‘ณัฐวุฒิ’นั่งปธ.กมธ.แก้รธน. ทสท.ชงขออภัยคดีม.112

"ณัฐวุฒิ บัวประทุม" ผงาดนั่งประธาน กมธ.แก้ รธน. "เพื่อไทย" ส่ง "ชูศักดิ์" ชิงแต่วืด เตรียมถกนัดแรก 22 ต.ค.นี้ เคาะประชุมทุกพุธ-พฤหัสบดีเต็มวัน ตั้งคณะทำงานศึกษาข้อเห็นต่างก่อนเสนอชุดใหญ่ "สว." ลงมติท่วมท้นเห็นชอบ "อนันต์-ณรงค์" 2 กกต. "ทสท." เสนอสูตรสมานฉันท์คดี ม.112 แก้ ป.วิ.อาญา เปิดช่อง "ขอพระราชทานอภัย" หวังลดความขัดแย้ง

ที่รัฐสภา วันที่ 20 ตุลาคม มีการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 156 มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1

โดยเมื่อเริ่มประชุมนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม วาระการเลือกพิจารณาตำแหน่งต่างๆ การเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งประธาน ซึ่งมีผู้เสนอชื่อชิงตำแหน่ง 2 คน คือ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เสนอชื่อนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ขณะที่พรรคเพื่อไทยโดยนางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย  ซึ่งเป็นการลงคะแนนลับในใบลงคะแนน

โดยผลปรากฏว่า ที่ประชุมเสียงข้างมากเลือกนายณัฐวุฒิให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีรายงานว่าคะแนนห่างกันประมาณ 10 คะแนน

จากนั้นที่ประชุมยังได้เลือกตำแหน่งรองประธานทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ สส.ชัยภูมิ พรรคภูมิใจไทย เป็นรองประธานคนที่ 1, พันตำรวจเอก ทวี  สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นรองประธานคนที่ 2  และนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. เป็นรองประธานคนที่ 3 ขณะที่นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี พรรคประชาชน  เป็นเลขานุการ

ส่วนโฆษกกรรมาธิการมีทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว., นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว., นางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน และนายเอกพร รักความสุข สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคเพื่อไทย

เมื่อเสร็จสิ้นวาระการเลือกตำแหน่งต่างๆ ที่ประชุมได้พิจารณาถึงกรอบระยะเวลาการประชุมต่อเพื่อกำหนดวันประชุมต่อไป ซึ่งจะเริ่มประชุมในวันพุธที่ 22 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น. และในสัปดาห์ถัดไปจะนัดประชุมทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี โดยเริ่มประชุมเวลา 9.00 น.ทุกวันในทุกสัปดาห์  ก่อนจะปิดสมัยการประชุมสภาในวันที่ 31 ต.ค.นี้

ต่อมา น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ในฐานะโฆษก กมธ. แถลงว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณากรอบการประชุมว่าช้าที่สุดจะไปถึงวันไหน และกำหนดวันประชุม เนื่องจากเรามีข้อจำกัดเรื่องเป้าหมายที่อยากทำให้เสร็จในสมัยประชุมนี้ ทำให้เวลาค่อนข้างจำกัด  ที่ประชุมได้มีข้อสรุปให้มีการตั้งคณะทำงาน ซึ่งจะมีทั้ง สส., สว.และกฤษฎีกา รวมทั้งผู้เสนอทั้ง 3 ร่างเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ได้ข้อสรุปในประเด็นที่มีข้อสงสัย หรือประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม เป็นการทำงานร่วมกันเพื่อให้การประชุมรวดเร็วขึ้นก่อนที่จะเสนอ กมธ.ชุดใหญ่

น.ส.พนิดากล่าวต่อว่า ในวันพุธที่ 22 ต.ค.นี้จะเป็นการประชุมในช่วงเช้า เป็นการกำหนดสาระสำคัญหลักๆ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดในรายมาตรา เพราะรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาที่สำคัญมากที่ยังมีความไม่เข้าใจตรงกันในหลายๆ เรื่อง ทั้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเจตนารมณ์หลักของแต่ละร่างที่เราต้องมาพิจารณากัน และในสัปดาห์ถัดไปจะประชุม 2 วันคือวันพุธและพฤหัสบดี

ด้านนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะโฆษก กมธ.  กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาเฉพาะวาระ 2 เพราะหากรอเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค.อาจจะไม่ทัน ดังนั้นเมื่อเปิดสมัยประชุมแล้วก็จะพิจารณาเฉพาะวาระ 3 อย่างเดียว

ขณะที่นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวถึงกรณีที่มีความกังวลในการเรื่องการโหวตวาระ 3 ว่า คงต้องดูว่าร่างที่จะผ่านในวาระ 2 เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องดูในการประชุม กมธ.ก่อนว่าหน้าตาของร่างจะออกมาเป็นอย่างไร

วันเดียวกัน ในการประชุมวุฒิสภาที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม  ได้พิจารณาวาระให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 2 คน  ภายหลังคณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ที่มี พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. เป็นประธานได้พิจารณาแล้วเสร็จ

จากนั้นได้เสนอชื่อนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายณรงค์ รักร้อย อดีตผวจ.อุทัยธานี ให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณา

จากนั้นเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อรายงานผลการตรวจสอบประวัติผู้ได้รับการเสนอชื่อ ก่อนที่ประชุมจะลงมติให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต.ทั้ง 2 คน

โดยนายอนันต์ได้คะแนนเห็นชอบ 137 คะแนน ไม่เห็นชอบ 1 คะแนน งดออกเสียง 29 ขณะที่นายณรงค์ได้คะแนนเห็นชอบ 135 คะแนน ไม่เห็นชอบไม่มี และงดออกเสียง 32 คะแนน ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คะแนน

นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้านที่รัฐสภาว่า พรรคไทยสร้างไทยเตรียมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. .... ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาในวันที่ 21 และ 22 ตุลาคมนี้ ในการประชุมวิปฝ่ายค้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรค ได้ชี้แจงถึงการสงวนคำแปรญัตติในมาตรา 3/1 ของร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขฯ ซึ่งตนได้สงวนคำแปรญัตติ โดยมีสาระสำคัญเพื่อเปิดทางให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญส ที่คดียังไม่ถึงที่สุด สามารถขอพระราชทานอภัยได้โดยมีเงื่อนไข เพื่อเป็นแนวทางคลี่คลายปัญหาและสร้างบรรยากาศแห่งความสมานฉันท์ในสังคม

"ได้มีการพูดคุยนอกรอบกับสมาชิกหลายพรรค และเห็นพ้องว่าแนวทางการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ขอพระราชทานอภัย โดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่กลับมากระทำความผิดอีก เป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน  โดยเฉพาะต่อกลุ่มเยาวชนที่อยู่ระหว่างต่อสู้คดี ซึ่งควรได้รับประโยชน์และโอกาสจาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อลดความตึงเครียดทางสังคม แนวทางดังกล่าวไม่ใช่การยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงมาตรา 112 แต่เป็นการใช้ “กลไกพระราชทานอภัย” เพื่อสร้างทางออกอย่างสันติ ลดความขัดแย้ง และฟื้นฟูความไว้วางใจในสังคมไทย ผ่านการปรับแก้ไข ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งพรรคจะนำเสนออย่างเป็นทางการในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขฯ วันที่ 21-22 ตุลาคมนี้" นายชัชวาลกล่าว

นายชัชวาลกล่าวด้วยว่า แนวทางของพรรคตั้งอยู่บน หลักคิดสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ ธำรงพระเกียรติยศตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 คือองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และอภัยโดยมีเงื่อนไข คือผู้ขอพระราชทานอภัยต้องสำนึกในความผิด และให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำซ้ำ เพื่อเป็นหนทางแห่งการปรองดองและสมานฉันท์อย่างแท้จริงในสังคมไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.