“อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะประชุมสแกมเมอร์นัดแรก เตรียมดันเข้าที่ประชุม ครม. 21 ต.ค.ชงเป็นวาระแห่งชาติ ใช้ยาแรงตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตทันที "ปอยเปต-เมียนมา" สั่งเพิกถอนสัญชาติ ย้ำไม่ดูชื่อ-ตำแหน่ง ถ้าพฤติกรรมเข้าข่ายฟันไม่เลี้ยง ชี้ยังไม่ตั้ง “วรภัค” คุมตรวจเส้นทางการเงินสีเทา “นายกฯ” บอกต้องเดินหน้าประชุมเจบีซีเพื่อให้มีข้อสรุป ลั่นยึดอธิปไตยและเกียรติประเทศเป็นสำคัญ “โฆษก กห.” หวังขีดเดดไลน์ให้เขมรปฏิบัติตาม 4 เงื่อนไข “มาร์ค” แนะรัฐบาลทำงานเชิงรุกในเวทีนานาชาติ
เมื่อวันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2568 ยังคงมีความต่อเนื่องในปัญหาสแกมเมอร์ระดับโลก โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ปฏิบัติการทลายอาชญากรรมสแกมเมอร์ยังดำเนินต่อไปในกัมพูชา โดยล่าสุดชาวเกาหลีใต้ 10 คนถูกจับกุมเพิ่มเติมในข้อหาหลอกลวงทางไซเบอร์ และช่วยเหลือเหยื่อได้อีก 2 คน
ทั้งนี้ โช ฮยอน รมต.ต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวว่า มีผู้ถูกจับกุมอีก 10 คน และมีผู้ได้รับการช่วยเหลือ 2 คน ซึ่งพลเมืองเกาหลีใต้เหล่านี้ถูกควบคุมตัวได้ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว และจะถูกส่งตัวกลับประเทศในสัปดาห์นี้ โดยรัฐบาลยังค้นหาชาวเกาหลีใต้อีก 80 คนที่สูญหายในกัมพูชา
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มีชาวเกาหลีใต้ประมาณ 550 คน ถูกรายงานว่าสูญหายหรือถูกควบคุมตัวโดยไม่สมัครใจ หลังจากเดินทางเข้ากัมพูชาตั้งแต่ปีที่แล้ว และประเมินว่ามีชาวเกาหลีใต้ประมาณ 1,000 คน อยู่ในกลุ่มผู้ทำงานหลอกลวงในกัมพูชาที่มีทั้งหมดราว 200,000 คน
ปาร์ค ซองจู หัวหน้าสำนักงานสืบสวนแห่งชาติ กล่าวว่า บุคคลที่ถูกส่งตัวกลับประเทศเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ทั้งโดยสมัครใจและไม่สมัครใจ
สำหรับความเคลื่อนไหวในไทยนั้น ในช่วงเช้าที่ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารรื่นฤดี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ ผอ.รมน. เป็นประธานการประชุม กอ.รมน.ครั้งที่ 1/2568
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยภายหลังการประชุมว่า นายกฯ ย้ำให้ความสำคัญและยกระดับกลไกการป้องกันสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ให้ทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ
ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบกระแสข่าว ว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ถามต่อว่า หากพบว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องจริงๆ จะดำเนินการเด็ดขาดหรือไม่ นายกฯ ยืนยันว่า "ต้องเด็ดขาดครับ"
ขณะที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง กล่าวถึงคณะทำงาน Connect the Dots ซึ่งมีนายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.การคลัง เป็นประธาน ว่ามีภารกิจหลักตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มา เพื่อแกะรอยหาความเชื่อมโยงไปถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มมิจฉาชีพ หรือเครือข่ายเงินทุนสีเทา ว่าจะประสานข้อมูลกับคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สแกมเมอร์) และมีการวางเป้าหมายว่ามาตรการต่างๆ ต้องชัดเจนภายในเดือน ธ.ค.นี้
ส่วนที่สำนักงานใหญ่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายตรวจสอบเหตุอันควรสงสัย ว่ามีหน่วยงานราชการและนักการเมืองเอื้อประโยชน์ให้เครือข่ายธุรกิจสแกมเมอร์ข้ามชาติ อันอาจนําไปสู่การทุจริตหรือส่อว่าอาจมีการทุจริตหรือไม่
ดันสแกมเมอร์ชงเข้า ครม.
ในเวลา 16.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) นายอนุทินเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 โดยก่อนเริ่มการประชุมมีรายงานว่านายกฯ ได้ให้ทีมงานนำโทรศัพท์ไปเก็บ และอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะรัฐมนตรีและคณะกรรมการเท่านั้น ไม่อนุญาตให้คนติดตามและเจ้าหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องประชุม
ต่อมาเวลา 18.00 น. นายอนุทินแถลงผลการประชุมว่า เราได้ประชุมร่วมกันเพื่อให้ทุกหน่วยงานได้รับทราบว่า ขณะนี้ปัญหาสแกมเมอร์กลายเป็นปัญหาอาชญากรรมระดับโลก รัฐบาลถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ เพื่อให้ทุกกระทรวงทุกหน่วยงานได้บูรณาการความร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้ และอยากให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐบาลไม่ได้อยู่นิ่งเฉย และมีการสั่งการให้ดำเนินการให้เข้มข้นเพิ่มมากขึ้น
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าสแกมเมอร์บางส่วนมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เท่าที่ทราบมันอยู่ทั่วไป แต่ฐานหลักยังอยู่อีกฝั่งหนึ่งอยู่ วันนี้เลขาฯ กสทช.ยืนยันว่าสัญญาณต่างๆ ที่ส่งไปฝั่งโน้นทางตรงปิดหมดแล้ว ส่วนเขาจะไปอ้อมหรือไปเอาสัญญาณโรมมิงที่ไหนมาใช้ ตรงนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เราต้องขอความร่วมมือกับประเทศต้นทางในกรณีนี้ ก็คงต้องแจ้งกัมพูชา เพราะถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการพูดเรื่องสันติภาพ ว่าเขาต้องดำเนินการ 1 ใน 4 เงื่อนไข คือปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรม
ถามต่อถึงกระแสข่าวตั้งนายวรภัค ธันยาวงษ์ เป็นประธานคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน แกะรอยหาความเชื่อมโยงถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มวิชาชีพ หรือเครือข่ายเงินทุนสีเทา นายกฯ กล่าวว่ายัง ส่วนจะนำเข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 21 ต.ค.นี้หรือไม่นั้น ตอนนี้เรายังมีคณะอนุกรรมการประมาณ 2-3 ชุด หรือไม่เกิน 5 ชุด ซึ่งในที่ประชุมมีการเสนอมาหลายชุดก็พยายามให้รวม แต่เจ้าภาพหลักจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงยุติธรรม, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกระทรวงมหาดไทย โดยแต่ละชุดไปดำเนินการมาและนำมาผนึกกำลังกัน
ถามว่า สรุปมีชื่อนายวรภัคหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มี ยังไม่มีชื่อใครเลย ให้ไปแต่งตั้ง เดี๋ยวอธิบดีกรมการปกครอง ซึ่งเป็นเลขานุการที่ประชุมชุดนี้ จะไปรวบรวมรายชื่อมาให้ เพราะคณะกรรมการชุดนี้แต่งตั้งโดยนายกฯ เป็นผู้พิจารณาชื่อ
เมื่อถามย้ำว่าจะมียาแรงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ยืนยันว่า ถ้าต้องทำการตัดหรือปิดสัญญาณระบบการสนับสนุนพลังงานด้านใด ไม่ต้องขึ้นไปขอแล้ว มีมติครอบคลุมเอาไว้แล้ว โดยหน่วยงานเจ้าสังกัดสามารถหยุดให้บริการ หรือให้การสนับสนุน หรือหยุดซัพพลายของสิ่งที่จะไปทำให้คนทำผิดกฏหมายได้ทันที อันนี้ถือว่าเป็นยาแรง และที่ประชุมได้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตไปแล้วไม่ต้องรอ
ถามว่า นอกจากตัดอินเทอร์เน็ตแล้วจะมีการตัดสัญญาณไฟฟ้าหรืออะไรด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าใช่ ถ้าไปทำให้เป็นการสนับสนุนให้เขากระทำความผิด เราก็ตัดได้เลย และไม่ต้องรอว่าเมื่อไหร่จะประชุม สมช.
ถามต่อว่า มีกี่พื้นที่ในการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้หลักๆ ฝั่งขวาก่อน
เมื่อถามว่า นายกฯ มีการดำเนินการอย่างไรกับกระแสข่าวที่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง นายกฯ กล่าวว่า ถ้ามีข้อมูลหรือมีหลักฐาน หรือมีเส้นทางการเงิน เรามี ปปง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้เขาคอยติดตามเรื่องนี้อยู่แล้ว
ยาแรงถอนสัญชาติ
“ผมยืนยันว่าผมไม่ดูว่าชื่ออะไร ตำแหน่งอะไร ถ้าพฤติกรรมมันเข้าข่ายกับการกระทำความผิดอย่างชัดเจน และถ้ามีหลักฐานของการกระทำความผิดขึ้นมา ไม่ดูชื่อครับ ใครผิดก็ต้องดำเนินการ” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามอีกว่า ในที่ประชุมมีข้อมูลอะไรที่นายกฯ ไม่เคยรู้และทำให้ตกใจบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีคนกระทำความผิดถือสัญชาติไทย แต่ถือสัญชาติอื่นอยู่ด้วย จำได้หรือไม่ที่ไม่ยอมเซ็นสัญชาติให้ใคร เพราะเขาขณะนั้นยังถืออยู่หลายสัญชาติ อย่างนี้เป็นต้นก็มีอยู่ ซึ่งได้สั่งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครองไปดำเนินการคนถือ 2 สัญชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาขอสัญชาติไทยแล้วถือสัญชาติอื่นอยู่ มันไม่ต้องไปดูพฤติกรรมอื่น ตรงนี้ถือว่าผิดอยู่แล้ว ฉะนั้นเราจะถอนสัญชาติเขา อันนี้แรงหรือยัง
เมื่อถามว่า บุคคลดังกล่าวเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เชื่อมโยงและเครือข่ายด้วย
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่ามีข้อมูลของ 7 นักการเมือง จะขอข้อมูลจากฝ่ายค้านหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้ามีข้อมูลเปิดเลยมันจะได้ง่าย ไม่ต้องไปคาดเดาว่าเป็นใคร และไปดำเนินคดีใครผิดๆ ถูกๆ ยิ่งเป็นฝ่ายตรวจสอบ ถ้ามีข้อมูลไม่ต้องรออภิปราย ดำเนินการได้ทันที เปิดเผยส่งรายชื่อนี้มา หรือส่งมาอย่างเป็นทางการก็ได้ รัฐบาลก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว
ด้านนายสิริพงศ์กล่าวถึงการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ว่า ได้ตัดสัญญาณที่ส่งไปยังเมืองปอยเปต กัมพูชา รวมถึงฝั่งเมียนมา ซึ่งมีการร้องเรียนเรื่องสแกมเมอร์ โดยนายกฯ ได้สอบถามเลขาฯ สมช.ถึงสาเหตุว่าทำไมตัดล่าช้าครั้งที่แล้ว โดย สมช.แจ้งว่าต้องรอเข้าที่ประชุม สมช.และมติครั้งนั้นก็มีผลให้ดำเนินการต่อเนื่อง หากมีอีกก็ดำเนินการได้เลย นอกจากนี้นายกฯ ยังให้ กสทช.เป็นผู้ดำเนินการหลัก และต้องไปนำข้อมูลมา ไม่มีการจำหน่ายให้กลุ่มสแกมเมอร์หรือในพื้นที่เฝ้าระวัง ส่วนกลุ่มคนที่เข้าข่ายเกี่ยวพันกลุ่มสแกมเมอร์ที่ตำรวจและ ปปง.เสนอมา ก็ให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาเพิกถอนสัญชาติ เป็นข้อสั่งการนายกฯ
นายอนุทินยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ไทย-กัมพูชา (เจบีซี) สมัยพิเศษ ในวันที่ 21-22 ต.ค.นี้ ขณะที่มีเสียงทักท้วงว่า อะไรที่ดำเนินอยู่แล้วและประเทศไทยไม่ได้สูญเสียประโยชน์ และเป็นสิ่งที่เราสามารถบรรลุสิ่งที่เป็นความต้องการของรัฐบาลไทยและของคนไทยได้ โดยยึดถือเกียรติภูมิของประเทศและอธิปไตยของประเทศเป็นสาระสำคัญ และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสาระสำคัญ เราก็จะดำเนินการไปจนกว่าเราจะหาข้อสรุปได้
ลุยประชุมเจบีซี
“ยังไงก็ต้องมีข้อสรุปใช่ไหม ตกลงจะสู้กันต่อประจันหน้ากัน หรือสรุปว่าต่างคนต่างไป และต่างคนต่างยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน มันต้องมีข้อสรุป มันจะค้างเติ่งแบบนี้ไม่ได้” นายอนุทินกล่าว
นายสิริพงศ์กล่าวว่า การประชุมเจบีซีและคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ นายกฯ ได้รับทราบถึงความห่วงใยและข้อกังวลของประชาชนชาวไทย ที่ว่าการประชุมทั้ง 2 เวทีจะมีความสุ่มเสี่ยงและมีข้อห่วงใยใดๆ หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลคิดว่าการสื่อสารกับประชาชนจึงควรไปในทิศทางเดียวกัน และขอยืนยันว่าในทุกการประชุมไม่ว่าเป็นระดับใด รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายต่างประเทศดำเนินการด้วยการพูดคุยกัน วางแผนอย่างมีกลยุทธ์เพื่อนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน
ด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ในการประชุมที่จะถึงนี้จะหารือและกำหนดแผนที่ชัดเจนรัดกุมมากขึ้น ในการให้ฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติร่วมกับฝ่ายไทย โดยเฉพาะเรื่องการถอนอาวุธหนักบริเวณชายแดน โดยจะกำหนดให้ชัดเจนว่าจะเป็นช่วงเวลาใด ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดซึ่งที่ผ่านมาดูเหมือนขับเคลื่อนช้า ก็จะกำหนดให้ชัดเจนว่าพื้นที่ที่เราต้องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดมีจุดใดบ้างและช่วงเวลาใด รวมถึงการปราบปรามสแกมเมอร์ ก็จะมีแผนและการกำหนดเวลาการปฏิบัติการร่วมกันอย่างชัดเจน โดยการประชุมจะมีประเทศมาเลเซียและสหรัฐอเมริกามาร่วมเป็นสักขีพยาน และมาร่วมสังเกตการณ์ความจริงใจของทั้งสองฝ่าย
ส่วนที่ประชาชนหลายคนกังวลว่า การประชุมเจบีซีจะกระทบเขตแดนของทั้งสองประเทศนั้น นายสิริพงศ์กล่าวว่า นี่คือการสื่อสารของรัฐบาลว่าทำไมยังต้องใช้กลไกเจบีซี เพราะฝ่ายความมั่นคงยังคงยึดหลักสันติวิธี หากมีการรุกล้ำอธิปไตยเราก็โต้ตอบตามที่นายกฯ เน้นย้ำไว้เสมอ ซึ่งเรายังคงใช้หลักสันติวิธีก่อน โดยให้ฝ่ายที่มีหน้านี้พูดคุยกันในการเจรจาต่อรองผ่านกลไกเจบีซี ไม่ได้ทำให้เราเสียดินแดนต่อพื้นที่ของไทย แต่พื้นที่ใดที่ยังไม่ตกลงกันต้องมีการพูดคุย เพราะเจบีซีไม่ใช่ข้อสรุป แต่เป็นหนึ่งในกลไกการเจรจา
มาร์คจี้ทำงานเชิงรุก
ขณะเดียวกัน ที่กระทรวงการต่างประเทศ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล รวมตัวกันเพื่อมายื่นหนังสือถึงนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เพื่อเรียกร้องให้ยกการประชุมเจบีซีที่จะมีขึ้นในวันที่ 21-22 ต.ค.นี้ และเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 43-44 เพราะมองว่าไม่เกิดประโยชน์กับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากหน่วยงานราชการในประเทศถือแผนที่คนละฉบับ
ที่ทําการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า กองทัพปฏิบัติภารกิจได้ดี และได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งการเมืองก็ควรให้การสนับสนุนด้วย แต่ปัญหาชายแดนและความมั่นคงนั้นแก้โดยกองทัพไม่ได้ ต้องแก้ควบคู่ไปกับเรื่องการทูตและนโยบายการต่างประเทศ รวมถึงการสร้างความเข้าใจที่ดี สิ่งที่เรากังวลคือ ทิศทางของรัฐบาลในขณะนี้ยังขาดความชัดเจน เนื่องจากนําเรื่องข้อตกลงไปผูกกับการจัดทําประชามติ เรายังอยากเห็นการทํางานในเชิงรุก
“หลายท่านคงจําได้ว่า มีภาพผมไปรับประทานอาหารกับท่านนายกฯ ผมว่าท่านคงไม่ว่าอะไร คงเล่าได้ ซึ่งผมฝากท่านไว้ว่าระมัดระวังนะ กัมพูชาใช้ทุกเวทีระหว่างประเทศ เราอย่าตั้งรับอย่างเดียว เราต้องทําเชิงรุกมากขึ้น เพราะการรุกจะทําให้กองทัพทํางานได้ง่ายขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีการทําประชามติยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ว่า หากจะยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ โดยการตัดสินจากประชาชนหรืออะไรก็แล้วแต่ ทางเลือกคืออะไรในกรณีที่ไม่มี MOU ยังไม่ได้ยินว่ารัฐบาลให้ทางเลือกนี้ ซึ่งคิดว่าจะเป็นธรรมกับสังคมและประชาชน หากมีการทําประชามติ ไม่เพียงแต่แค่ยกเลิก แต่ต้องรู้ว่าถ้ายกเลิกแล้วจะเดินไปแบบไหนอย่างไร ประชาชนจะได้ตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้นว่าควรเดินในรูปแบบใหม่ หรือใช้ข้อตกลงเดิม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อนุทิน’ เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง ข้าราชการการเมือง 1 ราย
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๔๕/๒๕๖๘ เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ


