พลิก!ปชน.ชนะภท. 43อรหันต์แก้รธน./เลือกตั้ง29มี.ค.69

รัฐสภาวุ่น! หลังโหวตรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่ฉบับ "ประชาชน-ภูมิใจไทย"  คว่ำ "ร่างเพื่อไทย" เหตุ สว.หนุนไม่ถึง 1 ใน 3 ก่อนเจอเอาคืน "พท." เทเสียงหนุนร่าง ปชน.เป็นหลัก  ชนะร่าง ภท. 300 ต่อ 287 เสียง แม้ "อนุทิน" เข้าโหวตเอง พร้อมตั้ง 43 กมธ.วิสามัญฯ มี “พริษฐ์-ชูศักดิ์-ภราดร-ทวี” ร่วม "ชวน" แนะบทเรียนสำคัญ  รธน.ไม่ใช่ปัญหา แต่อยู่ที่คนใช้ บอกกฎหมายที่ดีต้องมาพร้อมกับคนที่ดี "บวรศักดิ์" เคาะไทม์ไลน์เลือกตั้งใหม่ 29 มี.ค.69 

ที่รัฐสภา วันที่ 15 ต.ค.2568 เวลา 09.00 น.  ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่.. พ.ศ…. 3 ฉบับ ของพรรคประชาชน (ปชน.) พรรคภูมิใจไทย  (ภท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นวันที่ 2 วันสุดท้าย ก่อนที่จะมีการลงมติในวาระรับหลักการ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า เราแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้อำนาจกลับไปอยู่ในมือของเจ้าของที่แท้จริง  นั่นคือประชาชนคนไทยทุกคน รัฐธรรมนูญไม่ใช่ข้อตกลงของผู้ถืออำนาจ แต่คือข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันของคนทั้งชาติ การแก้รัฐธรรมนูญรอบนี้คือการออกเดินทางครั้งใหม่ของคนไทยทั้งชาติ เรืออาจจะโคลง คลื่นลมอาจจะแรง แต่เราต้องออกจากฝั่ง

"ถ้าเราไม่ให้ประชาชนรู้รายละเอียด ก็เหมือนเขียนเช็คเปล่าให้คณะผู้ร่าง เราไม่ควรปล่อยให้เกิดรัฐธรรมนูญกล่องสุ่ม การแก้รัฐธรรมนูญต้องไม่ใช่แค่ประชามติ แต่ต้องมีการศึกษา การสนทนา ต้องไม่ใช่แค่การลงคะแนน แต่ต้องมีการเรียนรู้ร่วมกัน  ซึ่งพรรค พท.เสนอแนวทางที่จับต้องได้จริง เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นของประชาชนจริงๆ  เราคือนักสู้ตัวจริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน จะสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญของประชาชน เราจะสู้เพื่อคืนศักดิ์ศรีให้คนไทยทุกคน"  นายอนุสรณ์กล่าว

เวลา 11.11 น. นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้ใช้รัฐธรรมนูญ น่าจะเป็นคนหนึ่งที่ใช้รัฐธรรมนูญมากกว่าหลายท่านในที่นี้ ตนใช้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2511 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้เวลาร่างอยู่ 10 ปี แต่ใช้ได้เพียง 2 ปี 9 เดือนก็มีอันเป็นไป และความมีอันเป็นไปครั้งนั้นต่อมาก็ก่อให้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 ซึ่งทั้งหมดก็เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ 2 ปี 9 เดือนของรัฐธรรมนูญฉบับนั้น ทำให้ประชาชนได้เปิดหูเปิดตา สื่อมวลชน นักศึกษา ก็รู้ว่าความเป็นประชาธิปไตยทำให้เขาได้รับรู้ความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองไม่มากก็น้อย หลังจากนั้นมีรัฐธรรมนูญปี 2517 ถือว่าเป็นฉบับที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหนึ่ง แต่ใช้ได้ 2 ปีก็เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 19 ในที่สุดรัฐธรรมนูญฉบับนั้นก็ล้มไป และเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับ 2521

นายชวนกล่าวว่า ประสบการณ์ที่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเหล่านี้มา ทำให้ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเองว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่เราจะเขียนให้ดีอย่างไรก็ตาม แต่เวลาปฏิบัตินั้นอาจจะเป็นเรื่องหนึ่ง จึงขอนำประสบการณ์มาเป็นประโยชน์ จึงย้ำเรื่องนี้ว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญคือโครงสร้างที่แท้จริงที่จะให้รู้ว่าขอบเขตอำนาจแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร

ชวนชี้ รธน.ดีต้องไปกับคนดี

 “แก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต ถ้าเรามองข้ามความสำคัญของผู้ใช้รัฐธรรมนูญ เราจะพลาด และเราจะมีปัญหา หลายครั้งหกล้มหลายครั้งเพราะผู้ใช้กฎหมายของเราไม่เคารพกฎเกณฑ์กติกาเลือกปฏิบัติ ทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกอย่างที่ไม่ควรเกิดก็ต้องเกิด ดังนั้นขอให้เราให้ความสำคัญกับคนที่จะมาทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายนิติบัญญัติก็เป็นผู้จัดตั้งฝ่ายบริหาร องค์กรเหล่านี้มาจากเส้นทางที่ดีตั้งแต่ต้น เราจะได้องค์กรที่ดีและพัฒนาบ้านเมืองได้ไกลตามที่ประชาชนทั้งประเทศที่เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริงคาดหวังไว้” นายชวนกล่าว

เวลา 12.35 น. นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. อภิปรายว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 โฆษณาชวนเชื่อเป็นฉบับปราบโกง นักการเมืองที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องสะอาด บริสุทธิ์ มีคุณธรรม มีมาตรฐานจริยธรรม แต่วันนี้ดูหน้าตารัฐบาลจริยธรรมเป็นอย่างไร และยังยุบพรรคมาไม่รู้กี่พรรค สร้างผู้นำไทย 3 ปี 3 คน และยังมีมาตรา 144 ที่ทำให้ สส.-สว.ขนลุก โยกงบมาใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หมุนเงินเข้าหาประชาชน แต่สส.-สว.อาจถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ถามว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ส่งเสริมหรือลดทอนบทบาทตัวแทนประชาชน

"ไม่รู้พรรค ภท.เต็มใจจะแก้หรือไม่ หรือต้องทำเพราะเอ็มโอเอ สิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจคือ ไปไว้ใจคนที่ไม่อยากแก้ แต่กลับไม่ไว้ใจคนที่อยากแก้ เรากำลังร่วมมือแก้รัฐธรรมนูญกับคนที่อยากหรือไม่อยากแก้ ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จ อนาคตประเทศจะมืดมน” นายสุทินกล่าว

เวลา 13.00 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายสรุปเป็นคนสุดท้ายของพรรค ปชน.ว่า พรรค ปชน.เห็นตรงกันว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำได้ การเลือกสภาผู้ร่างโดยอ้อม และเลือกสภาที่ปรึกษาโดยตรง สามารถทำได้ พรรคใช้หลักการที่เชื่อว่าการเมืองคือเรื่องแห่งความเป็นไปได้ ที่ต้องพิจารณาควบคู่กับการเมืองในความเป็นจริง หากพรรค ภท.วันนี้ไม่เชื่อถึงความเป็นไปได้ว่าท่านจะสามารถโน้มน้าว สว.จำนวน 1 ใน 3 ให้เห็นชอบกับทุกร่าง การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่คงไม่สามารถทำได้ ถ้าพรรคประชาชนไม่เชื่อว่า เราทุกคนมีเจตนารมณ์เดียวกันในการเดินหน้าทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็คงไม่เกิดข้อตกลง MOA คุณอนุทินไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การเสนอให้ใช้ร่างของพรรค ปชน.เป็นร่างหลักในการพิจารณา เพราะยืนยันว่าสิ่งที่เราคิดมานั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ และยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด รวมถึงข้อห่วงใยเรื่องการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 นั้น กลไกปัจจุบันของรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามแก้ ประกอบกับมาตรา 255 ได้ล็อกไว้อยู่แล้วว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองได้ ข้อห่วงใยในการตัดถ้อยคำ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง สำหรับตนคิดว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า พร้อมนำข้อมูลการอภิปรายจากสมาชิกรัฐสภาส่งให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไปพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญในอนาคต ทั้งนี้ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นอำนาจรัฐสภา แต่การทำประชามติ ตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กำหนดให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อหารือกับ กกต.กำหนดวันลงประชามติและคำถามประชามติ

ไทม์ไลน์เลือกตั้งใหม่ 29 มี.ค.69

จึงขอนำเสนอไทม์ไลน์ใน 2 กรณีคือ 1.กรณีที่ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ฉบับปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้ ตามข้อตกลง MOA ที่ให้ยุบสภาใน 4 เดือน จะครบกำหนดยุบสภาวันที่ 31 ม.ค.2569 ทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในกรณียุบสภา ต้องเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน วันที่เหมาะสมจะเลือกตั้งที่สุดคือวันที่ 29 มี.ค.2569 ที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและ MOA

นายบวรศักดิ์กล่าวว่า เมื่อมีการทำประชามติมาเกี่ยวข้อง ตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฉบับปัจจุบัน กำหนดให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันออกเสียงประชามติ ในระหว่าง 90-120 วัน นับแต่วันที่แจ้งต่อประธานรัฐสภา เมื่อรัฐบาลต้องการประหยัดงบประมาณให้ออกเสียงประชามติไปพร้อมกับวันเลือกตั้งในวันที่ 29 มี.ค.2569 นั้น ดังนั้นกรอบเวลา 90 วัน คือวันที่ 30 ธ.ค.2568 จะเป็นวันที่นายกฯ และ กกต.ประกาศให้ทำประชามติ หมายความว่า การลงมติแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ควรไม่เกินวันที่ 15-20 ธ.ค.2568 เผื่อระยะเวลาทิ้งไว้ 10 วัน ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้นายกฯ และ กกต.และหารือกำหนดวันทำประชามติที่จะเป็นวันเดียวกับการเลือกตั้งคือ วันที่ 29 มี.ค.2569 จึงต้องขอความกรุณารัฐสภาลงมติแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 วันที่ 15-20 ธ.ค.

นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ส่วนไทม์ไลน์กรณีที่ 2 ที่ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ฉบับใหม่ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายไปแล้ว และมีประกาศบังคับใช้ จะทำให้รัฐสภามีเวลาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมากขึ้น คือหากยุบสภาวันที่ 31 ม.ค.2569 และเลือกตั้งวันที่ 29 มี.ค.2569 แต่กรอบเวลาการประกาศวันทำประชามติจะลดจาก 90 วัน เหลือ 60 วัน ดังนั้น วันสุดท้ายที่จะประกาศวันทำประชามติคือวันที่ 29 ม.ค.2569 หากเป็นเช่นนี้ รัฐสภาต้องลงมติการแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 ในช่วงวันที่ 15-19 ม.ค.2569 และเว้นเวลาไว้ 10 วัน เพื่อให้ประธานรัฐสภาจัดทำร่างตลอดจนคำอธิบายสาระสำคัญของร่าง เพื่อให้รัฐบาลสามารถหารือกับ กกต.ได้ ไทม์ไลน์ดังกล่าวเป็นไปตามเอ็มโอเอ และ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ

"การจัดทำรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐสภา รัฐบาลไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่ต้องมีการประสานงานกันในหลายเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ จึงได้เสนอไทม์ไลน์ที่รัฐบาลมองว่าควรจะเป็นเช่นนั้น" นายบวรศักดิ์กล่าว

จากนั้น 14.00 น. นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สส.อ่างทอง พรรค ภท. กล่าวสรุปร่างของพรรค ภท.ว่า ร่างพรรค ภท.หลายฝ่ายกังวลว่าขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้รัฐธรรมนูญ ขอยืนยันเจตนารมณ์พรรคต้องการให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ติดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ร่างของพรรคจึงให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก ส.ส.ร.แทน นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่า ร่างของพรรคจะทำให้ได้ ส.ส.ร.หรือรัฐธรรมนูญสีน้ำเงินนั้น ยืนยันว่าพรรคไม่ยึดติดร่างของตัวเอง 

ส่วนกรณีที่กังวลเรื่องประชาชนไม่มีส่วนร่วมนั้น เราพร้อมให้เลือกโดยอ้อม โดยนำตัวแทนประชาชน เช่น อบต. เทศบาล สท. นายก อบต. มาเลือก ส.ส.ร.จังหวัด อาจจะให้เลือกมา 300 คน ตามโมเดลพรรค พท. แล้วส่งให้รัฐสภาเลือกให้เหลือ 100 คน ซึ่งถือเป็นการถอยโดยใช้ส่วนผสมของพรรค พท.มารวมด้วย ส่วนที่กังวลว่า ส.ส.ร. เป็นของพรรค ภท.แล้วทำให้เป็นรัฐธรรมนูญสีน้ำเงิน เพราะในร่างของภูมิใจไทย ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก ส.ส.ร.ในส่วนของแต่ละจังหวัด เราถอยก็ได้เอาโมเดลของพรรค ปชน.ก็ได้ ที่บอกว่าให้สมาชิกรัฐสภา 20 คน หยิบขึ้นมา 1 คน พวกตนก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนเป็นแบบนั้นก็ได้

 “ส่วนการแก้มาตรา 256 (1) ผมประกาศว่าผมเป็นตัวแทนจากพรรค เป็นกรรมาธิการ ผมก็จะไปเสนอตัดในส่วนนี้ออกด้วยตัวผมเอง นี่คือสิ่งที่พรรค ภท.ยืนยันว่าตั้งใจและมีเจตนาตั้งใจให้การแก้รัฐธรรมนูญลุล่วงถึงปลายทางให้ได้ ขอให้สมาชิกช่วยรับหลักการทั้ง 3 ร่าง เป็นจุดเริ่มต้นความสามัคคี ปรองดอง" นายภราดรกล่าว

 สภาโหวตคว่ำร่างเพื่อไทย

กระทั่งเวลา 14.20 น. ที่ประชุมรัฐสภาเริ่มการขานชื่อลงคะแนนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ พรรค ปชน., พรรค ภท. และพรรค พท. ในวาระที่ 1 โดยขานชื่อเรียงตามตัวอักษรเป็นรายบุคคล ใช้เวลาขานชื่อเกือบ 2.30 ชั่วโมง ผลปรากฏว่า 1.ร่างพรรค ปชน.ได้คะแนนรับหลักการ 568 เสียง เป็นเสียง สส. 460 เสียง สว. 108 เสียง ไม่รับหลักการ 10 งดออกเสียง 74 มีคะแนนรับหลักการเกินกึ่งหนี่ง และมีคะแนนเสียง สว.ร่วมรับหลักการเกิน 1 ใน 3 ถือว่าที่ประชุมรัฐสภารับหลักการร่างพรรคประชาชน

2.ร่างพรรค ภท.รับหลักการ 629 เสียง เป็น สส. 462 เสียง สว. 167 เสียง ได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งจากสมาชิกรัฐสภา และมีเสียง สว.เห็นชอบเกิน 1 ใน 3 ถือว่าที่ประชุมรับหลักการร่าง พ.ร.บ.พรรคภูมิใจไทย

3.ร่างพรรค พท. รับหลักการ 521 เสียง เป็น สส. 461 เสียง สว. 60 เสียง แม้จะมีคะแนนรับหลักการเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา แต่มีเสียง สว.ร่วมรับหลักการไม่ถึง 1 ใน 3 หรือ 66 เสียง ถือว่าร่างพรรค พท.ไม่ผ่านความเห็นชอบในวาระรับหลักการจากที่ประชุมรัฐสภา

มีรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า สว.ส่วนใหญ่งดออกเสียงให้กับร่างของพรรค พท. อาทิ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 พล.ท.บุญจันทร์ นวลสาย ขณะที่ สว.บางส่วนรับหลักการเฉพาะร่างของพรรค ภท. แต่ที่น่าสนใจคือ พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ นายเดชา นุตาลัย น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ ที่ไม่รับหลักการทุกร่าง ส่วน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ ที่ลงมติรับหลักการเฉพาะร่างของพรรค ปชน.และ พท. แต่ไม่รับหลักการร่างของพรรค ภท.

ขณะที่ สส.ส่วนใหญ่รับหลักการทั้ง 3 ร่าง แต่พบนายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ไม่รับหลักการทุกร่าง ขณะที่นายสิริน สงวนสิน สส.กทม. พรรค ปชน. รับหลักการเฉพาะร่างของพรรค ปชน.และ พท. แต่ไม่รับหลักการร่างของ ภท.

ทั้งนี้ การลงมติครั้งนี้มีสมาชิกที่ไม่อยู่ในห้องประชุม อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย, นายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่ 1, นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่ 2, นายเกรียง กัลป์ตินันท์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท., นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา พรรค ปชป., ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ สส.พะเยา พรรคกล้าธรรม, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับนายอนุทิน นายไชยาและนายฉลาด ติดภารกิจเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จตามหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ส่วนนายรังสิมันต์ และนายปกรณ์วุฒิ ติดภารกิจต่างประเทศ

วุ่น! นับใหม่ยึดร่าง ปชน.เป็นหลัก

จากนั้นมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน  43 คน แบ่งเป็นสัดส่วนกรรมาธิการที่มาจาก สว. 12 คน และ สส. 31 คน ฝั่ง สว. ได้แก่ 1.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ 2.นายเอนก วีระพจนานันท์ 3.นายชวภณ วัธนเวคิน 4.นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล 5.นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ 6.น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ 7.นายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจ 8.นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร 9.นายกิตติพันธ์ อนันตกูลจิรโชติ 10.พ.ต.ท.สุริยา บาราสัน 11.นายวอน หินดี และ 12.นายจำลอง อนันตสุข

สัดส่วนพรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาชน 9 คน ได้แก่ 1.นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ 2.นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ 3.นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี 4.นายปรีติ เจริญศิลป์ สส.นนทบุรี 5.นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี 6.นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. 7.นายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี 8.นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ และ 9.น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทปราการ

พรรคเพื่อไทย 9 คน ได้แก่ 1.นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ 2.นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ 3.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน 4.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ 5. นายสุธรรม แสงประทุม สส.บัญชีรายชื่อ 6.นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ 7.น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ 8.นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ และ 9.นายเอกพร รักความสุข สส.บัญชีรายชื่อ

พรรคภูมิใจไทย 4 คน ได้แก่ 1.นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2.นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง 3.นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ สส.ชัยภูมิ และ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี

พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แก่ 1.นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ และ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อ ด้านพรรคกล้าธรรม ได้แก่ นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน สส.บัญชีรายชื่อ และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และนายทรงศักดิ์ มุสิกอง สส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย ด้านพรรคชาติไทยพัฒนา คือ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี และพรรคประชาชาติ คือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ

ส่วนใช้ร่างใครเป็นร่างหลักนั้น น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรค ภท.ได้เสนอให้ใช้ร่างของพรรค ภท.เป็นร่างหลัก ขณะที่นายพริษฐ์ก็ได้เสนอให้ใช้ร่างของพรรค ปชน.เป็นร่างหลัก

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ลุกขึ้น อภิปรายว่า แม้ร่างของพรรค พท. สมาชิกจะไม่รับหลักการเราก็เคารพมติ และเพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เดินหน้าต่อไปตามเจตนารมณ์ของทุกฝ่าย พรรค พท.ยินดีที่จะรับประกันของพรรค ปชน. เพื่อให้นำหลักการดังกล่าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางการเมือง และขอให้สมาชิกรัฐสภาทำงานโดยอิสระ สำหรับคนที่เป็นกรรมาธิการอย่าให้สีใดสีหนึ่งมาครอบงำประเทศไทย

ต่อมาได้ลงมติว่าจะใช้ร่างใดเป็นร่างหลัก โดยถ้าต้องการใช้ร่างของนายอนุทินเป็นหลักกดปุ่มไม่เห็นด้วย ถ้าต้องการใช้ร่างของนายพริษฐ์เป็นหลักกดปุ่มเห็นด้วย ผลปรากฏว่า ที่ประชุมเห็นด้วย 292 ไม่เห็นด้วย 297 งดออกเสียง 15 ถือว่าที่ประชุมใช้ร่างของนายอนุทินเป็นหลัก แต่ที่ประชุมยังไม่ยินยอม จึงขอให้ประธานนับใหม่ เนื่องจากมีทั้งการเสียบบัตรและขานชื่อ เพราะการประชุมที่ผ่านมามีปัญหามาแล้ว จึงอยากให้ประธานโหวตใหม่อีกครั้ง

นายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่า ตามข้อบังคับการประชุม การที่จะให้นับใหม่ในกรณีที่คะแนนแตกต่างกันไม่มาก หากจะให้นับด้วยการขานชื่อ ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. เสนอญัตติให้นับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อ แต่นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรค ภท.โต้แย้งว่า การนับคะแนนใหม่คือการเอาคะแนนมานับใหม่ ไม่ใช่การลงมติใหม่ ส่วนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรค พท.สนับสนุนให้มีการลงคะแนนใหม่ ด้วยการขานชื่อ เพราะร่างที่เราสนับสนุนเป็นร่างที่ใกล้เคียงกับร่างของพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ทำให้นายกรวีร์เสนอญัตติไม่ต้องนับคะแนนใหม่ นายวันมูหะมัดนอร์วินิจฉัยให้นับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 19.00 น. นายอนุทินเดินทางกลับเข้ามาที่รัฐสภา หลังไปปฏิบัติภารกิจภายนอก ซึ่งเป็นช่วงที่มีการออกเสียงลงคะแนนด้วยการขานชื่ออีกครั้ง เพื่อลงมติว่าจะเอาร่างใครเป็นร่างหลัก นายอนุทินกล่าวว่า ไม่กลัวว่ามติที่ประชุมจะโหวตให้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก ไม่มีปัญหา เพราะถือว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ทุกอย่างต้องเดินไปตามกติกา เคารพกติกา ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การนับคะแนนใหม่ด้วยการขานชื่อใช้เวลากว่า 2 ชม. กระทั่งเวลา 19.40 น. นายวันมูหะมัดนอร์ขานผลคะแนนว่า ร่างของนายพริษฐ์ 300 คะแนน ร่างของนายอนุทิน 287 คะแนน จึงเห็นว่าที่ประชุมได้ใช้ร่างของนายพริษฐ์เป็นร่างหลัก จากนั้นปิดการประชุมในเวลา 19.44 น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วันนอร์' นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. และ ครั้งที่2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันที่ 11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)