ตรึง‘LPG’สิ้นปี เงินเฟ้อ-0.76% ลดลง7เดือนติด

กบง.ใจป้ำตรึงราคาก๊าซ LPG ถึงสิ้นปี พร้อมเคาะตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด "ทศพร ศิริสัมพันธ์" คุมจัดทำแผน PDP "เงินเฟ้อ" ลดต่อเนื่อง 7 เดือนติดต่อกัน ยันไร้สัญญาณเงินฝืด  ความต้องการยังขยายตัว รวม 10 เดือน ลด 0.09% คาด พ.ย.ยังลงต่อ ส่วนทั้งปีไม่ขยายตัวโต 0% อาจมีแนวโน้มติดลบด้วย

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คงราคาขายส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หน้าโรงกลั่นที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัมอยู่ที่ประมาณ 423 บาท โดยมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.2568 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2568 ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) บริหารจัดการเงินกองทุนให้สอดคล้องกับแนวทางการดูแลราคาก๊าซ LPG ต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน จำนวน 2 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการพยากรณ์และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ มีหน้าที่จัดทำพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าในระยะยาวและจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) เพื่อให้การจัดหาไฟฟ้าระยะยาวมีประสิทธิภาพและมั่นคง สอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กบง. เสนอร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการทั้ง 2 คณะดังกล่าวต่อประธาน กบง. เพื่อลงนามต่อไป

วันเดียวกัน นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือน ต.ค.2568 เท่ากับ 100 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.2567 ลดลง 0.76% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับจากเดือน เม.ย.2568 ที่ลดลง 0.22%, พ.ค.2568 ลดลง 0.57%, มิ.ย.2568 ลดลง 0.25%,  ก.ค.2568 ลดลง 0.70%, ส.ค.2568 ลดลง 0.79% และ ก.ย.2568 ลดลง 0.72% โดยมีสาเหตุหลักมาจากมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนของภาครัฐ ราคาพลังงานตลาดโลกลดลง ส่งผลให้ค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง และมีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด รวมทั้งของใช้ส่วนบุคคล จากการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ส่วนราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก และรวมเงินเฟ้อ 10 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ต.ค.) ลดลง 0.09%

อย่างไรก็ตาม การที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกัน 7 เดือน ยังไม่มีสัญญาณเงินฝืด เพราะสาเหตุหลักที่ฉุดเงินเฟ้อมาจากเรื่องพลังงานที่ลดลง เงินบาทแข็งค่า และยังมีมาตรการภาครัฐที่ดูแลในเรื่องพลังงาน ค่าไฟฟ้า รวมถึงอาหารสดที่ลดลง แต่เมื่อดูในด้านความต้องการหรือดีมานด์ไซซ์ยังขยายตัว ไม่มีปัญหา

นายนันทพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน พ.ย.2568 คาดว่าจะยังคงลดลง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ  เนื่องจากกลุ่มประเทศโอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลมีนโยบายบรรเทาภาระค่าครองชีพผ่านโครงการ Quick Big Win ทั้งการลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเหลือ 30.94 บาทต่อลิตร การปรับลดค่า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2568 เหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย ราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก ผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับราคาห้องพักให้สอดคล้องมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ได้ลดหน่อยภาษี

ทั้งนี้ ต้องจับตาการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว มีแนวโน้มทำให้ค่าโดยสารเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้น และราคาสินค้าเกษตรและเครื่องประกอบอาหารบางชนิดมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า  โดยกระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2568 อยู่ที่ 0.0% แต่ก็ต้องจับตามาตรการรัฐ ทั้งคนละครึ่งพลัส และการใช้จ่ายช่วงเดือน ธ.ค.2568 ว่าจะมีผลต่อเงินเฟ้อมากน้อยแค่ไหน หากไม่มีผล เงินเฟ้อทั้งปีอาจจะขยายตัวติดลบได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.