กราบพระบรมศพ4ช่วง

"ในหลวง-พระราชินี"      เสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ “พระพันปีหลวง”     กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สำนักพระราชวังกำหนดเส้นทาง-ช่วงเวลาให้ ปชช.เข้าถวายสักการะ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท รองประธานประเทศ สปป.ลาว วางพวงมาลาถวายพระเกียรติสูงสุด

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน เวลา 19.13 น.    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง      

ในโอกาสนี้ เจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย

เมื่อเสด็จฯ ถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ   พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ต่อจากนั้น เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นเตียงพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก   ณ มุขเหนือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แล้วประทับพระราชอาสน์

เมื่อพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมครบ 4 จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงทอดผ้าไตรพระราชาคณะ 1 รูปที่ถวายอดิเรก และพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 8 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าพระโกศ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ แล้วเสด็จลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ กลับ

วันเดียวกัน เวลา 07.30 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยมีพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ ในการนี้ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรมที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นพระพิธีธรรมจากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และวัดสระเกศ รวม 8 รูป

การบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพฯ  ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในแต่ละวัน จะมีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนิน หรือเสด็จไปในการบำเพ็ญพระราชกุศล จนครบ 100 วัน แต่ละวันมีการสวดพระอภิธรรม โดยพระพิธีธรรมจากพระอารามหลวง 10 แห่ง ได้แก่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, วัดสุทัศนเทพวราราม, วัดจักรวรรดิราชาวาส, วัดสระเกศ, วัดระฆังโฆสิตาราม, วัดประยุรวงศาวาส, วัดอนงคาราม, วัดราชสิทธาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป พระพิธีธรรมแต่ละพระอารามจะใช้ทำนองสวดแตกต่างกัน ปัจจุบันมี 4 ทำนอง คือ ทำนองกะ ทำนองเลื่อน ทำนองลากซุง และทำนองสรภัญญะ

เวลา 11.00 น. หม่อมเจ้านภดลเฉลิมศรี  ยุคล เสด็จไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงเป็นประธานในพิธีรับพระราชทานภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นพระพิธีธรรม จากวัดสุทัศนเทพวราราม 4 รูป และจากวัดอนงคาราม 4 รูป

4 ช่วงเวลากราบพระบรมศพ

สำนักพระราชวังประกาศแจ้งเรื่อง การถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ว่า ตามที่สำนักพระราชวังได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายหลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลครบ 15 วัน โดยจะเปิดให้เข้ากราบถวายบังคมทุกวัน เวลา 09.00-21.00 น. เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย.2568 เป็นต้นไปนั้น

สำนักพระราชวังกำหนดให้ประชาชนสามารถเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯ ใน 4 ช่วงเวลา ดังนี้ ช่วงที่ 1 เวลา 08.00 น.-10.45 น., ช่วงที่ 2 เวลา 12.00 น.-16.45 น., ช่วงที่ 3 เวลา 17.45 น.-18.30 น. และช่วงที่ 4 เวลา 19.45 น.-21.00 น. 

สำหรับการแต่งกายของผู้ที่จะมากราบสักการะพระบรมศพฯ ในครั้งนี้ ทางสำนักพระราชวังได้ขอความร่วมมือให้ทุกคนโปรดแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์ (สีดำ, ขาว) เสื้อคอปก ไม่แขนกุด ชุดชาวเขาสำหรับชาวเขา ชุดลูกเสือสำหรับลูกเสือ สุภาพสตรีต้องสวมกระโปรงผ้าหรือผ้าถุงเท่านั้น งดสวมกระโปรงยีนส์หรือกางเกงยีนส์  

การเข้ากราบสักการะพระบรม ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อมาถึงบริเวณท้องสนามหลวง ประชาชนจะต้องผ่านจุดคัดกรอง นั่งรอที่เต็นท์พักคอยที่ กทม.จัดเตรียมเก้าอี้ไว้ให้นั่งพัก จากนั้นเจ้าหน้าที่จิตอาสาจะพาลงไปที่อุโมงค์หน้าพระลาน บริเวณทางเข้าที่ 1 โดยทุกคนจะต้องผ่านการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระ และผ่านเข้าเครื่องสแกนเพื่อถ่ายรูปหน้าเครื่องสแกน เสร็จแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและตรวจสอบเรื่องการแต่งกายให้มีความพร้อมตามระเบียบสำนักพระราชวัง  สำหรับสุภาพสตรีที่ไม่ได้สวมกระโปรงผ้าหรือผ้าถุงมา จะต้องเปลี่ยนผ้าถุงที่จุดมีบริการให้ยืม ผ้าถุงสำหรับสุภาพสตรีที่บริเวณอุโมงค์หน้าพระลาน ทางออก 2 โดยมีขั้นตอนดังนี้ 1.ผู้รับบริการยื่นบัตรประชาชน/พาสปอร์ต ในการลงทะเบียน ณ จุดยืมผ้าถุง อุโมงค์หน้าพระลาน 2.เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนและส่งคืนบัตรประชาชน/พาสปอร์ต ให้ผู้รับบริการ 3.ผู้รับบริการคืนผ้าถุง ณ จุดคืนผ้าถุง บริเวณที่ท่าราชวรดิฐ ทางออกประตูเทวาภิรมย์  

จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่พามาที่บริเวณประตูมณีนพรัตน์ พาเดินเลี้ยวซ้าย เลียบกำแพงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ผ่านห้องจำหน่ายบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวัง แล้วเลี้ยวขวาเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เลี้ยวซ้ายเดินเลียบพระระเบียงวัดฝั่งทิศใต้ ออกประตูศรีรัตนศาสดา เดินผ่านหมู่พระมหามณเฑียร พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้านกำแพงฝั่งทิศตะวันออก ขึ้นกราบพระบรมศพตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สำนักพระวัง เสร็จแล้ว เมื่อลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะเดินออกทางกำแพงแก้วฝั่งทิศตะวันตก เดินออกประตูเทวาภิรมย์ ข้ามไปยังท่าราชวรดิฐ โดยจะมีเจ้าหน้าที่จิตอาสาและเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดรถรางไฟฟ้าให้บริการกลับไปส่งที่สนามหลวง

สำหรับประชาชนที่เดินทางเข้ากราบพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง หลังเวลา 15.30 น. จนถึงเวลา 21.00 น. เมื่อเข้าประตูมณีนพรัตน์ จะเดินเลี้ยวขวา ผ่านแผนกแพทย์หลวง เลี้ยวซ้ายแยกกองรักษาการณ์วิเศษไชยศรี เข้าถนนจักรีจรัล ผ่านประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวขวาหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้านกำแพงฝั่งทิศตะวันออก ขึ้นกราบพระบรมศพตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง เสร็จแล้ว เมื่อลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะเดินออกทางกำแพงแก้วฝั่งทิศตะวันตก เดินออกประตูเทวาภิรมย์ ข้ามไปยังท่าราชวรดิฐ โดยมีจะเจ้าหน้าที่จิตอาสาและเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดรถรางไฟฟ้าให้บริการกลับไปส่งที่สนามหลวง

นอกจากนี้ สำนักพระราชวังแจ้งสำหรับเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพระบรมมหาราชวัง  ซึ่งจะกลับมาเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวและประชาชนอีกครั้ง ระหว่างเวลา 08.30-15.30 น. ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2568 เป็นต้นไปนั้น นักท่องเที่ยวที่จะเข้าชมพระบรมมหาราชวัง ให้เข้าประตูมณีนพรัตน์ เดินเลี้ยวซ้ายเลียบกำแพงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นักท่องเที่ยวต่างชาติซื้อบัตรที่ห้องจำหน่ายบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวัง แล้วเลี้ยวขวาเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เลี้ยวซ้ายเดินเลียบพระระเบียงวัดฝั่งทิศใต้ ออกประตูศรีรัตนศาสดา เดินผ่านหมู่พระมหามณเฑียร พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เลี้ยวขวาออกพระประตูพิมานไชยศรี ไปตามถนนจักรีจรัล เลี้ยวซ้ายแยกศาลาลูกขุน เข้าชมพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสร็จแล้ว เลี้ยวขวาออกประตูวิมานเทเวศร์

ปชช.หลั่งไหลถวายสักการะ

ที่ศาลาสหทัยสมาคมฯ และเต็นท์สนามหญ้าข้างอาคารลูกขุนใน พระบรมมหาราชวัง มีคณะบุคคลจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด  แต่งกายด้วยชุดสีดำไว้ทุกข์ เดินทางมาเข้าถวายสักการะพระบรมศพฯ พร้อมลงนามถวายความอาลัยในสมุดหลวง เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดทั้งวันด้วยความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อความผาสุกของพสกนิกรชาวไทยตลอดมา

โดยเวลา 10.33 น. นางปานี ยาท่อตู้ รองประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และคณะผู้ติดตาม ไปวางพวงมาลาถวายสักการะเบื้องหน้าพระโกศพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เพื่อถวายความอาลัย และพระเกียรติสูงสุด ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง โอกาสนี้ รองประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และคณะผู้ติดตาม ได้ลงนามแสดงความอาลัย ณ อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ด้วย

ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมมิตรภาพ เสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ทวิภาคีอันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมทั้งประชาชนทั้งสองประเทศอีกด้วย

ด้าน นาวาโทสง่า จุลโมกข์ อายุ 88 ปี อดีตหน่วยแยกรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ประจำกรมราชองครักษ์ กล่าวว่า ตนและคณะรวม 7 คน ซึ่งเคยถวายงานรับใช้ด้านรักษาความปลอดภัยมาหลายสิบปี ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ หลังเกษียณอายุราชการแล้ว วันนี้พร้อมใจกันมาถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ 

"นอกจากพระปรีชาสามารถด้านกีฬาเรือใบ ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจน้อยใหญ่ทั้งในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีของไทย ทรงช่วยแบ่งเบาพระราชภารกิจ ทั้งยังมีพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศโครงการพระราชดำริ เกิดประโยชน์มหาศาลแก่ประชาชนจนทุกวันนี้” นาวาโทสง่ากล่าว

ขณะที่ นางวัลงาม นวลอินทร์ ชาวอุบลราชธานี กล่าวว่า ในช่วงวัยเด็กหมู่บ้านของเราเคยได้มีโอกาสรับเสด็จ “สมเด็จพระพันปีหลวง” เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรที่บ้านเกิดของตน ท่านทรงเห็นว่าพื้นที่ที่เราอยู่แห้งแล้งมาก จึงพระราชทานโอ่งน้ำให้แก่ครอบครัวเพื่อใช้เก็บน้ำกินน้ำใช้ได้ตลอดทั้งปี หลังจากนั้น ความเป็นอยู่ของชาวบ้านก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีโครงการต่างๆ เข้าไปช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากของราษฎร  ได้อยู่อาศัยด้วยความร่มเย็นเป็นสุข จวบจนถึงปัจจุบันนี้ ถึงแม้มีระบบชลประทานและระบบน้ำประปาดีขึ้นแล้ว แต่ครอบครัวก็ยังเก็บรักษาโอ่งพระราชทานใบนั้นไว้เป็นที่ระลึก ในวันนี้ตั้งใจเดินทางมากราบสักการะและลงนามถวายความอาลัยสมเด็จพระพันปีหลวง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานความช่วยเหลือพสกนิกรให้กินดีอยู่ดีมีความสุข

 ด้านนายเฮนรี โกะ ชาวเนเธอร์แลนด์ สามีของนางวัลงาม กล่าวว่า ชาวเนเธอร์แลนด์เทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวงเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่การเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีประชาชนชาวฮอลแลนด์ที่ทราบข่าวต่างพากันไปเฝ้าฯ รับเสด็จที่พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัมเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ชาวฮอลแลนด์ยังได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านมาโดยตลอด ส่งผลให้มิตรภาพของสองประเทศแน่แฟ้นเรื่อยมา ครั้งนี้ ตนตั้งใจมากราบสักการะและลงนามถวายความอาลัยเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระพันปีหลวง ด้วยความซาบซึ้งใจ และขอแสดงความเสียใจกับคนไทยทุกคนในการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง