ถกรัฐสภาวันแรกเดือด! 3 พรรคชูร่างแก้ไข รธน. เปิดสูตรตั้ง ส.ส.ร. "ปชน." เน้นความชอบธรรม พาประเทศพ้นวิกฤตประชาธิปไตย-ทุจริตเรื้อรัง "ภท." ถอดโมเดลปี 40 ทำได้จริง ไม่มีความเสี่ยง ยึดหลักการไม่แตะหมวด 1-2 บอกแก้ รธน.อย่าเพ้อฝันมาก “พท.” แจงที่มา 151 ส.ส.ร. ชี้ครั้งนี้ลงทุนสูงสุด หากไม่สำเร็จใน 4 เดือน รธน.ตกไปไม่ทันยุบสภา "จุรินทร์" ห่วงร่าง พท.-ปชน.เสี่ยงเป็นหัวเชื้อแก้หมวด 1-2 "สว." เสียงแตก "นันทนา" ยี้ร่าง ภท.ไม่เห็นหัว ปชช. หวั่นได้ รธน.สีน้ำเงิน "พิสิษฐ์" ตั้งแง่ร่าง ปชน. แฝงเจตนา เปิดช่องผู้ถูกตัดสิทธิการเมือง-ผู้มีบารมีนอกพรรคเข้ามายกร่าง "ชลน่าน" แนะรับ 3 ร่าง ยึดของ พท.เป็นหลัก สะดวกรวมร่างในชั้นกรรมาธิการ
ที่รัฐสภา วันที่ 14 ต.ค.2568 เวลา 09.55 น. มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระเรื่องด่วน พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พุทธศักราช.... ที่เสนอโดย 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาชน (ปชน.), พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งเป็นวันแรก มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยจะลงมติในวันที่ 15 ต.ค.
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายในฐานะผู้เสนอร่างของพรรค ปชน. ระบุว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ มีรายละเอียดที่แตกต่างกันเกี่ยวกับกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คำถามเดียวที่รัฐสภาต้องร่วมกันพิจารณาและกำหนดคำตอบผ่านการลงมติคือ รัฐสภาเห็นด้วยหรือไม่กับการเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นหลักการที่เขียนไว้เหมือนกันทั้ง 3 ร่าง โดยรัฐสภาชุดที่แล้วมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา มีตัวแทนจากทุกพรรคการเมืองร่วมกันศึกษาปัญหาของกว่า 200 มาตราของรัฐธรรมนูญ 2560 และจัดทำรายงานกว่า 600 หน้า ซึ่งมีข้อสรุปตรงกันว่าประเทศเราควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นายพริษฐ์กล่าวว่า หลักการและเหตุผลในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญของพรรค ปชน. เพราะฉบับปัจจุบันมีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เชื่อมโยงกับคณะรัฐประหาร ถูกรับรองโดยกระบวนการประชามติที่ไม่เสรีและเป็นธรรม มีบทบัญญัติหลายประการที่ไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย จึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติม โดยแก้ไขมาตรา 156 ของรัฐธรรมนูญ และเพิ่มเติมหมวด 15/1 เพื่อให้รัฐสภาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยกลไกที่มีความยืดหยุ่นกับประชาชน และประชาชนมีส่วนร่วม
นายพริษฐ์กล่าวว่า ผลลัพธ์จากหลายสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ออกแบบระบบการเมืองไม่เกรงใจประชาชน ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ เมื่อระบบการเมืองเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ประเทศไทยและประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤต 3 อย่าง ที่กระทบกับคุณภาพชีวิตประชาชนโดยตรง
วิกฤตที่ 1 คือวิกฤตประชาธิปไตยถดถอย ทำให้สถาบันทางการเมืองมีความนิยมกับประชาชนน้อยลง เลือก สส.ไปทำงานสภา เลือกรัฐบาลไปทำงานในทำเนียบฯ แต่คนมาชี้ขาดว่ากฎหมายอะไรแก้ได้ไม่ได้ นโยบายอะไรทำได้หรือไม่ได้ บุคคลใดเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ได้ ส.ส.ร.แบบไหนได้หรือไม่ได้ กลับเป็น 9 คนที่นั่งอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญที่ประชาชนไม่เคยให้ความเห็นชอบ วิกฤตที่ 2 คือวิกฤตนโยบายล้าหลัง ไม่ช่วยสนับสนุนให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีสมาธิและแรงจูงใจในการผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน สมาธิบางส่วนเสียไปกับการรับมือกับคณะนักร้องมืออาชีพที่ติดปีกโดยรัฐธรรมนูญปี 2560 บางครั้งร้องมีมูล บางครั้งร้องมั่วซั่ว แรงจูงใจในการผลักดันนโยบายให้สำเร็จมีไม่มากนัก เพราะความอยู่รอดของรัฐบาลไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการผลักดันนโยบายหรือความพึงพอใจของประชาชน, วิกฤตที่ 3 คือวิกฤตทุจริตเรื้อรัง ตอนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ถูกบังคับใช้ ผู้สนับสนุนหลายคนภูมิใจว่าเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่วันนี้ชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่สามารถปราบโกงได้จริง ปราบได้เฉพาะคนที่อยากจะปราบ
ปชน.ออกแบบยึด 3 จุดแข็ง
“ผมไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญเป็นยาวิเศษ ไม่ได้บอกว่ามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วปัญหาทั้งหมดนี้หมดไป ไม่ได้บอกว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้วค้าขายจะดีขึ้นทันที คนโกงหมดประเทศ แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญ 60 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถนำพาซึ่งระบบการเมืองที่ตอบโจทย์ประชาชนที่เป็นที่พึ่งได้ คำถามที่ตามมา แล้วเราอยากติดอยู่ในกับดักของรัฐธรรมนูญ 60 ทำไมหรือลึกๆ แล้วเรามีความกลัวกับการจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” นายพริษฐ์กล่าว
ผู้เสนอร่างแก้ รธน.ของพรรค ปชน.กล่าวว่า สมาชิกสามารถลงมติเห็นชอบรับหลักการทั้ง 3 ร่างในวันนี้ได้ ส่วนรายละเอียดกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่าง 3 ร่าง ซึ่งรายละเอียดสามารถไปถกต่อได้ในชั้นคณะกรรมาธิการ และหาข้อสรุปในวาระที่ 2 ในฐานะผู้เสนอร่าง ยืนยันว่าร่างของพรรค ปชน.พยายามออกแบบกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญที่ยึด 3 จุดแข็ง
ทั้งนี้ 1.การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เมื่อคำวินิจฉัยระบุว่าห้ามประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง พรรคจึงออกแบบกลไกแบ่งเป็น 2 องค์ประกอบ ประกอบด้วย องค์คณะยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งให้ประชาชนเลือกผู้ร่างทางอ้อมได้ 70 คน โดยใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ใช้ระบบบัญชีรายชื่อก่อนที่จะให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน และสภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีหน้าที่รับฟังความเห็นไปสะท้อนต่อคณะกรรมาธิการยกร่าง โดยกำหนดให้มีทั้งหมด 100 คน ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง มีตัวแทนจังหวัดละอย่างน้อย 1 คน 2.การป้องกันการกินรวบจากการผูกขาด เมื่อรัฐสภาต้องคัดเลือกคณะกรรมาธิการ 35 คนจาก 70 คนที่ประชาชนเลือกมา เราไม่ได้ออกแบบให้การคัดเลือกใช้มติเสียงข้างมากของสมาชิกรัฐสภา พรรคออกแบบให้การคัดเลือกใช้วิธีการเสนอชื่อตามสัดส่วนของกลุ่มความคิดต่างๆ ในรัฐสภา โดยให้ สส. สว. รวมตัวกัน 20 คนเพื่อมีสิทธิ์เสนอคัดเลือกกรรมาธิการ 1 คน
และ 3.เราพยายามกำหนดกรอบเนื้อหาที่ชัดเจน พรรคจึงเพิ่มเข้าไปในมาตรา 256/26 กรอบเนื้อหา 9 ข้อว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรยึดพื้นฐานอะไร และกำหนดทิศทางเนื้อหาอย่างไร 2 ข้อแรกระบุชัดว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบจากรัฐเดี่ยว และต้องไม่เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เวลา 10.20 น. นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรค ภท.ว่า พรรคทำตามเงื่อนไขข้อตกลง MOA เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคมีจุดมุ่งหมาย 4 ด้านคือ 1.เข้าใจง่าย 2.ทำได้จริง 3.ไม่สร้างความขัดแย้งรอบใหม่ และ 4.ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดให้มีจำนวนผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 99 คน แยกเป็น 2 ประเภทคือ 1.ส.ส.ร.จังหวัด 77 คน 2.ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน จากการภาควิชาการ ภาคนิติศาสตร์ 7 คน ด้านรัฐศาสตร์ 7 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน 8 คน ให้ผู้ประสงค์จะเป็น ส.ส.ร.จังหวัด และ ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ยื่นสมัครเป็น ส.ส.ร.ต่อ กกต.
นอกจากนี้ เมื่อ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเสร็จสิ้นแล้ว ให้ส่งรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดไปยังประธานรัฐสภา เพื่อเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ลงคะแนนคัดเลือก ส.ส.ร.จังหวัด จังหวัดละ 1 คน และ ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน รวม 99 คน ส่วน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มี 45 คน มาจาก ส.ส.ร. 30 คน และคนนอกที่มีความรู้ความสามารถ 15 คน มีเงื่อนไขกำหนดให้ร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามหมวด 1 และหมวด 2 จะกระทำมิได้
ภท.ถอดโมเดลปี 40 ทำได้จริง
ผู้เสนอร่างแก้ รธน.ของพรรค ภท.กล่าวว่า สาระสําคัญของร่างพรรค ภท. ในส่วนเพิ่มเติม 15/1 ว่า มีเพียง 23 มาตรา และได้นํารูปแบบมาจากร่างรัฐธรรมนูญในปี 2539 ซึ่งเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของประเทศไทย เราจะร่างกติกาใหม่ของประเทศ บนเงื่อนไขเวลาที่มีข้อจํากัดของสภาชุดนี้เพียงไม่กี่เดือน สิ่งที่เราเสนอต่อรัฐสภาชุดนี้จะทําได้จริง เพราะเคยทํามาแล้วในอดีตที่ผ่านมา
ในส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรค พท.และพรรค ปชน.มีความสุ่มเสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีการให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนในเบื้องต้นก่อน จึงให้รัฐสภาไปคัดเลือกอีกที อาจขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยตรงจากประชาชน รวมถึงไม่ระบุชัดเจนจะไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 รัฐธรรมนูญปี 2560 โดยเฉพาะร่างพรรคประชาชนมีความซับซ้อน และไม่กำหนดให้มี ส.ส.ร. มีแค่ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ที่มีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่ที่มาซับซ้อน เข้าใจยาก ขณะที่สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีหน้าที่แค่รับฟังความเห็นประชาชน ไม่มีอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่แค่ให้คำปรึกษา การเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
“สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญของพรรค ปชน. เสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีกระบวนการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน เป็นห่วงว่าถ้าตีความแบบศรีธนญชัยเข้าข้างตัวเอง จะเสี่ยงให้ความพยายามแก้รัฐธรรมนูญล้มเหลวอีก แม้พรรค ภท.จะรับหลักการทุกร่าง แต่ร่างหลักอยากให้ใช้ของพรรค ภท. การแก้รัฐธรรมนูญต้องจริงใจ อย่าเพ้อฝันมาก มองโลกตามความเป็นจริง มั่นใจร่างพรรค ภท.เป็นกุญแจไปสู่ความฝันร่วมกันได้ เพราะเข้าใจง่าย ทำได้จริง ไม่สร้างความขัดแย้ง และไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นความสำเร็จที่ทำได้ ไม่ใช่แค่ได้ทำ” ผู้เสนอร่างแก้ รธน.ของพรรค ภท.ระบุ
ส่วนนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เหตุที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 เพราะเป็นผลพวงจากการรัฐประหาร แม้จะระบุเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่มีบทบัญญัติลงโทษนักการเมืองให้พ้นหน้าที่ไม่ชัดเจน โดยมาจากการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเอานายกฯ ออกจากตำแหน่ง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรค พท.ให้มีผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 151 คน มาจาก 1.ส.ส.ร.จังหวัด 100 คน มาจากการเลือกของทั้งประเทศรวม 300 คน ส่งให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 100 คน 2.ส.ส.ร.จากการคัดเลือก 51 คน มาจากการเสนอชื่อของสภาผู้แทนราษฎรและ ครม. ขณะที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มี 27 คน แบ่งเป็นเลือกจาก ส.ส.ร. 14 คน และเลือกจากผู้เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ 13 คน เมื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จให้ส่งมายังรัฐสภาเห็นชอบ
นายชูศักดิ์กล่าวว่า ครั้งนี้เราก็ลงทุนคือเราลดอายุของสภาผู้แทนราษฎร จาก 4 ปีให้เหลือ 2 ปี เราผูกพันว่าต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ก็ยังไม่รู้เลยว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร และจะทำสำเร็จหรือไม่ ที่สำคัญที่สุด เราต้องทำให้เสร็จภายใน 4 เดือน เพราะถ้าทำไม่เสร็จทันภายใน 4 เดือนนี้ ร่างรัฐธรรมนูญจะตกไป ไม่ทันกับการยุบสภา จึงตั้งความหวังทั้ง 3 พรรคการเมืองต้องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เป็นการลงทุนมหาศาล และความสำเร็จก็ยังไม่แน่ใจ 100% ความพยายามของพรรค พท.ก็ดำเนินมาโดยตลอด
“ขอยืนยันพรรค พท.ไม่มีเจตนาแก้หมวด 1 และหมวด 2 เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 255 ระบุชัดเจนว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ จะกระทำมิได้ มีกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว หวังว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้ง 3 พรรค จะได้รับพิจารณาเห็นชอบในวาระรับหลักการ” ผู้เสนอร่างแก้ รธน.ของพรรค พท.ระบุ
จากนั้นเวลา 11.20 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า เมื่อพิจารณา 3 ร่าง จะเห็นว่าทุกร่างมีหลักการใกล้เคียงกัน แตกต่างกันในรายละเอียดไม่มาก หลักใหญ่คือแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 156 กับมาตรา 256 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้มากขึ้นและเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มี ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่แตกต่างมีสองข้อคือ ส.ส.ร.แต่ละร่างมีจำนวนและที่มาที่มีความแตกต่างกัน และในเรื่องของหมวดหนึ่ง หมวดสอง ที่มีทั้งร่างที่ห้ามแตะหมวด 1 หมวด 2 และร่างที่ไม่ได้มีข้อห้ามแตะหมวด 1 หมวด 2 ไว้
สว.เดือด! ชำแหละร่างรธน.
นายจุรินทร์กล่าวว่า ขอเพิ่มความเห็นและข้อเสนอแนะเป็น 4 ข้อ 1.พร้อมสนับสนุนร่างแก้รัฐธรรมนูญที่เปิดทางให้มี ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องไม่แตะหมวดหนึ่งและหมวดสอง 2.หากจะต้องลงมติว่าจะใช้ร่างใดเป็นหลักในการพิจารณาวาระ 2 ตนขอลงมติโดยใช้เงื่อนไขเดิม คือใช้ร่างที่ไม่แตะหมวดหนึ่ง หมวดสองเป็นหลัก เพราะเป็นห่วงว่าหากไม่ใช่ร่างที่ห้ามแตะหมวดหนึ่ง หมวดสอง อาจจะเป็นหัวเชื้อนำไปสู่การยกร่างฉบับใหม่ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแก้ไขหมวดหนึ่ง หมวดสองได้ต่อไปในอนาคต 3.การยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องที่มา ส.ส.ร.เพื่อไม่ให้การแก้รัฐธรรมนูญเป็นหมันต่อไปในอนาคต และ 4.รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส.ส.ร.ถ้ามี จะต้องยกร่างโพยมีเจตจำนงในการส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมืองตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปัจจุบันมาตรา 160 (4) และ (5)
ต่อเวลา 12.21 น. น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. อภิปรายว่า ร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณา 3 ฉบับ หากยึดมั่นในหลักการอํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน เราก็ต้องให้สิทธิ์ในการกําหนดกติกาบ้านเมืองแก่พวกเขา ตนเห็นว่ามีเพียง 2 ร่างที่เข้าหลักการนี้ คือร่างของพรรค พท.และร่างของพรรค ปชน. ซึ่งเปิดให้มีการเลือก ส.ส.ร.จากประชาชน แล้วให้รัฐสภาทําหน้าที่เป็นผู้คัดกรองในขั้นตอนสุดท้าย ส่วนร่างของพรรค ภท.ที่เปิดให้ประชาชนสมัครมาเป็น ส.ส.ร.แล้วให้สมาชิกรัฐสภาเป็นผู้เลือกทั้งหมดนั้น ตนคิดว่าเป็นร่างที่ประเมินประชาชนต่ำมาก ไม่เปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมใดๆ ทุกอย่างกําหนดด้วยเกมในรัฐสภา
"รู้กันอยู่ว่า สว.ที่กําลังพัวพันในคดีฮั้ว อั้งยี่ ฟอกเงิน มีมากกว่า 1 ใน 3 ของวุฒิสภา เมื่อรวมกับ สส.พรรครัฐบาลก็จะกลายเป็นเสียงข้างมาก ที่จะสามารถกําหนดตัว ส.ส.ร.ได้เกือบทั้งหมด เช่นนี้แล้วเราจะได้ ส.ส.ร.สีน้ำเงิน รัฐธรรมนูญฉบับสีน้ำเงินหรือไม่ ในฐานะ สว. ตนไม่อาจรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ไม่เห็นหัวประชาชนเช่นนี้ได้" สว.รายนี้ระบุ
เวลา 13.27 น. นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. อภิปรายว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่พรรค ปชน.เสนอ มีความสุ่มเสี่ยงขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จนต้องตั้งชื่อว่ารัฐธรรมนูญร่างเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ซึ่งประเด็นแรกเห็นว่ามีเจตนาแก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 และ 2 อย่างชัดเจน เพราะในมาตรา 256/26 อนุ 2 บัญญัติไว้ว่า “การให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” จึงต้องถามว่า การปกครองระบอบนี้ต้องมีการให้ด้วยหรือ เพราะในมาตรา 2 ก็ระบุไว้ชัดเจนแล้วถึงระบอบการปกครอง
"ต้องเตือนความจำว่าไม่เข็ดหรือไม่ เมื่ออดีตพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบ เพราะมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายเป็นเหตุให้สถาบันฯ ชำรุดทรุดโทรม เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ต้องถามนายพริษฐ์และพรรคประชาชนว่า มีเจตนาต้องการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 หรือไม่ และท่านได้เตรียมชื่อพรรคใหม่ไว้แล้วหรือยัง" นายพิสิษฐ์กล่าว
สว.รายนี้ระบุว่า ร่างของพรรค ปชน.มีสภาที่ปรึกษาที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ทั้งที่คำวินิจฉัยชัดเจนว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ไม่เข้าใจว่าจะมีไว้ทำไม รวมถึงเรื่องคุณสมบัติต้องห้าม กำลังจะให้ผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมีโอกาสเข้ามาลงสมัคร ต้องถามว่า กำลังเปิดโอกาสให้ใครบางคน หรือผู้มีบารมีนอกพรรค หรือผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกท่าน เข้ามาทำงานยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่
“สุดท้ายนี้ ผมหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พวกท่านคงไม่เอาคำว่า ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะเป็นคำที่พวกท่านกลัวมากๆ และผมหรือประชาชนคงไม่ต้องการรัฐมนตรีที่มีคำนี้ สุดท้ายนี้ผมขอสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่เคารพและปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด” สว.รายนี้ระบุ
ชลน่านหนุนร่าง พท.เป็นหลัก
เวลา 16.40 น. นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรค ปชน. อภิปรายถึงการทำหน้าที่ของ สว. โดยพาดพิงถึงพฤติกรรม สว.หลายคนที่มีความไม่เหมาะสม อาทิ การฮั้ว สว. การคุกคามทางเพศ และการกร่างใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ขณะที่ผลโพลก็พบว่าประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นใน สว. ทำให้ สว.หลายคนแสดงความไม่พอใจลุกขึ้นประท้วง น.ส.อมร ศรีบุญนาค ที่ประท้วงว่า ขอให้ประธานควบคุมการประชุมให้ดี เพราะวันนี้ดูแล้วประธานไม่แข็ง ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ ที่ทำหน้าที่ประธาน ตอบแบบติดตลกพร้อมยิ้มว่า “เรื่องแข็งไม่แข็งพิสูจน์กันไม่ได้” ทำให้สมาชิกหัวเราะลั่นห้องประชุม
เวลา 18.40 น. นางอังคณา นีละไพจิตร สว. อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญ 60 ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการร่าง และผู้ที่ได้รับเลือกให้ร่าง ก็ไม่ได้มาจากการคัดเลือกของประชาชน ทำให้รัฐธรรมนูญปี 60 ขาดการยึดโยงกับประชาชน โดยรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้รัฐเข้มแข็ง แต่ประชาชนอ่อนแอ และยังมีการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ผ่านคำสั่ง คสช.ฉบับต่างๆ ที่มีผลผูกพันต่อชีวิตประชาชนจนถึงทุกวันนี้ แม้จะผ่านการทำประชามติในปี 59 แต่การทำประชามติภายใต้รัฐบาล คสช. ประชาชนถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
"น่าเสียดายเราพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่มีแค่ 3 ฉบับ ในขณะที่ร่างแต่ละฉบับมาจากพรรคการเมือง แต่ร่างของประชาชนไม่สามารถเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญที่ดีต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้ประชาชนทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ บนพื้นฐานความเท่าเทียมในสิทธิเสรีภาพ และเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลทุกคน" นางอังคณาระบุ
จากนั้นเวลา 19.00 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.พรรคเพื่อไทย ร่วมอภิปรายว่า ยืนยันร่างพรรค พท.ไม่ได้มีการเลือกตั้งทางตรง แต่เลือกผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็น ส.ส.ร.และให้สภาคัดเลือกต่อ เช่นเดียวกับข้อห่วงใยเรื่องไม่บัญญัติข้อห้ามการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 เอาไว้ หากเป็นข้อกังวลจริง ในชั้นคณะกรรมาธิการสามารถปรับแก้ได้ เพียงแค่บัญญัติเพิ่มเติมว่าให้นำบทบัญญัติหมวด 1 หมวด 2 ในรัฐธรรมนูญปี 60 มาบัญญัติไว้ด้วย
นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องที่กังวลจะใช้ร่างไหนเป็นร่างหลักในการพิจารณา หากรับหลักการทุกร่าง โดยหากดูร่างของพรรคเพื่อไทย ที่คิดโดยพื้นฐานของความรอบคอบ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ความง่าย ไม่เกิดข้อขัดแย้ง และทำได้จริง จึงเสนอว่าหากสมาชิกรัฐสภาใช้ร่างของพรรค พท.เป็นร่างหลักในการพิจารณา และนำทั้ง 2 ร่างมาผสมเข้าไป จะทำง่าย เพราะเนื้อหาครอบคลุม
"ขอให้รับร่างแก้ไขธรรมนูญทั้งหมด และการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จ และการแก้ไขจะจริงจังหรือไม่ ฝากคณะกรรมาธิการไปต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 ที่จะสะท้อนและบอกถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มากที่สุด และหลีกเลี่ยง ส.ส.ร.ที่มาจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือมาจากพวกใดพวกหนึ่ง ที่หวังจะกินทั่วประเทศ" นพ.ชลน่านระบุ
ช่วงค่ำ มีรายงานว่า วิปรัฐบาลได้นัดหารือแนวทางการลงมติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 10.00 น. เนื่องจากวิปฯ มีความกังวลร่าง รธน.ของพรรค ปชน.และร่างพรรค พท. ในโมเดลที่มา ส.ส.ร. สุ่มเสี่ยงจะขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
'วันนอร์' นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. และ ครั้งที่2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันที่ 11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


