สืบพระราชปณิธาน เสด็จฯทอดพระเนตรโขน ธำรงนาฏศิลป์ทรงคุณค่า

“ในหลวง-พระราชินี” ทอดพระเนตรการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ  รอบปฐมทัศน์ ตอน “สัตยาพาลี” สืบสานพระราชปณิธานพระพันปีหลวง กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ   พสกนิกรทั่วไทยเข้าถวายสักการะ   

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พุทธศักราช  2568 เวลา 19.33 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน สัตยาพาลี ซึ่งจัดขึ้นเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขน เพื่อสืบทอด ธำรงนาฏศิลป์อันทรงคุณค่าของชาติให้คงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิฯ  เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

การนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายธนวพรรษ โตกระโทก (ผู้แสดงองคต) เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเด็กชายรพี สิทธิชัย (ผู้แสดงองคตกุมาร) เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และ  พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล รองประธานกรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ  ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประธานกรรมการอำนวยการ โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กราบบังคมทูลถวายรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดการแสดงโขนรอบปฐมทัศน์เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน สัตยาพาลี  พร้อมทั้งกราบบังคมทูลเชิญทอดพระเนตรการแสดงรำหน้าพาทย์ถวาย โดยคณะครูอาวุโส  ทอดพระเนตรการแสดงรำอาศิรวาทรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ทอดพระเนตรวีดิทัศน์เบื้องหลังการจัดการแสดงโขนรอบปฐมทัศน์ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน สัตยาพาลี และทอดพระเนตรการแสดงตามลำดับ

เมื่อจบการแสดง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต กราบบังคมทูลเบิกผู้แทนคณะทำงาน และนักแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เข้าเฝ้าฯ  รับพระราชทานช่อดอกไม้ ตามลำดับ

 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชเสาวนีย์ว่า “ไม่มีใครดูแม่จะดูเอง” นำไปสู่การจัดแสดงโขนหน้าพระที่นั่งตามภูมิภาคต่างๆ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ทรงอุปถัมภ์และพระราชทานทุนทรัพย์สนับสนุนการศึกษาพัฒนาเครื่องแต่งกายและการแต่งหน้าโขน ให้เหมาะสมกับแบบแผนโบราณ ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขนอย่างเอาพระราชหฤทัยใส่ทุกมิติ มีพระราชเสาวนีย์ให้รวบรวมครูผู้เชี่ยวชาญและศิลปินหลายท่านศึกษาค้นคว้าศาสตร์และศิลป์ที่เป็นภูมิปัญญาของการจัดแสดงโขน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ฟื้นฟูจัดสร้างเครื่องแต่งกาย ศิราภรณ์ หัวโขน และเครื่องประดับทุกชนิดของโขนขึ้นมาใหม่อย่างสวยงาม  ปรับปรุงวิธีการแต่งหน้าโขน โดยให้ศึกษาวิธีการแต่งหน้าโขนที่เปิดหน้าให้สวยงามเหมาะสมกับการแสดงบนเวทีสมัยใหม่ ส่งเสริมนักเรียนและนักศึกษาผู้ใฝ่ใจในการแสดงโขนให้มีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น พระราชเสาวนีย์นี้จึงก่อให้เกิดช่างฝีมือรุ่นใหม่ขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งช่างทำหัวโขน ช่างทอผ้า ช่างปักสะดึงกรึงไหม ช่างเงิน ช่างทอง ช่างแกะสลัก ช่างเขียน และช่างแต่งหน้าโขน ผู้มีความเข้าใจในศิลปะและจารีตนิยมของโขนอย่างถ่องแท้ และส่งเสริมให้ครูผู้เชี่ยวชาญโขน ฝึกฝนเยาวชนรุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อสืบทอดการแสดงโขนต่อไป

สำหรับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน สัตยาพาลี จะจัดแสดงขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน-8 ธันวาคม 2568  ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 07.18 นาฬิกา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศ ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหาร และทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์พระพิธีธรรมสวดอภิธรรม  แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา จากนั้น เสด็จไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารหน้าพระแท่นพระนพปฎมหาเศวตฉัตร แล้วทรงคมที่หน้าพระโกศพระบรมศพ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ

จากนั้น เวลา 10.40 น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี  เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ   พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง

 ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศ ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์พระพิธีธรรมสวดอภิธรรม แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา จากนั้น เสด็จไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วทรงคมที่หน้าพระโกศพระบรมศพ แล้วเสด็จกลับ

วันเดียวกัน ที่อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ศาลาสหทัยสมาคมฯ และเต็นท์สนามหญ้าข้างอาคารลูกขุนใน พระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวังเปิดให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์พระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมลงนามถวายความอาลัย ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.

ตลอดทั้งวันมีสมาชิกราชสกุล มูลนิธิ องค์กรการกุศล นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั้งที่มาเป็นครอบครัวและมาเป็นหมู่คณะ ชาวต่างประเทศ แต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ เข้าถวายสักการะพร้อมลงนามถวายความอาลัยเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์พระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อย่างเนืองแน่นด้วยความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกของพสกนิกรชาวไทยตลอดมา โดยเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังมอบพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และภาพการประดิษฐานพระบรมศพบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทให้แก่ประชาชน

นายโยซูเกะ อิวาซากิ ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเดินทางมากับครอบครัว กล่าวว่า เคยมากราบสักการะถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9  เมื่อ 9 ปีที่แล้ว กระทั่งสมเด็จพระพันปีหลวงสวรรคต ตั้งใจมากราบสักการะและลงนามถวายความอาลัยด้วยความรักและเทิดทูนพระองค์เป็นอย่างสูง 

ด้านนางอายาโกะ อิวาซากิ ภรรยา กล่าวว่า  ชื่นชอบและประทับใจในพระอัจฉริยภาพด้านแฟชั่นและศิลปวัฒนธรรมของพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก ทำให้ผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของชาวบ้านท้องถิ่นต่างๆ เป็นที่รู้จักและชื่นชอบในหมู่ชาวญี่ปุ่นและนานาชาติ ทรงส่งเสริมศิลปะการแสดงโขนที่มีความสวยงามตระการตา ทำให้ตนและสามีรักเมืองไทยและสนใจศึกษาเรียนรู้เรื่องราวเมืองไทยและพระราชกรณียกิจ

นางวิยะดา จิวานนท์ ชาว กทม. กล่าวว่า  สมัยเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ มีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จฯ ทรงร่วมงานของโรงเรียน ทรงพระดำเนินมาจับแก้มของดิฉัน ทรงทักทายอย่างไม่ถือพระองค์ ประทับใจในพระราชจริยวัตรอันงดงาม และติดตามข่าวในพระราชสำนักอยู่เสมอ  ทำให้รู้ว่าพระองค์ทรงช่วยเหลือราษฎรผู้ทุกข์ยากทั่วประเทศ จึงอุทิศตนเข้าทำงานที่มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์หลายปี จากนั้นติดตามสามีไปทำงานที่สาธารณรัฐประชาชนจีนและญี่ปุ่น

“วันนี้ที่เดินทางมากราบสักการะและถวายความอาลัยเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระพันปีหลวง และได้รับพระฉายาลักษณ์เป็นที่ระลึก จะนำไปสักการบูชา ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้เราทำความดีต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด” นางวิยะดากล่าว

นางสุพร สังฆะภิบาล นักแสดงอาวุโส กล่าวว่า นัดหมายกับเพื่อนเพื่อมาถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์พระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และร่วมน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เมื่อทางสำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบพระบรมศพ จะเดินทางมาอีกครั้ง มีความรู้สึกปลาบปลื้มใจต่อสมเด็จพระพันปีหลวงเป็นอย่างมาก เพราะเห็นพระองค์ทรงงานหนักตั้งแต่ยังเด็กผ่านข่าวในพระราชสำนักที่ดูทุกคืน พระราชกรณียกิจด้านต่างๆ ของพระองค์ นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างท่วมท้นต่อชาวไทย

 “เรื่องที่ประจักษ์ชัดที่สุดในสายตา คือการที่พระองค์เสด็จฯ ไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ยากไร้ เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่มาก เห็นแล้วก็รู้สึกว่าความลำบากที่เราได้รับในชีวิตไม่ได้เสี้ยวหนึ่งที่พระองค์ทรงลำบากเพื่อคนไทยเลยแม้แต่น้อย ทรงเป็นต้นแบบความอดทน ความเข้มแข็ง และความเสียสละ ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย” นางสุพรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยึด‘ตาควาย’ได้100%

“นายกฯ” นัดถก สมช. 16 ธ.ค. ย้ำต้องปะทะเพื่อหยุดปะทะ ลั่นพื้นที่ที่เราสถาปนาชัดเจนอยู่แล้วว่าตรงไหนต้องเป็นของเรา