MOUสงครามสแกมเมอร์ ตั้ง‘ดาต้าบูโร’สกัดเงินเทา

"อนุทิน" กร้าวไม่แฟร์บอกไทยศูนย์กลางฟอกเงิน ลั่นไม่มีมาเฟียคนไหนใหญ่กว่ารัฐบาล จ่อเอ็มโอยู 14 หน่วยงานทำสงครามสแกมเมอร์ “คลัง” ผุดคณะทำงานดาต้าบูโร เช็กลิสต์เส้นทางเงินเทา ขีดเส้น ธ.ค.ได้ระบบกำกับดูแลมาตรฐานสากล ขณะที่ “ธปท.” เพิ่มอีก 2 ดาบคุมสถาบันการเงิน “อัจฉริยะ” หอบหลักฐาน-โชว์แผนผังเส้นเงินบัญชีม้า ปูดปลายทางเข้าถัง ตร.ไซเบอร์ “ปธ.กมธ.มั่นคง” ส่งแบล็กลิสต์ 43 รายห้ามเข้าประเทศ ไม่ท้อยังรอ "ธรรมนัส" ชี้แจง

เมื่อวันพุธ ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย แสดงวิสัยทัศน์ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ในหัวข้อ “Thailand’s Next Frontier : A National Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่” ในรูปแบบการสัมภาษณ์ โดยผู้ดำเนินการถามถึงการปราบปรามสแกมเมอร์ที่เป็นประเด็นร้อนของโลก นายอนุทินกล่าวว่า การจะบอกว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน ไม่ค่อยแฟร์ สแกมเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เราไม่ใช่ศูนย์กลางสแกมเมอร์ แต่อยู่ตรงกลางในรอบประเทศที่ทำสแกม และใช้ประเทศไทยเป็นฐานในเรื่องการฟอกเงิน

นายอนุทินกล่าวว่า สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ในประเทศไทยคือมีกฎหมายที่เคร่งครัดและเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่ที่ต้องตั้งใจที่จะปราบปรามสิ่งนี้ ซึ่งเรามีกลไกต่างๆ เตรียมไว้หมดและทำไปเยอะแล้ว แต่ต้องปฏิบัติในทางลับ จะไปบอกว่าทำอะไรไม่ได้ บอกกับหน่วยงานต่างๆ ว่า หากต้องการเครื่องไม้เครื่องมือ รัฐบาลก็พร้อมสนับสนุน ในเรื่องการเกรงกลัวผลประโยชน์ใดๆ

“ผมยืนยันกับ ผบ.ตร. อธิบดีดีเอสไอ เลขาฯ สมช.ว่าเราเป็นรัฐบาล ไม่มีนักเลงคนไหน ไม่มีมาเฟียคนไหน ขาใหญ่คนไหนที่จะใหญ่กว่ารัฐบาลได้ ในเมื่อรัฐบาลไม่เกรงกลัว ผู้ปฏิบัติก็ต้องไม่กลัวด้วย และเราทำงานเชิงรุก สัปดาห์ที่แล้วมีการถอนสัญชาติขาใหญ่รายหนึ่งที่มีสัญชาติไทย 30 ปี รัฐบาลของผมเข้ามา 3 อาทิตย์ถอนสัญชาติเรียบร้อย” นายกฯ ระบุ

ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทินจะเป็นประธานและร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการประกาศสงครามกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี 14 หน่วยงานภาครัฐร่วมลงนามใน MOU

ผูกดาต้าบูโร

ด้าน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินเพื่อยกระดับการติดตามตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัย ครั้งที่ 1/2568 (เงินเทา) ว่า ได้มีการหารือกรอบ แนวทางเกี่ยวกับช่องทางการเงินที่อาจจะเป็นพฤติกรรมต้องสงสัย ได้แก่ คริปโตเคอร์เรนซี เงินสด ธุรกิจการรับแลกเปลี่ยนเงิน และตลาดทองคำ โดยหากมีพฤติกรรมทางการเงินที่ต้องสงสัยเข้ามาในช่องทางดังกล่าว จะมีหน่วยงานที่กำกับดูแลเข้าไปตรวจสอบทันที เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าธุรกรรมการเงินที่ไหลเข้ามาผ่านช่องทางดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพฤติกรรมการฟอกเงิน

นายเอกนิติกล่าวว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมจึงได้มีการตั้งคณะทำงาน Data Bureau ซึ่งมีหน้าที่ในการเชื่อมโยงข้อมูล และข้อกฎหมายระหว่างทุกหน่วยงานมารวมกันเพื่อใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินต้องสงสัย โดยไม่ต้องแยกให้แต่ละหน่วยงานดูข้อมูลของตัวเอง โดย Data Bureau จะดำเนินการใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การพิสูจน์ตัวตนว่าเป็นใคร บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล เป็นนอมินีหรือไม่ 2.พฤติกรรมต้องสงสัย เช่น แจ้งว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย แต่มีเงินไหลเข้าออกเยอะ หรือแจ้งเป็นนักธุรกิจเข้ามาทำธุรกิจโรงแรม แต่มีเงินไหลเข้าออกผิดปกติ และ 3.ตรวจสอบเรื่องการไหลเข้าออกของเงิน

“ครั้งนี้เราไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะกรณี แต่เราจะแก้ทั้งระบบ โดยจะยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลพฤติกรรมการเงินต้องสงสัยทั้งหมด โดยจะมีการใช้เคสตัวอย่างจากดีอี หรือกระทรวงยุติธรรมมาลองดูว่าเคสตัวอย่างนี้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานไหน บริษัทเป็นใคร นอมินีหรือไม่ มีพฤติกรรมต้องสงสัยหรือไม่ มีเงินไหลเข้าออกอย่างไร ส่วนเรื่องทองคำที่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้กฎหมายไหนในการกำกับดูแล” นายเอกนิติระบุ

นายเอกนิติกล่าวว่า คณะทำงาน Data Bureau ซึ่งมีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย จะเร่งไปหารือในรายละเอียดทั้งหมด และกลับมารายงานภายใน 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน ในการยกระดับการติดตามตรวจสอบเส้นทางการเงินต้องสงสัย โดยเป้าหมายแรกคือ อยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบการกำกับดูแลทางการเงินที่ได้มาตรฐานสากล โดยเฉพาะแฟตเอ็กซ์ (FATF) และยืนยันว่าทุกอย่างจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.2568 จะต้องได้ระบบที่จะกำกับดูแลธุรกรรมการเงินต้องสงสัยของไทยที่มีมาตรฐานหรือดีกว่ามาตรฐานสากล

ด้าน นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่า ดีอีจะมีในเรื่องการหยุดการสร้างใหม่ของพวกบัญชีต่างๆ เรื่องการตัดขั้นตอนริเริ่มกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็น SIM หรือบัญชี และฝ่ายปฏิบัติการตำรวจที่จะมีการทลายกระบวนการเหล่านี้ การทำกฎหมายใหม่เดินในเชิงรุกมากขึ้น และเชื่อว่าทุกฝ่ายดำเนินการอย่างเต็มที่

ด้าน นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้ ธปท.เตรียมจะออกประกาศมาตรการ 2 ส่วนเพิ่มเติม ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 จะออกมาตรการให้สถาบันการเงินภายใต้การกำกับ ติดตามดูแลบัญชีต่างๆ ว่า อะไรที่มีความน่าสงสัยว่าจะเกี่ยวกับพฤติกรรม หรือธุรกรรมที่ไม่พึงประสงค์ หรือเงินเทาทั้งหลาย ซึ่งปัจจุบันเรื่องนี้สถาบันการเงินจะแจ้งให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รับทราบ แต่หลังจากนี้บางส่วนจะขอให้สถาบันการเงินแจ้งมายัง ธปท.ด้วย โดยจะมีการกำหนดรายละเอียดชัดเจนว่า สถาบันการเงินจะต้องทำอะไรบ้าง

ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวว่า ส่วนที่ 2 คือ การเข้าไปตรวจสอบและกำกับหน่วยงาน สถาบันการเงิน หรือที่ได้รับใบอนุญาตจาก ธปท. เช่น ร้านแลกเงิน บริษัทโอนเงิน หรือ e-wallet ต่างๆ ซึ่งจะเข้าไปตรวจสอบในรายละเอียด ที่จะมีความเกี่ยวข้องกับเงินเทา หรือธุรกรรมการซื้อขายทองบางอย่าง ซึ่ง ธปท.อยากเห็นความชัดเจน และความสบายใจว่า ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ปกติอยู่ในนั้น

โชว์ผังเส้นเงิน

ที่รัฐสภา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึงนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม (กธ.) กับพวกที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ และเส้นเงินยาเสพติดและการรับสินบนของตำรวจและข้าราชการท้องถิ่นและการเมือง มูลค่า 2,500 ล้านบาท และการล้มคดีเว็บพนันออนไลน์

โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม ดังนั้น สส.จึงไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองหรือสิทธิพิเศษใดๆ จึงเป็นโอกาสดีที่ต้องเร่งสร้างความกระจ่าง ไม่ว่าจะผิดหรือไม่ผิด อย่างน้อยก็จะได้จบภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะเรียกชี้แจง และให้ความเป็นธรรม แต่ไม่รู้ว่านายชนนพัฒฐ์จะเดินตามรอย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ เพราะไม่เคยมาชี้แจงเลย ซึ่งข้อมูลของนายอัจฉริยะที่มายื่นหากนับรวมกันอาจเกิน 7 คน และเชื่อว่าหากไล่กันมากกว่านี้ อาจมีชื่อมากกว่าที่ปรากฏอยู่ในแผนผังของนายอัจฉริยะ

นายอัจฉริยะกล่าวว่า วันนี้เราเห็นนายกรัฐมนตรีแถลงข่าวปราบสแกมเมอร์ จะปราบได้อย่างไร การแต่งตั้งก็เอาคนที่รับสินบน มีการล้มคดีเกิดขึ้น เวลาจะปล่อยอายัดบัญชี ก็ต้องมีเปอร์เซ็นต์ ให้คนในกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันพัวพันไปถึงการรับเงินเว็บพนัน แล้วมาลงถังกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ รวมถึงหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกหลายหน่วยงาน

วันเดียวกัน นายรังสิมันต์ แถลงผลการประชุม กมธ.ว่า กรณีความเชื่อมโยง BIC กรุ๊ป BIC แบงก์ และนายยิม เลียก โดยภาพรวมเราเริ่มเห็นความคืบหน้า กรณีของนายเบน สมิธ ในเรื่องของการขอสัญชาติ เราได้ข้อมูลมาว่านายเบน สมิธ มีหลายสัญชาติ และขั้นตอนของการขอสัญชาติได้สิ้นสุดลงแล้ว ได้มีการส่งคำร้องกลับไปยังผู้ขอ เนื่องจากมีความพยายามตกแต่งบัญชีการยื่นภาษี ทำให้ไม่สามารถขอสัญชาติได้

บัญชีดำ 43 ราย

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ส่วนกรณีนายก๊ก อาน นายกรัฐมนตรี จะมีการประสานกับกัมพูชาเพื่อให้ส่งตัวนายก๊ก อาน มาดำเนินคดีที่ประเทศไทยอย่างไรต่อไป นายลี ยงพัด ที่ปัจจุบันได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่ามีการถอนสัญชาติ แต่อยู่ในระหว่างการยึดทรัพย์สินต่อไป ขณะที่นายยิม เลียก ทาง ปปง. มีแค่ข้อมูลเก่าว่ามีการยึดอายัดทรัพย์นายยิม เลียก ไปแล้ว แต่เบื้องต้นจะมีการดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้

“หลังจากนี้ กมธ.จะมีการทำหนังสือรายชื่อบุคคลต่างๆ รวมกัน 43 คน ที่เราแบ่งเป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งเรามีข้อมูลและจะส่งไปให้หน่วยงานต่างๆ รวมถึงตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบ และจัดทำเป็นแบล็กลิสต์ว่าเป็นบุคคลที่อาจไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ รวมถึงอาจต้องมีการตรวจสอบความเกี่ยวพันกับแก๊งสแกมเมอร์มากน้อยแค่ไหน ในส่วนของปริ๊นซ์ กรุ๊ป ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ไม่มีความคืบหน้าอะไร นอกจากนี้ผู้ต้องสงสัยเป็นชาวไต้หวัน แต่ความคืบหน้ายังไม่มี” นายรังสิมันต์ระบุ

นายรังสิมันต์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ BIC กรุ๊ป และ BIC แบงก์ ที่เราได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูล เช่น นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีต สว. และนายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีต รมช.การคลัง เข้าให้ข้อมูลนั้น เบื้องต้นเราได้รับความร่วมมือที่ดีเพียงคนเดียวคือนายสถิต ที่เข้าให้ข้อมูล ส่วนนายวรภัคได้ทำหนังสือแจ้งมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เช่นเดียวกับนายอารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม ที่ทำหนังสือชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน แต่เบื้องต้นนายสถิตได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเป็นจำนวนมาก

เมื่อถามว่าสัปดาห์หน้าจะมีการเชิญใครเข้ามาชี้แจงบ้าง นายรังสิมันต์กล่าวว่า จะมีการสรุปและทำหนังสือแจ้งไปอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นนายกฯ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ ที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ส่วนในอนาคตจะมีการเรียกนายยิม เลียก และนางแคทลียา บีเวอร์ ภรรยาของนายเบน สมิธ หรือภรรยาของนายยิม เลียก มาชี้แจงหรือไม่นั้น เราก็ไม่ได้มีการปิดกั้น

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่คุณอนุทินมาพูดวันนี้ว่าเซ็นเช็คเปล่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำไปตามอำนาจ จึงเท่ากับตอกย้ำว่า รัฐบาลจงใจเกียร์ว่าง ไม่มีการสั่งการอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้หน่วยงานราชการไม่กล้าขยับโดยปริยาย เพราะปรากฏเป็นข่าวทั่วไปว่าเรื่องนี้พัวพันกับบุคคลระดับสูงในรัฐบาล ผมจึงขอถามไปยังคุณอนุทินโดยตรงว่าท่านจงใจเกียร์ว่างเพื่อให้เกิดสุญญากาศ เตะถ่วงการสืบสวนเครือข่ายทุนเทาสแกมเมอร์ในไทยหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง