“กรวีร์” ไม่ติดใจ หาก ปธ.กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญมาจากพรรคอื่น “ชลน่าน” บอกเตรียมชงชื่อ “ชูศักดิ์” เข้าชิง “จาตุรนต์” อ้างร่างหลัก ปชน.แล้วประธานควรมาจากต่างพรรค จับตาประชุมสภาสูงเคาะชื่อ 2 กกต.ใหม่หรือไม่ กลุ่มอิสระโดดขวาง อ้างหมิ่นเหม่ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 185
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2568 นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดประชุม กมธ.นัดแรก ในวันจันทร์ที่ 20 ต.ค. เพื่อเลือกบุคคลในตำแหน่งต่างๆ และวางกรอบเวลาทำงานว่า พรรค ภท.ยังไม่ได้หารือว่าจะส่งใครดำรงตำแหน่งประธาน กมธ. และไม่ติดใจที่ กมธ.จากพรรคการเมืองอื่นจะได้รับตำแหน่งประธาน กมธ. เพราะมองว่ามี กมธ.หลายคนที่มีความเหมาะสม ทั้งนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) หรือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรค พท. และเมื่อใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาชน (ปชน.) เสนอเป็นหลักในการพิจารณา หากได้ กมธ.จากพรรค ปชน.ทำหน้าที่ประธานอาจเข้าใจในเนื้อหาสาระได้ครอบคลุม
“หากร่างที่ กมธ.พิจารณาเนื้อหาหลักเป็นฉบับที่พรรค ภท.เสนอ แน่นอนว่าเราต้องเสนอชื่อคนให้เป็นประธาน กมธ. แต่ขณะนี้ไม่ใช่ร่างของพรรค จึงไม่ติดใจหากประธาน กมธ.จะเป็น สส.พรรคอื่น และสิ่งสำคัญจากนี้คือการรักษาบรรยากาศการทำงานร่วมกันใน กมธ.ดีกว่า” นายกรวีร์กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีการไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ที่สังคมยังกังวล กมธ.จะพิจารณาอย่างไร นายกรวีร์กล่าวว่า ต้องคุยในชั้น กมธ. ซึ่งร่างของพรรค ภท.เขียนล็อกไว้ในเนื้อหาว่าไม่แก้ไข ดังนั้นต้องใช้เวที กมธ.พูดคุย ซึ่งเท่าที่ดูท่าทีของพรรค พท.ไม่ได้ขัดแย้งในประเด็นดังกล่าว เพราะหากอยากเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้จริง สิ่งที่เป็นเงื่อนไขขัดแย้งหรือนำไปสู่ความล้มเหลวของการแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่อยากให้มี
ขณะที่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรค พท.เตรียมเสนอชื่อนายชูศักดิ์ให้ดำรงตำแหน่งประธาน กมธ. เพราะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม กมธ.ในวันที่ 20 ต.ค. ว่าจะเลือก กมธ.ดำรงตำแหน่งใดบ้าง นอกจากนั้นยังมีประเด็นต้องพิจารณาถึงกรอบเวลาการทำงาน เพราะมีเวลาจำกัด 1 เดือนเท่านั้น ขณะที่เนื้อหายังมีประเด็นที่สำคัญที่เห็นต่างในรายละเอียด เช่น กลไกของการยกร่างรัฐธรรมนูญว่าจะใช้สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพรรค ปชน.กำหนดให้มี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งแยกส่วนจาก ส.ส.ร. นอกจากนั้นคือขั้นตอนหลังจากที่ยกร่างแล้วเสร็จว่าต้องนำร่างรัฐธรรมนูญส่งให้ ส.ส.ร.หรือรัฐสภาพิจารณาเห็นชอบหรือไม่ เป็นต้น
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พรรค ปชน.เตรียมเสนอชื่อนายณัฐวุฒิ บัวประทุม เป็นประธาน กมธ. ซึ่งนายณัฐวุฒิก็เป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในทางกฎหมาย รวมทั้งมีประสบการณ์มากในการทำหน้าที่ กมธ. แต่หากจะพิจารณาจากการที่เรากำลังจะใช้ร่างของพรรค ปชน.เป็นร่างหลัก ก็มีเรื่องน่าคิดอยู่เหมือนกัน ทั้งเรื่องที่มาของ ส.ส.ร. และคณะ กมธ.ยกร่างฯ รวมทั้งเมื่อ ส.ส.ร.พิจารณามาแล้วจะให้รัฐสภาพิจารณามากน้อยเพียงใด
“เมื่อยังมีประเด็นที่มีความเห็นแตกต่างกันมากๆ อยู่อย่างนี้ การให้ประธานมาจากพรรคที่เป็นเจ้าของร่างหลักก็อาจทำงานด้วยความไม่สบายใจ โดยเฉพาะเมื่อมีความเห็นต่างจากร่างหลักแล้วประธานต้องสรุป ก็อาจจะวางตัวลำบาก เมื่อเป็นอย่างนี้การให้ผู้ที่ไม่ได้มาจากพรรคที่เป็นเจ้าของร่างหลักน่าจะดีกว่า และในแง่ตัวบุคคลเราก็มีความพร้อม เช่นอาจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล ซึ่งนอกจากเป็นนักกฎหมายแล้วยังทำงานเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมายาวนานอีกด้วย” นายจาตุรนต์กล่าว และว่า การเลือกประธาน กมธ.ในวันจันทร์นี้ น่าจะใช้วิธีหารือกันนอกรอบเพื่อให้ได้ข้อสรุปเสียก่อน จะดีกว่าการใช้วิธีลงคะแนนในที่ประชุม แต่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้เป็นประธาน กมธ. เชื่อว่าพรรค พท.พร้อมเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วันเดียวกัน มีรายงานว่าในการประชุมวุฒิสภาวันจันทร์นี้ 20 ต.ค. มีวาระการประชุมที่น่าสนใจคือการประชุมลับเพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 2 คน ตามที่คณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธานคัดเลือกส่งชื่อมา ประกอบด้วย นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อดีตปลัดกระทวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เกษียณอายุราชการเมื่อปี 2563 ในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และและนายณรงค์ รักร้อย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่เกษียณอายุเมื่อปี 2566 และก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ว่าฯ อุทัยธานีถึง 3 ปี ซึ่งอุทัยธานีเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคภูมิใจไทยที่มีบ้านใหญ่ตระกูลไทยเศรษฐ์
สำหรับการเลือกและเห็นชอบ กกต. 2 เก้าอี้นี้เพื่อไปแทนนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และนายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต. ที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ
แหล่งข่าวจาก สว.สายสีน้ำเงินกล่าวว่า ยังไม่มีสัญญาณพิเศษใดๆ ในการโหวตวันจันทร์นี้ จึงยังไม่ทราบแน่ชัดว่ารายชื่อทั้งสองคนจะได้รับเสียงเห็นชอบจากที่ประชุม สว.หรือไม่ หรือว่าจะผ่านแค่ชื่อเดียว และอีกชื่อไม่ผ่าน หรือจะไม่เห็นชอบเลยทั้ง 2 ชื่อ แต่คาดว่าก่อน 10 โมงเช้าคงมีสัญญาณออกมาก่อนการประชุม สว.จะเริ่มต้นขึ้น
ทั้งนี้ หาก สว.เห็นชอบรายชื่อนายอนันต์ และนายณรงค์ ก็จะทำให้ กกต.ต้องจัดประชุมเลือกประธาน กกต.คนใหม่แทนนายอิทธิพร ที่สำคัญมีงานสำคัญรออยู่ 2 สองเรื่อง ก็คือการเตรียมพร้อมจัดการเลือกตั้ง สส.ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.2569 โดยเฉพาะการรับรองผลการเลือกตั้ง สส.หลังการเลือกตั้ง รวมถึงการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเรื่องยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชาด้วย รวมถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาสำนวนการสอบสวนคดีฮั้วการเลือก สว.
ทางด้านความเคลื่อนไหวของ สว.อิสระ พบว่า นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย ได้เสนอญัตติด่วน ส่งถึงประธานวุฒิสภา เรื่องขอให้วุฒิสภาชะลอการพิจารณาเรื่องด่วนการให้ความเห็นชอบ กกต.ดังกล่าว จนกว่าจะมีคําตัดสินเป็นที่ยุติในคดีที่ สว.จํานวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้อง
โดยนายเทวฤทธิ์ระบุในญัตติตอนหนึ่งว่า ศาลรัฐธรรมนูญและ กกต.ต่างเป็นองค์กรที่มีอํานาจหน้าที่ในการสืบสวนไต่สวนหรือพิจารณาคดี ที่ซึ่ง สว.จํานวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้อง ในส่วนของคดี สว.จํานวนมากตกเป็นผู้ถูกกล่าวหามีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 ของสํานักงาน กกต.ได้สืบสวนสอบสวนและจัดทําสํานวนคดีเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาตามระเบียบและขั้นตอนของสํานักงาน กกต. ดังนั้นเพื่อเป็นหลักประกันในกระบวนการดําเนินคดีของศาลรัฐธรรมนูญและ กกต.ที่ สว.ตกเป็นผู้ถูกร้องและผู้ร้องจํานวนมากในขณะนี้จะดําเนินการไปโดยอิสระ เป็นกลาง ปราศจากการแทรกแซง ผู้ทําหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดีจึงไม่ควรมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคู่ความในคดี โดยเฉพาะการให้ความเห็นชอบผู้เข้ามาดํารงตําแหน่งดังกล่าวเพิ่มเติมในขณะนี้ อันจะทําให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความยุติธรรมหรือความเป็นกลางต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งต่อ สว.และทั้งสององค์กรข้างต้นได้ ดังเจตนารมณ์ที่ปรากฏเป็นนัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 185.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถอดบทเรียนห้ามเกียร์ว่าง คนละครึ่งฯช่วยน้ำท่วมใต้
"บวรศักดิ์" ถก "สตง." วางกรอบตรวจจ่ายเงินในภาวะฉุกเฉิน ชง ครม.ใช้หลักการเดียวกันทั่วประเทศกรณีภัยพิบัติ
หนุนคนแก่ออม หักลดหย่อนภาษี สูงสุด8แสนบาท
นายกฯ มอบ “เอกนิติ” ประชุม คกก.เศรษฐกิจ รับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big Win
นร.นอกระบบ ร่วมน้อมรำลึก พระพันปีหลวง
พระราชวงศ์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย "พระพันปีหลวง" นักเรียนการศึกษานอกระบบเข้ากราบพระบรมศพฯ
สส.แห่โชว์กึ๋นจัดการกัมพูชา
พรั่งพรูพรรคการเมืองระดมมันสมอง นำเสนอวิธีจัดการกับกัมพูชา "หัวหน้าเท้ง" การสงครามก็เก่ง สวมบทขงเบ้งแนะวิธีปิดเกม
ทวงคืนหลายพื้นที่! ยึดปราสาทคนา-รุกคืบตาควาย-พลีชีพ1เจ็บ18/รบ.ไม่เจรจา
ศึกชายแดนไทย-กัมพูชาระอุ! เขมรเปิดแนวรบตั้งแต่ตีห้าในหลายพื้นที่ทั้ง “อุบลฯ-สุรินทร์-ศรีสะเกษ-บุรีรัมย์-สระแก้ว”
มั่นใจ‘ชาวหาดใหญ่’ใช้ชีวิตปกติ
"มท.3" สั่งทุกหน่วยระดมกำลังเร่งฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วม ตามเป้า “7 วันกลับบ้าน 14 วันสะอาด” ห่วง 11-14 ธ.ค.ฝนถล่มซ้ำ

