เอกอัครราชทูตจีนประจำไทยเข้าพบนายกฯ อนุทิน ย้ำมิตรภาพไทย-จีนยาวนานกว่า 50 ปี ยินดีร่วมมือปรามแก๊งสแกมเมอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ยันท่าทีเป็นกลางปมไทย-กัมพูชา ขอ 2 ชาติเจรจาแก้ปัญหาอย่างสันติ "โฆษกรัฐบาล" ระบุสหรัฐยังไม่คอนเฟิร์ม "ทรัมป์" ร่วมลงนามสันติภาพชายแดน "เขมร" โวยไทยเก็บกวาดทุ่นระเบิดบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว งัดแผนที่ 1 ต่อ 200,000 อ้างพื้นที่พิพาทต้องรอ JBC ชี้ ขู่ไทยไม่หยุดใช้สิทธิปกป้องละเมิดอธิปไตย "เกาหลีใต้" ตามไล่บี้ปรินซ์กรุ๊ปพัวพันการค้ามนุษย์กลางกรุงโซล "เอ็นจีโอ" ดาหน้าป้อง "อังคณา" โดนข่มขู่ จี้ "ผบ.ตร." คุ้มครองความปลอดภัย
ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 17 ต.ค.2568 เวลา 09.30 น. นายจาง เจี้ยนเว่ย์ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในโอกาสเข้ารับหน้าที่
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกฯ ยินดีที่ได้ต้อนรับเอกอัครราชทูตจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ซึ่งมิตรภาพไทย-จีนแนบแน่นอย่างต่อเนื่องยาวนานตลอด 50 ปี โดยรัฐบาลมุ่งมั่นจะผลักดันความร่วมมือให้เติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยความร่วมมือกับจีนถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมในภูมิภาค สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งขอบคุณที่รัฐบาลจีนให้ความร่วมมืออันดีมาโดยตลอด และชื่นชมบทบาทของเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยทุกท่านที่มีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์ โดยเชื่อมั่นว่าเอกอัครราชทูตจีนคนใหม่จะสานต่อและพัฒนาความร่วมมือในทุกด้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ขณะที่ เอกอัครราชทูตจีน ฝากคำปรารถนาดีและคำอวยพรจากนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้แก่นายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมีมิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่สืบทอดมากว่าครึ่งศตวรรษ โดยต่างเคารพ สนับสนุน และร่วมมือกันอย่างเสมอภาค เป็นมิตรแท้ที่ประชาชนทั้งสองฝ่ายตระหนักดีว่าไทย-จีนใช่อื่นไกล พี่น้องกัน และจะยังคงสานต่อความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในอนาคต พร้อมชื่นชมการทำงานของนายกรัฐมนตรีที่มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประชุมคณะรัฐมนตรี การลงพื้นที่พบปะประชาชนทั่วประเทศ รวมทั้งการเยี่ยมพื้นที่ชายแดน เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นสำคัญร่วมกัน คือ ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรไทย นายกฯ กล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้การสนับสนุนด้านการค้าการลงทุนมาโดยตลอด ด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ นายกฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมความร่วมมือกับจีนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และโลจิสติกส์ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคอย่างยั่งยืน
ด้านความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามชาติ นายกฯ กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและกลุ่มสแกมเมอร์ในภูมิภาค ซึ่งสร้างความเสียหายต่อประชาชน พร้อมยืนยันว่าไทยพร้อมร่วมมือกับทางการจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง ด้านเอกอัครราชทูตจีนเห็นพ้องและพร้อมเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทยในทุกมิติ โดยยินดีจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานไทย เพื่อป้องกัน ปราบปราม และยับยั้งปัญหาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
จีนยันเป็นกลางปมไทย-กัมพูชา
"ทั้งสองฝ่ายยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายกฯ กล่าวย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน และพร้อมร่วมมือในกรอบอาเซียนเพื่อสร้างความเข้าใจและรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ซึ่งไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธีและจะดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านเอกอัครราชทูตจีนกล่าวว่า จีนมีท่าทีที่เป็นกลางต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศใช้กลไกที่มีอยู่แล้วในการเจรจาแก้ไขปัญหาอย่างสันติ เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
นายสิริพงศ์กล่าวถึงกรณีนายกฯ จะเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นําอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะมาร่วมลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชาว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันจากทางฝั่งสหรัฐอเมริกา แต่ได้มีการสอบถามไปแล้ว ซึ่งวันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้พูดถึงกระบวนการ เนื่องจากนายกฯ ต้องเดินทางไประหว่างวันที่ 25-28 ต.ค. และในวันที่ 29 ต.ค. นายกฯ ต้องเดินทางไปประชุมเอเปกที่ประเทศเกาหลีใต้ จึงเป็นการพูดภาพรวมทั้งสองเวที ซึ่งมีกว่า 10 ประเทศที่ให้ความสนใจ และอยากจะขอเข้าพูดคุยกับนายกฯ ซึ่งนายกฯ จะพยายามไปให้ครบทุกองค์ประชุม
ถามว่า ต้องมีการไปประชุมกับทางสหรัฐอเมริกาหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับการยืนยัน ต้องรออีกฝั่งเสนอมาก่อน เมื่อถามว่า หากต้องมีการลงนามสันติภาพจะยังยืนยันใน 4 เงื่อนไขต่อกัมพูชาหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ยืนยันใน 4 ข้อเสนอมาโดยตลอด โดยฝ่ายกัมพูชาต้องดําเนินการก่อนทั้ง 4 ข้อ ถึงจะมีการพูดคุยกัน
ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับสถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย-จีน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และ China Media Group (CMG) ร่วมกันจัดงานปาฐกถาพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน หัวข้อ “ความสัมพันธ์ ไทย-จีน กับธรรมาภิบาลโลก” โดยนายจาง เจี้ยนเว่ย์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เป็นองค์ปาฐกในครั้งนี้
นายจางกล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เสนอความคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลก โดยมีหลักการสำคัญ 5 มิติ ได้แก่ 1.การธำรงไว้ซึ่งความเท่าเทียมทางอธิปไตยเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับธรรมาภิบาลโลก 2.การธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมระหว่างประเทศเป็นหลักประกันขั้นพื้นฐานของธรรมาภิบาลโลก 3.การธำรงไว้ซึ่งลัทธิพหุภาคีนิยมเป็นเส้นทางพื้นฐานสำหรับธรรมาภิบาลโลก 4.การยึดมั่นในแนวทางที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง คือ ค่านิยมของธรรมาภิบาลโลก และ 5.การยึดมั่นในแนวทางที่มุ่งเน้นการปฏิบัติจริงเป็นหลักการสำคัญของธรรมาภิบาลโลก
"แนวคิดธรรมาภิบาลโลกที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เสนอไว้ ได้ชี้ทิศทางที่ชัดเจน เปิดพื้นที่ใหม่ให้ความร่วมมือระหว่างจีน-ไทยก้าวหน้าอย่างมั่นคง เป็นพลังขับเคลื่อนในการสร้างธรรมาภิบาลด้วยการปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อสร้างมาตุภูมิที่สวยงามและสงบสุขต่อไป" เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยระบุ
จ.ตราด มีความเคลื่อนไหวภายหลังทหารไทยเข้ารื้อบ้าน 3 หลังของฝ่ายกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมืองฯ จ.ตราด ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยล่าสุด เพจ Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ โพสต์คลิปความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาพร้อมระบุว่า “เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2025 ทหารไทยสร้างถนนสู่บ้านพลบดัมเรย อ.ทมอดา จ.โพธิสัตว์ ในการพูดคุยทหารเขมรน่าจะมาขอให้ย้ายแนวลวดหนาม แต่ทหารไทยปฏิเสธครับ ฉากหลังมีทหารไทยและยานเกราะล้อยาง 1 คัน ขึ้นไปคุ้มกันส่วนที่ทำถนน”
เขมรโวยทหารรื้อบ้าน 3 หลัง
แหล่งข่าวความมั่นคงเปิดเผยว่า หลังจากที่ทหารไทยได้ทำการรื้อบ้าน 3 หลังพร้อมผลักดันฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่อธิปไตยไทยแล้ว และมีข้อตกลงกันว่าจะไม่มีใครมาอยู่อีก แต่ปรากฏว่าจากการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ขึ้นบินสำรวจพื้นที่ดังกล่าว กลับปรากฏว่ามีทหารฝ่ายกัมพูชากลับเข้ามาในพื้นที่บ้าน 3 หลัง ซึ่ง ฉก.นย.ตราด ได้ตัดสินใจเปิดเส้นทางขึ้นไปยังบ้าน 3 หลังทันทีเพื่อไปตั้งฐานทหาร เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีระยะทางกว่า 4 กม. ระหว่างทางต้องฝ่าทุ่นระเบิดจำนวนมาก จำเป็นต้องสแกนหาทุ่นระเบิดก่อนแล้วใช้เครื่องจักรหนักเปิดเส้นทางไปเรื่อยๆ พร้อมมีรถหุ้มเกราะร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อทหารไทยเปิดเส้นทางใกล้ถึงบ้าน 3 หลัง ปรากฏว่าทหารกัมพูชาทำหนังสือประท้วงไทยอ้างว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และละเมิด MOU 44 ยังไม่สามารถเข้ายึดพื้นที่บ้าน 3 หลังได้ ซึ่งการประท้วงของกัมพูชาเป็นการประท้วงครั้งแรกที่อ้างว่าไทยละเมิดข้อตกลง แต่กลับกันฝ่ายไทยประท้วงเป็นหลายร้อยครั้งกลับไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายกัมพูชาเลย
ขณะที่ นายเพ็ญ โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา อ่านแถลงการณ์ตอบโต้ฝ่ายไทยที่อ้างหมู่บ้านเปรยจันและหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอไบชัน อำเภอโอวโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งกองทัพไทยได้วางลวดหนามฝ่ายเดียว และใช้รถปรับพื้นดินรื้อถอนพื้นที่ดังกล่าว และปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดอยู่ในพื้นที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้วของไทย โดยระบุว่า เขตแดนระหว่างกัมพูชาและไทยเป็นเขตแดนระหว่างประเทศตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญา ค.ศ.1907 ซึ่งรวมถึงแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 และเสาหลักเขตแดนที่ได้รับการยอมรับ 74 หลัก ซึ่งติดตั้งมานานกว่าศตวรรษ เส้นแบ่งเขตแดนนี้ยังคงมีผลทางกฎหมายและได้รับการคุ้มครองภายใต้บทบัญญัติของกฎบัตรสหประชาชาติ รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงฝ่ายเดียว
"คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามข้อตกลงระหว่างกัมพูชาและไทย มีอำนาจหน้าที่ในการสำรวจและกำหนดเขตแดนของทั้งสองประเทศ จนกว่า JBC จะดำเนินงานสำรวจและกำหนดเขตแดนเสร็จสิ้น ขอเรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงเหล่านี้ และให้ทั้งสองฝ่ายรอให้ JBC แก้ไขปัญหาชายแดน รวมถึงหลีกเลี่ยงการยั่วยุใดๆ ที่อาจยกระดับความตึงเครียด" นายเพ็ญกล่าว
โฆษกรัฐบาลกัมพูชากล่าวว่า แม้รัฐบาลกัมพูชาจะใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างที่สุดในการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง เพื่อป้องกันการปะทะด้วยอาวุธที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและประชาชนทั้งสองฝ่าย แต่รัฐบาลกัมพูชาขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนตามอนุสัญญา สนธิสัญญา และกฎหมายระหว่างประเทศ
วันเดียวกัน นายซอ บอมซู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากคณะกรรมาธิการบริหารรัฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ปรินซ์ เรียลเอสเตท กรุ๊ป (Prince Real Estate Group) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือด้านอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มดังกล่าว ได้ระบุที่ตั้งของสำนักงานในเกาหลีใต้ไว้บนเว็บไซต์ทางการ โดยอยู่ในย่านซุนฮวา-ดง เขตจุง ใจกลางกรุงโซล แต่หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับใช้รหัสกัมพูชา และที่อยู่ดังกล่าวเป็นเพียงสำนักงานให้เช่า และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าทางกลุ่มบริษัทมีการดำเนินธุรกิจจริงในสถานที่นั้นหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ ก็พบว่าไม่สามารถติดต่อได้
"หากกลุ่มบริษัทนี้มีการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจในเกาหลีจริง ก็อาจมีความเป็นไปได้ว่า อาจมีเงินทุนที่มาจากอาชญากรรมไหลเข้าสู่ประเทศ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องมีการสอบสวนและตอบสนองอย่างเป็นทางการ" สส.ซอระบุ
ทั้งนี้ ปรินซ์ กรุ๊ป ถูกระบุเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการค้ามนุษย์ที่ล่อลวงชาวต่างชาติด้วยการประกาศรับสมัครงานปลอม รัฐบาลสหรัฐและสหราชอาณาจักรได้ประกาศคว่ำบาตรปรินซ์ กรุ๊ป และนายเฉิน จื้อ ประธานบริษัท โดยให้เหตุผลว่า กลุ่มบริษัทดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างประเทศ ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในกัมพูชา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ว่า นายโช ฮยอน รมว.การต่างประเทศเกาหลีใต้ จัดการประชุมทางไกลอิเล็กทรอนิกส์กับเจ้าหน้าที่ประจำสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ในกัมพูชา เวียดนาม ไทย ลาว และเมียนมา โดยเน้นย้ำถึงความพยายามและความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการจัดการกับอาชญากรรมออนไลน์ ที่มุ่งเป้ามายังชาวเกาหลีใต้ โดยเตือนว่าความเสี่ยงของปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชาอาจแพร่ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและไทยได้ สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ทุกแห่งในภูมิภาค ต้องเพิ่มความระมัดระวัง และการจับตาเรื่องนี้ในระดับสูงสุด
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้มีแผนจัดตั้งกลไกความร่วมมือระดับทวิภาคีกับกัมพูชาก่อนเป็นประเทศแรกในภูมิภาค เพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมการหลอกลวงออนไลน์ หรือสแกมเมอร์
เอ็นจีโอดาหน้าป้อง 'อังคณา'
ด้านมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรณีการข่มขู่คุกคามนางอังคณา นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และสมาชิกวุฒิสภา หลังจากที่นางอังคณาได้แสดงความคิดเห็นและข้อกังวลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยหวังให้ กสม.เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ยุติการสร้างความเกลียดชัง
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมระบุว่า ในฐานะองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่ปฏิบัติงานร่วมกับกลุ่มผู้เสียหายจากการบังคับสูญหาย จึงยื่นเรื่องร้องเรียนถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) คำร้องหมายเลข กก.894/2568 โดยเรียกร้องให้ กสม.ตรวจสอบและทำรายงานเสนอแนะทุกภาคส่วน เพื่อยุติการสร้างความเกลียดชัง โดยเฉพาะขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนรับผิดชอบต่อการนำเสนอข้อมูลที่สร้างความเกลียดชัง ขณะเดียวกัน หน่วยงานวิชาชีพสื่อควรมีบทลงโทษที่เหมาะสมต่อสื่อมวลชนที่กระทำการผิดจริยธรรมและจรรยาบรรณสื่อ ละเมิดสิทธิมนุษยชน สร้างความเกลียดชัง และลดทอนความเป็นมนุษย์ต่อนางอังคณาและครอบครัว
"การแสดงความคิดเห็นและตั้งคำถามต่อการทำงานของรัฐและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา เป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนในรัฐพึงกระทำได้ ดังนั้นการข่มขู่คุกคามและการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่เกิดขึ้นกับคุณอังคณา จึงเป็นสิ่งที่มิควรเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด" มูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าว
นายฟูอาดี้ พิศสุวรรณ อดีตที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีที่โลกออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ที่ให้ความเห็นเรื่องการเปิดเสียงผีที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เป็นกำลังใจให้คุณอังคณา พอดีเพิ่งสอนและอภิปรายกับนักศึกษาในคลาสเรื่องสงครามแห่งอนาคตและศีลธรรมไปเลย ประเด็นการใช้เสียงเป็นอาวุธ (ในลักษณะที่เกิดขึ้นจริง) ถือเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน เพราะเป็นการโจมตีแบบ indiscriminate คือไม่เลือกเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง ผู้ได้รับผลกระทบอาจเป็นพลเรือน และที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นอาจรวมถึงเด็ก คนชรา หรือผู้ป่วย ซึ่งตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศถือเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการคุ้มครองและยกเว้นจากการโจมตี การกระทำใดๆ ในสงครามจึงจำเป็นต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและอยู่ภายใต้หลัก distinction และ proportionality อย่างเคร่งครัด
ส่วนสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ปกป้องนางอังคณา และขอให้ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยระบุตอนหนึ่งว่า มีความกังวลและห่วงใยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ด้วยเราตระหนักถึงคุณค่าของหลักสิทธิมนุษยชน ความยุติธรรม และการเคารพความเห็นต่างในสังคม เราขอออกแถลงการณ์เพื่อประกาศจุดยืน สนับสนุนและปกป้องคุณอังคณา นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ที่มีความกล้าหาญและยึดมั่นในหลักการมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้ ในวันที่ 18 ต.ค.68 จะมีการเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เวลา 10.00 น. เพื่อยื่นคำร้องต่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เพื่อให้ดำเนินการตามหน้าที่ตามกฎหมายในการคุ้มครองสองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นางอังคณา และนายสุณัย ผาสุข นักวิชาการอาวุโสจากองค์การฮิวแมนไรต์วอตช์ (Human Rights Watch) จากการคุกคามและข่มขู่เอาชีวิต
ส่วนนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ กล่าวถึงกรณีการเปิดรับบริจาคเงินจากประชาชนของมูลนิธิ “กันจอมพลัง ช่วยสู้” เพื่อนำไปช่วยเหลือภารกิจป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา ทางคณะกรรมการฯ จะมีการตรวจสอบลงลึกไปถึงในระดับมูลนิธิหรือไม่ว่า เรากำลังจะขยาย แต่ขอไม่พูดถึงเรื่องของการตรวจสอบองค์กรภาคเอกชน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่จะต้องตรวจสอบต่างหากว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ ซึ่งอาจจะรวมถึงสมาคม สถาบัน และบริษัทต่างๆ ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
"กรณีของคุณกัน จอมพลังนั้น ผมมองว่าองค์กรภาครัฐของเราทำงานอ่อนแอ เมื่อทำงานอ่อนแอภาคเอกชนก็แข็งแรงกว่าคล่องตัวกว่า โดยไม่มีข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม การเปิดรับบริจาคเงินจากประชาชนในนามมูลนิธิ หากยื่นภาษีถูกต้องตามกฎหมายก็ถือว่าไม่มีปัญหา ขอให้โปร่งใส เปิดเผย ตรวจสอบได้" นายวิชากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กัน จอมพลัง โพสต์เฟซบุ๊ก "กันจอมพลัง ช่วยสู้" พร้อมแนบหลักฐานการยื่นแบบและชำระภาษีออนไลน์ ยืนยันตั้งแต่มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ เริ่มก่อตั้ง มีการแจ้งข้อมูลพร้อมเอกสารให้สรรพากรตรวจสอบทุกรายการและจ่ายภาษี โดยมีอยู่ในระบบของหน่วยงานอย่างถูกต้อง ไม่มีการหลบเลี่ยงภาษี
พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ลงพื้นที่ตรวจแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังสุรนารี เพื่อตรวจความก้าวหน้าการก่อสร้างหลุมหลบภัยและหลุมบุคคลภายใต้กองทุนหทัยทิพย์ รวมถึงติดตามแผนการสร้างกำแพงรั้วชายแดน จำนวน 6 จุด ตามลำดับความเร่งด่วน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง

