กกต.ประกาศพร้อมจัดเลือกตั้งควบประชามติ ขอเวลาทำงาน 75 วัน ขีดเส้นส่งคำถามแรกไม่เกิน 13 ม.ค.69 มั่นใจ 5 ทุ่มรู้ผลทุกหน่วย สภายืนไว้อาลัย "พล.ต.ท.วิโรจน์" ถึงแก่อนิจกรรมในวัย 91 ปี "จุลพันธ์” นำทัพ “เพื่อไทย” สู้เลือกตั้ง ‘ประเสริฐ" รีเทิร์นนั่งเลขาฯ “สุทิน” ปัดทิ้ง พท. จวกพวกไม่หวังดีปล่อยข่าว "สว.สำรอง" ร้องศาลฎีกาฯ สั่ง สว.น้ำเงิน 136 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้ กกต.ส่งสำนวนคดีฮั้วภายใน 7 วัน
ที่โรงแรมเซ็นทาราไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการเตรียมการเลือกตั้งว่า กกต.มีความพร้อมจัดเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป และการออกเสียงทำประชามติไม่ว่าจะทำพร้อมกันหรือไม่ ถ้าจัดพร้อมกันใช้หน่วยเดียวกัน โดย กกต.ขอเวลา 75 วัน โดยนับย้อนจากในวันที่ 29 มี.ค.2569 ตามที่รัฐบาลกำหนดไทม์ไลน์ไว้ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทำความเข้าใจและจัดเวทีแสดงความคิดเห็นของฝ่ายที่เห็นต่าง แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบจำนวนคำถามประชามติ ซึ่งจะส่งผลต่อการบริหารจัดการของ กกต. ทั้งเรื่องจำนวนบัตร กระดานนับคะแนน หากคำถามมากจะใช้กระดานนับคะแนนมาก หากบริหารจัดการดีสามารถจัดคำถามให้อยู่ในบัตรเดียวได้จะลดจำนวนกระดานลง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีคำถามส่งมาให้ กกต.กี่หน้า โดยขอให้พอสมควร เพื่อให้ กกต.เกิดความเข้าใจ และใช้เวลาในการจัดพิมพ์ ให้ความรู้แก่ประชาชนในการตัดสินใจ โดยไม่มีการชี้นำ รวมถึงจัดเวทีให้คนเห็นต่างแสดงความเห็นโดยไม่ชี้นำ ซึ่ง กกต.จะต้องรับมือกับการพูดเรื่องประชามติในเวทีหาเสียง และพูดหาเสียงบนเวทีประชามติ โดยจะต้องบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งควบคู่กับกฎหมายประชามติ แต่หากรัฐสภาส่งคำถามแรกมาที่ กกต.ช้า อาจทำให้การออกเสียงประชามติและการเลือกตั้ง สส.ไม่สามารถจัดในวันเดียวกันได้ แต่ข้อดีของการออกเสียงพร้อมกัน คือประหยัดงบประมาณแน่นอน
นายแสวงกล่าวถึงเรื่องงบประมาณที่สูงขึ้นว่า เพราะมีจำนวนผู้มีสิทธิ์เพิ่มเป็น 53 ล้านคน จำนวนหน่วยเลือกตั้งต้องหาใหม่ เพราะมีการเพิ่มการทำประชามติควบคู่ไปด้วย โดยจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 แสนหน่วย จากเดิมมี 9 หมื่นหน่วย รวมถึงต้องมีการเพิ่มวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ประมาณ 14 คนต่อหน่วย ทั้งนี้ ตั้งเป้าบริหารจัดการให้จบในเวลา 23.00 น. รวมๆ แล้วต้องทำงานนานกว่า 17 ชั่วโมง จึงต้องมีการเพิ่มค่าตอบแทนให้ด้วย ฉะนั้นโดยสรุปงบกว่า 90% จะลงไปตรงนี้หมด และครั้งนี้กฎหมายให้คนไทยในต่างประเทศออกเสียงประชามติด้วย ไม่เป็นภาระประชาชน มาวันเดียวก็ได้ออกเสียงไปเลย และอาจจะได้ความชอบธรรมมาด้วย เพราะสถิติการเลือก สส.มีเปอร์เซ็นต์ผู้มาใช้สิทธิ์สูง อย่างครั้งที่แล้วมาใช้สิทธิ์กว่า 75% ส่วนการเลือกตั้งอย่างอื่น มีผู้มาใช้สิทธิ์ประมาณ 60% เท่านั้น”
เลขาธิการ กกต.กล่าวอีกว่า เรื่องการกำหนดวันนั้นยังไม่มีการกำหนด แต่สิ่งที่ กกต.ทราบคือ เรามีความพร้อมในการจัดเลือกตั้งพร้อมการทำประชามติ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้จะมีความชัดเจน ซึ่งต้องหารือกับนายกฯ อีก 1-2 ครั้ง ส่วนตอนนี้ที่คนพูดกัน เพราะว่ามีการทำ MOA ว่าจะมีการยุบสภาในวันนั้นวันนี้เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า วันเลือกตั้งจะมีบัตร 3 ใบ คือบัตรลงคะแนน สส.เขต สส.บัญชีรายชื่อ และบัตรประชามติ จากเดิม 4 ใบหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เรื่องนี้ยังตอบตอนนี้ไม่ได้ แต่ต้องเอาประชาชนเป็นหลัก คือไม่เพิ่มภาระประชาชน ไม่ทำให้เกิดบัตรเสีย ยกตัวอย่างคำถามประชามติครั้งที่ 1 กับครั้ง 2 นั้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าให้ทำรวมกันได้ กับเรื่อง MOU ก็รวมได้ ซึ่งจะประหยัดงบแน่ๆ กว่า 55 ล้านบาท แต่สิ่งที่จะคิดตามมาคือ ประชาชนจะสับสนหรือไม่ เพราะมีคำถามเยอะ ซึ่งในช่วงการขาน การอ่าน 4 คำถามก็ต้องมี 4 กระดาน ดังนั้นเรากำลังประเมินว่าอะไรจะดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ กกต.ขอเวลา 75 วัน ในการเผยแพร่ให้ความรู้ประชาชน เพื่อจัดเลือกตั้งพร้อมลงประชามติ ดังนั้นเท่ากับว่าผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรัฐสภาต้องส่งคำถามประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญให้กับคณะรัฐมนตรี และส่งให้ กกต.ก่อนวันที่ 13 ม.ค.2569 หรืออย่างช้าสุดไม่เกินวันที่ 28 ม.ค.2569 ซึ่งยังอยู่ในกรอบเวลา 60-150 วัน ของกฎหมายประชามติ 2568
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี กกต. เร่งรัดให้รัฐบาลส่งคำถามในการทำประชามติภายในวันที่ 13 ม.ค.69 หากจะเลือกตั้งในวันที่ 29 มี.ค.69 ว่า ยังมีเวลา รัฐบาลเอา 60 วันตรง เพราะ 1.ยังไม่เห็นตัวร่างรัฐธรรมนูญ 2.เรื่องเอ็มโอยู 2543-2544 ซึ่งจะเชิญนักวิชาการที่รู้จริง ไม่ใช่กูรูในสื่อ มาคุยกับหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม จึงไม่อาจบอก กกต.ได้ว่า คำถามจะเสร็จในเวลาที่ กกต.ปรารถนาหรือไม่ แต่จะคุยกับ กกต.เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ข้อมูลประชาชนได้เข้าใจง่ายที่สุด
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้แจ้งว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นผลให้สมาชิกภาพ สส.สิ้นสุดลง ตามมาตรา 111 (2) ของรัฐธรรมนูญ และได้ขอให้ สส.ร่วมยืนไว้อาลัยแด่ พล.ต.ท.วิโรจน์ ที่ถึงแก่อนิจกรรม ระหว่างการเป็น สส. เป็นเวลา 1 นาที จากนั้นนายไชยาแจ้งว่า ทำให้ปัจจุบันมี สส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 492 คน องค์ประชุมต้องไม่น้อยกว่า 246 คน
สำหรับ พล.ต.ท.วิโรจน์เคยเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยเสียชีวิตอย่างสงบในวัย 91 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ในการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จากแคนดิเดตที่มีการเปิดรายชื่อก่อนหน้านี้ 2 คน คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พท. และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พท.นั้น
ล่าสุดค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า สส.พรรคเพื่อไทย สนับสนุนให้นายจุลพันธ์เป็นหัวหน้าพรรค เนื่องจากมีความโดดเด่นในการทำงานสภาฯ และมีความรู้ ความสามารถด้านเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาหลักของประเทศอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งการตอบคำถามสื่อมวลชนฉะฉาน จะเป็นประโยชน์ต่อพรรคในการดีเบตระหว่างการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นช่วงต้นปีหน้า ขณะที่เลขาธิการพรรค จากเดิมที่มีชื่อนายสรวงศ์ เทียนทอง อดีตเลขาธิการพรรค จะเปลี่ยนให้นายสรวงศ์ขึ้นไปเป็นรองหัวหน้าพรรคแทน แล้วดึงนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตเลขาธิการพรรค ในช่วงปี 2563 จนถึงการเลือกตั้งปี 2566 กลับมาเป็นเลขาธิการพรรคอีกครั้ง
ในส่วนของรองหัวหน้าพรรค คาดว่าจะมี 10 กว่ารายชื่อ โดยมีทั้งผู้อาวุโสในพรรคและคนรุ่นใหม่ อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ, นางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.แรงงาน, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม., นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ ขณะที่นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ อดีตที่ปรึกษานางมนพร เป็นเหรัญญิกพรรค และนายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นนายทะเบียนพรรค
ด้านนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธข่าวที่จะยื่นลาออกจาก พท.และไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า ไม่เป็นความจริง เคยชี้แจงไปชัดเจนแล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ยังยืนยันว่ายังคงทำงานอยู่กับพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าคนที่ปล่อยข่าวเป็นผู้ไม่หวังดีกับตนและพรรค โดยในวันที่ 31 ต.ค. จะเข้าร่วมประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อใช้สิทธิ์เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ด้วย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มีภารกิจจะต้องขับเคลื่อนพรรคต่อไป เราใช้แนวคิดที่เรียกว่า ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย นั่นหมายถึงการปรับเปลี่ยนเรื่องของพรรคด้วย และแนวคิดนโยบายต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศ ขณะนี้ได้เตรียมการหลายอย่างในเรื่องนโยบายไว้แล้ว ส่วนตัวเลข สส.ที่ตั้งเป้าในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น เคยพูดไว้ว่า 200 บวก-ลบ
ที่ศาลฎีกา พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว พร้อมตัวแทน สว.สำรอง 10 คน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อขอให้วินิจฉัยให้ถอดถอนและมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 136 คน โดยระบุว่า เนื่องจาก กกต.ใช้เวลาค่อนข้างนานในการพิจารณาคดีการฮั้ว สว. เกินกว่าที่กำหนด จากการประกาศผลเลือกตั้งเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2567 จึงขอเรียกร้องความเป็นธรรมและความยุติธรรมเพื่อให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาสั่งการไปยัง กกต.ว่าให้สรุปและนำสำนวนทั้งหมดส่งมายังศาลฎีกาฯ ภายใน 7 วัน และขอให้ สว.กลุ่มดังกล่าวหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แสวง' ขอ 15 วันรู้แน่ประชามติรัฐธรรมนูญวันไหน!
'แสวง' ติวเข้มข้อกฎหมายตัวแทนพรรคการเมือง เตรียมพร้อมเลือกตั้ง - ประชามติ หวังทำถูกต้อง คาด 15 วันรู้วันทำประชามติ
พิลึก! กกต.บอกทำเกินกฎหมายปมตรวจสอบนโยบายหาเสียงพรรคการเมือง
'แสวง' ย้ำชัดไม่มีเลื่อนวันเลือกตั้ง ถึงมีเหตุตูมตามยังเปิดคูหาได้ วางแผนรับสถานการณ์พิเศษไว้แล้ว พร้อมเข้มตรวจสอบนโยบายหาเสียงพรรคการเมือง
เลขาฯกกต. แจงพร้อมจัดทำประชามติวันเดียวกับเลือกตั้ง เตือนหาเสียงแก้รธน.ได้แต่ห้ามชี้นำ
'แสวง' แจงพร้อมจัดทำประชามติพร้อมวันเลือกตั้ง เตือนพรรคการเมืองหาเสียงแก้รธน.ได้แต่ห้ามชี้นำ ส่วนเวทีประชามติห้ามหาเสียง หากล้ำเสี่ยงผิดกม.
ดีเอสไอส่งฟันแก๊งคุกVIP ‘ปปช.’เร่งสอบล่าตัวการ
“ดีเอสไอ" สรุปสำนวนสืบสวน “คดีคุกวีไอพีจีนเทา” ส่ง ป.ป.ช.ดำเนินคดี ม.157
คุก2ปีอดีต‘สส.ส้ม’สด.43เก๊
ศาลอาญาสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา "จิรัฏฐ์" อดีต สส.ปชน. ใช้ใบ สด.43 ปลอม
‘เฟส2’รออนุทินคัมแบ็ก คลังพับแผนกระตุ้นศก.
เอวัง “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” นายกฯ บอกชัดรอคัมแบ็กเป็นรัฐบาลปกติค่อยเดินหน้าต่อ

