าว หลังการประชุมร่วมรัฐมนตรี สส.และแกนนำกลุ่มการเมืองที่ร่วมรัฐบาล โดย น.ส.แนน บุณย์ธิดา เปิดเผยว่า มีการหารือกันถึงการประชุมรัฐสภาเรื่องแก้ไข รธน. ทั้งเรื่องตัวผู้อภิปรายและกรอบเวลาที่จะแบ่งกัน ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ประเด็นที่ สส.ทุกคนเห็นตรงกันก็คือ จะไม่แก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2
ถามถึงว่า พท.มีความกังวลว่ารัฐสภาจะลงมติรับเฉพาะร่างของ ภท.และ ปชน.เพราะได้ทำ MOA ร่วมกันไว้นั้น น.ส.แนน บุณย์ธิดายืนยันว่า การพิจารณาจะพิจารณาจากเนื้อหา ไม่ได้พิจารณาว่าร่างกฎหมายฉบับนั้นเป็นของพรรคการเมืองใด แต่ดูที่เนื้อหาสาระว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งการประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 14 ต.ค.จะหยิบยกเอาประเด็นเหล่านี้มาหารือกันอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุป
ต่อข้อถามที่ว่า จะให้เอกสิทธิ์ สส.ในการลงมติร่างของปชน.ใช่หรือไม่ น.ส.แนน บุณย์ธิดาระบุว่า สส.จะลงมติอย่างไรก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ ย้ำทุกการโหวตเป็นเอกสิทธิ์ สส. แต่เชื่อว่าการลงมติของ ภท.และพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะเป็นเอกสิทธิ์ไม่ใช่มติพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนการประชุมวันนี้ส่วนใหญ่เป็นกังวลเรื่องเนื้อหา ในแต่ละร่าง เนื่องจากมีการวิเคราะห์และตีความไปว่า หากรับร่างไปแล้วจะมีปัญหาในส่วนไหนบ้าง ตอนนี้กำลังหารือกันอยู่ แต่จากที่คุยกันเบื้องต้นจะใช้ร่างแก้ไข รธน.ของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก
พรรคส้ม-สว.เชื่อผ่านทั้ง 3 ร่าง
ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า ปชน.ได้มีการเตรียมผู้อภิปรายไว้หลายคน หลักๆ ก็จะมีการพูดถึงในเรื่องเหตุผลความจำเป็นว่าทำไมจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม รธน. แต่ส่วนที่มีความสำคัญมากกว่าก็คือ การพยายามชี้ให้ประชาชนเห็นว่าการจัดทำรธน.ฉบับใหม่นี้จะเป็นการแก้ปัญหาปากท้อง และคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน และมีการเตรียมผู้อภิปรายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ของรัฐ รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย โดยจะให้น้ำหนักในส่วนนี้ไม่แพ้ประเด็นทางการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ
หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่จะมีความสำคัญเช่นเดียวกันก็คือ รูปแบบที่มาหรือว่าสูตรของผู้ยกร่างรธน. เข้าใจว่าตอนนี้แต่ละพรรคไม่ว่าจะเป็น พท., ภท. หรือปชน. ก็อาจจะมีข้อแตกต่างในรายละเอียดกันอยู่ อาจจะต้องสู้และให้เหตุผลกันต่อว่าควรต้องใช้ร่างของใครเป็นร่างหลัก
“ทิศทางตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือ สว.ก็น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือรับทุกร่าง เพียงแต่ว่าจะใช้ร่างใครเป็นร่างหลักที่เวลานี้ยังไม่ได้ข้อสรุป”
ถามย้ำว่า ภท.ระบุว่าจะใช้ร่างของ ภท.เป็นร่างหลัก ปชน.ยอมรับได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า แต่ละพรรคก็จะต้องชูร่างของตัวเองเป็นร่างหลักอยู่แล้ว แต่คิดว่าสิ่งสำคัญกว่าคือการที่เราจะต้องมีผู้ยกร่าง รธน.ที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด ซึ่งคงต้องมีการให้เหตุผล มีการพูดคุยกับฝ่ายกลไกของวิปว่าจะเอาอย่างไร แต่สุดท้ายแต่ละส่วนเขาก็คงมีสิทธิ์ที่จะเสนอร่างของตัวเองเป็นร่างหลักและให้ลงมติกันไปตามนั้น
ถามถึงว่า หากเสียงของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจาก 146 เสียงเดิม จะส่อขัดต่อ MOA ที่ทำไว้หรือไม่ ซึ่ง ภท.ระบุว่าจะไปห้ามคนที่มาโหวตให้ไม่ได้ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องเสียงของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร ก็อาจจะต้องดูเป็นวาระหรือดูเป็นเรื่องๆ ไป อย่างเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อันนั้นเป็นการแบ่งได้ชัดที่สุดว่าใครเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลกันแน่ แต่เรื่องของรัฐธรรมนูญบางทีอาจจะไม่ได้เป็นประเด็นวาระ ที่อาจจะใช้ในการแบ่งระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล เพราะเป็นประเด็นที่ต้องอาศัยเสียงของทุกภาคส่วนในการผลักดัน ถ้าเราดูในเรื่องเงื่อนไขของการแก้ไขรธน. ทั้งในวาระ 1 และวาระ 3 นอกจากจะใช้เสียงของ สว. 1 ใน 3 แล้ว ก็อาจจะต้องอาศัยเสียงของฝ่ายค้านด้วย จึงทำให้วาระการแก้ไข รธน.อาจจะไม่ได้เป็นวาระที่ใช้เป็นจุดตัดว่าใครเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะต้องอาศัยเสียงของทุกคนจึงจะสามารถเดินหน้าแก้ไขได้
ถามต่อว่า ฝั่ง พท.แสดงความกังวลว่า ปชน.กับ ภท.อาจจะรวมกันแล้วผลักร่างของ พท.ออก นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่น่าจะมีข้อห่วงใยอะไรในตรงนั้น เพราะว่าตอนนี้เอาเฉพาะในส่วนของ ปชน.เอง เท่าที่มีการพูดคุยหารือก็เห็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมที่พรรคอื่นๆ หรือแม้แต่ สว.ก็มีการสะท้อนความเห็นออกมาแล้วว่าควรจะต้องรับไปทุกร่างของทุกคน เพื่อที่จะได้ไปพูดคุยในรายละเอียดและข้อแตกต่างในวาระ 2 และ 3 เพียงแต่ที่อาจจะยังเห็นไม่ค่อยตรงกันก็คือในเรื่องที่ว่าจะใช้ร่างของใครเป็นร่างหลัก
ส่วนท่าทีจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เป็นฝ่ายค้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า ร่างแก้ไข รธน.ที่เสนอมาสามร่าง มีความแตกต่างกัน ทั้งจำนวนและที่มาของ ส.ส.ร.ที่จะมาทำหน้าที่ยกร่าง รธน.ฉบับใหม่ แต่ไม่ว่าร่างใดก็ต้องยึดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า ส.ส.ร.ต้องไม่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เคยถามรัฐบาลมาแล้วครั้งหนึ่งในที่ประชุมรัฐสภา ในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบาย ว่าหากมีร่างใดก็ตามอนุญาตให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่มีข้อแม้เรื่องการห้ามแตะหมวด 1 หมวด 2 ซึ่งหมวด 1 ว่าด้วยรูปแบบของรัฐและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ หมวด 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ รัฐบาลชุดนี้มีจุดยืนจะโหวตให้ร่างที่ไม่ได้ห้ามแตะหมวด 1 หมวด 2 หรือไม่ แต่ไม่ได้รับคำตอบ เพราะคำตอบที่ได้เป็นคำตอบในประเด็นอื่น
“ขอถามจุดยืนของรัฐบาลต่อประเด็นนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะเห็นว่ารัฐบาลต้องมีความชัดเจนในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นจุดยืนที่หลายพรรคการเมืองเคยยึดถือมาโดยตลอดรวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ว่าสนับสนุนให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.ได้ แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2”อดีตหัวหน้าพรรค ปชป.ระบุ
ส่วนฝ่ายสมาชิกวุฒิสภา (สว.) น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว.กลุ่มอิสระ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้เชื่อว่าร่างแก้ไขรธน.ทั้ง 3 ร่าง แนวโน้มจะผ่านวาระแรกขั้นรับหลักการทั้ง 3 ร่างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต สำหรับในส่วนของ สว. ประเมินว่าจะมี สว.ร่วมโหวตเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 150เสียง โดยเฉพาะร่างของนายกฯ และ ภท. ซึ่งในส่วนของ สว.กลุ่มอิสระจะโหวตรับหลักการทั้ง 3 ร่าง และหลังจากรัฐสภาโหวตรับหลักการร่างแก้ไข รธน.วาระแรกไปแล้ว ต้องรอดูว่าการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จะออกมาอย่างไร โดยหากพิจารณาออกมาแล้วยืนบนหลักประชาธิปไตยก็ดี
"แต่หากไม่เป็นประชาธิปไตยอาจโดนด่าเละ แต่ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่การแก้ไข รธน.จะเกิดขึ้นได้เสียที เพราะ รธน.ที่ใช้อยู่มีปัญหาจริงๆ แต่สุดท้ายเรื่องแก้ไข รธน.อย่าทำออกมาเป็นมวยล้มต้มคนดูต้มกองเชียร์ก็แล้วกัน" น.ต.วุฒิพงศ์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


