“นายกฯ” ขู่หากฝ่ายค้านยื่นซักฟอก พุ่งเป้าล้างแค้นกัน อาจยุบสภาเร็วขึ้น 1 เดือนก็ไม่ต่างกันข้อตกลง MOA ลั่น “Play it by ear” บอกชัดไม่ให้ใครมาด่าฟรี มั่นใจรัฐบาลทำงานเต็มที่มีผลงาน เผยคุย "กกต." แล้วกำหนดวันเลือกตั้ง ส่วนปมทำประชามติ MOU 43-44 หรือไม่รอผลศึกษา 2 สภาก่อน พร้อมควงภริยาลอยกระทง ขอพรให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง-สงบ-สามัคคี ปัดกินข้าวเคลียร์ "ธรรมนัส" ตั้งธนดล “วิโรจน์” หวัง "อนุทิน" ยุบสภาหลังแก้ รธน.ผ่านวาระ 3 ย้ำ รธน.ปี 60 เป็นโซ่ตรวนขวางพัฒนา แย้มจับมือ “เพื่อไทย” ยื่นซักฟอกได้ หาก รบ.มีความผิดฉกรรจ์ ไม่เอาเป็นเกมการเมือง สวนคืน " จุลพันธ์” วิจารณ์แคมเปญหาเสียง ปชน. "มีเราไม่มีเทา” แนะ พท.ใช้ “มีเพื่อไทยก็มีเทา” ปชป.คึก! “อภิสิทธิ์ ”เปิดโครงการ “สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้” ชวนคนดีร่วมทำการเมืองสุจริตลงสมัคร สส.ปชป. พร้อมเริ่มสร้างพรรคจากศูนย์
ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน วันที่ 5 พ.ย.2568 เวลา 09.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย แสดงวิสัยทัศน์ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ในหัวข้อ “Thailand’s Next Frontier: A National Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่” ในรูปแบบการสัมภาษณ์ ตอนหนึ่งผู้ดำเนินรายการถามว่า จะยุบสภา 4 เดือนตามเอ็มโอเอหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า 4 เดือนคือสิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับพรรคประชาชน (ปชน.) เราเล่นตามกติกา พรรค ปชน.มี สส.มากกว่าเรา แต่เขาไม่มีแคนดิเดตนายกฯ เมื่อต้องเลือกตั้งคืนอำนาจให้ประชาชนจึงเป็นที่มาของ MOA ตนยืนยันตลอดไม่เคยเปลี่ยน มีคนเยอะแยะมาบอกว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนั้นอย่างนี้ เอาเป็นข้ออ้างได้ ตนรับฟังแต่รับรองไม่ปฏิบัติตาม เพราะพรรค ปชน.ทำให้ตนเป็นนายกฯ ตนต้องรักษาสัญญาที่มีไว้ เมื่อครบ 4 เดือนก็ต้องยุบสภา
ถามถึงกระแสข่าวจะยุบสภาก่อนหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ต้องดูสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะอภิปรายโดยวัตถุประสงค์อะไร เราต้องดูไทม์ไลน์กว่าจะยื่นอภิปรายได้สภาเปิดสมัยประชุมเดือน ธ.ค. ตั้งใจยุบสภาวันที่ 31 ม.ค.อยู่แล้ว ตนคงไม่ปล่อยให้ใครมาด่ารัฐบาลเล่นๆ ฟรีๆ หากเป็นเกมการเมือง รัฐบาลสู้เกมการเมืองไม่ได้ก็ยุบสภาไป ห่างแค่เดือนเดียวคงไม่ทำให้เกิดความแตกต่างอะไร
ถามว่า พร้อมกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ นายอนุทินกล่าวติดตลกว่า ก็ดีเหมือนกันเป็นนายกฯ ตอนนี้ตนเป็นนายกฯ แล้ว ตอนที่ยังไม่เป็นยังกลัวๆ กล้าๆ แต่พอเป็นแล้วเห็นสิ่งที่สามารถทำได้ให้กับบ้านเมืองด้วยความเป็นนายกฯ หากเราทำได้ดีจะเป็นยาวเป็นสั้นไม่ได้มีความสำคัญ สำหรับตนเป็นแล้วก็คือเป็นตั้งแต่ปี 47-49 ที่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้วมีรัฐประหาร ตนออกไปจากการเมือง 13-14 ปี คนที่ไม่สนิทกันมากเขาก็เรียกตนเป็นรัฐมนตรีทุกคำ
“วันนี้ต่อให้ผมเป็นนายกฯ 3 เดือน 4 เดือน คนก็เรียกผมว่านายกฯ เหมือนที่ผมเรียกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าท่านนายกฯ แต่อยู่ที่ว่าเวลาที่มีอยู่ทำอะไรให้มันปังไปซักอัน เป็นสิ่งที่เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง เป็นภาพจำ ได้กลับหรือไม่กลับเราก็ถือว่าบอกตัวเองได้แล้วว่าความเป็นนายกฯ ทำสิ่งอะไรไว้” นายอนุทินกล่าว
ซักถึงกระแสข่าวอดีต รมช.การคลังมีเกี่ยวข้องกับเรื่องสแกมฯ นายกฯ กล่าวว่า ท่านถูกครหา แต่ยังไม่ถูกกล่าวหา ยังไม่ได้มีหลักฐานใดๆ และไม่มีหน่วยงานไหนทั้งไทยและต่างประเทศที่ดำเนินคดี แต่เมื่อมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ก็เป็นคนไปบอกให้ท่านลาออก และถ้าท่านไม่ผิดก็คือไม่ผิด จะไปบอกผิดไม่ได้ การใช้กฎหมายในรัฐบาลของตนมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมรูปคดี ไม่ใช่ไปบอกเกลียดคนนี้ไม่ชอบคนนี้ เดี๋ยวคนนี้มาเป็นคู่แข่งทางการเมือง ต้องพยายามเอาเขาออกให้ได้ เหมือนที่พวกตนเคยโดนมา
“ผมแสดงให้เห็นแล้วว่าวันนี้รัฐบาลนี้ ถ้าไม่ใช่ 4 เดือน ไม่นับเวลาของมัน ผมว่าอำนาจมากที่สุด ตั้งแต่มีรัฐบาลมาในรอบ 20 ถึง 30 ปี นายกฯ เป็น รมว.มหาดไทย กำกับดูแลกระทรวงสำคัญทุกกระทรวง และกำกับดูแลหน่วยงานสำคัญทุกกระทรวง ถ้าผมเจ้าคิดเจ้าแค้นสนุกเลย เดือนหนึ่งก็ทำได้แล้ว อย่าว่าแต่ 4 เดือนเลย แทนที่ผมจะเจ้าคิดเจ้าแค้น ผมก็คิดว่าสิ่งเหล่านี้ต้องเปลี่ยน” นายกฯ กล่าว
ยุบสภาไม่มีแผนตายตัว
นายอนุทินให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกรณีหากมีขั้นตอนรวบรวมรายชื่อ สส.ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่เสี่ยงดวงจะชิงยุบสภาก่อนใช่หรือไม่ว่า "Play it by ear" (ไม่มีแผนการตายตัว)" เมื่อถามว่า นายกฯ พูดค่อนข้างที่จะชัดถ้ามีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะดูที่ประเด็นการยื่น หากเป็นเรื่องของการล้างแค้นกันก็จะยุบสภา นายกฯ กล่าวว่า ก็ตอบไปแล้วเมื่อกี้ Play it by ear
พอถามว่า ในฐานะที่บริหารรัฐบาลในระยะเวลาสั้นๆ หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คาดว่าจะถูกอภิปรายเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี และไม่มีอะไรต้องประเมิน เราก็ทํางานอย่างเต็มที่ ทํางานด้วยความตั้งใจ มีความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซักว่าหากไม่ยื่นอภิปรายนายกฯ จะยื่นอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่น นายกฯ ตอบว่า "Play it by ear" เมื่อถามว่า ถ้านายกฯ มั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทําอะไรที่ผิดหรือไม่สุจริต ทำไมไม่เปิดรับการอภิปราย นายกฯ กล่าวว่า "ยังตอบตอนนี้ไม่ได้ ผมถึงบอกว่า Play it by ear"
เวลา 10.50 น. นายอนุทินเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 11.15 น. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดานายอนุทิน ได้เดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อรับประทานอาหารกลางวันกับนายกฯ โดยนายกฯ ลงมารอรับพร้อมด้วยนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมช.สาธารณสุข และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมรอรับด้วย พร้อมกันนี้ นายอนุทินได้พาบิดาชมห้องทำงานและนั่งที่โต๊ะทำงานนายกรัฐมนตรีเพื่อความเป็นสิริมงคล
ต่อมาเวลา 11.57 น. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เดินทางเข้าทำเนียบฯ และขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เข้าพบนายอนุทินเพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวัน โดย ร.อ.ธรรมนัสได้เดินเข้าไปกราบตักนายชวรัตน์ ก่อนรับประทานอาหารร่วมกัน กระทั่งเวลา 13.00 น. นายชวรัตน์ได้เดินทางกลับ มีนายอนุทินพร้อมด้วย น.ส.ธนนนท์ นิรามิษ ภริยา และ น.ส.นัยน์ภัค ชาญวีรกูล บุตรสาว และนายเศรณี ชาญวีรกูล บุตรชายนายกฯ เดินลงมาส่งที่รถ
เวลา 17.00 น. นายอนุทินพร้อมด้วยภริยาเดินเท้าจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังริมคลองผดุงกรุงเกษม บริเวณประตู 8 ทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วยนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี, น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง ทั้งนี้ หลังจากนายกฯ และภริยาร่วมกันลอยกระทง ได้เชิญชวนให้รัฐมนตรีคนอื่นๆ ไปร่วมลอยกระทงด้วย พร้อมกล่าวว่า “เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกฯ ว่าลอยกระทงปีนี้อยากขอพรอะไร นายอนุทินกล่าวว่า ขอทุกวัน ไม่เฉพาะวันลอยกระทง ขอให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง สงบ สามัคคี ขอให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีเงินใช้ทุกวัน มีเก็บมีออม มีความสุข
ถามกรณีการกำหนดวันเลือกตั้ง ได้มีการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วหรือไม่ ว่าจะให้ประชาชนกาบัตรกี่ใบ นายกฯ กล่าวว่า กกต.ได้บอกแล้วว่าจะขอเวลากี่วัน ซึ่งตนจำไม่ได้ ต้องขอไปดูบันทึกก่อน ถ้าเป็นเรื่องของประชามติ ต้องไปดูก่อนว่าจำไม่ได้ว่า กกต.ขอเวลา 60 หรือ 90 วัน เเต่เรื่องนี้ก็ได้คุยกันแล้ว เมื่อถามว่าจะมีเรื่องของการยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 ด้วยหรือไม่ในการทำประชามติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตรงนี้ต้องรอผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการทั้งสองสภาก่อน
ซักถึงการรับประทานอาหารกลางวันกับ ร.อ.ธรรมนัส มีคุยเรื่องการตั้งนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ถูกวิจารณ์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นการหารือเรื่องงาน ข้อราชการ ไม่มีการพูดคุยเรื่องการแต่งตั้งนายธนดล
ปชน.พร้อมจับมือ พท.ซักฟอก
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีนายกฯ อาจยุบสภาก่อนวันที่ 31 ม.ค.69 ว่า เป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกฯ เราก็ทำตามหน้าที่กันไป ในส่วนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญคิดว่าคณะกรรมาธิการที่พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทำเต็มที่ ซึ่งถ้าจะยุบสภาก็ต้องว่ากันไปในสภา สมัยหน้า
ถามว่า แบบนี้จะถือว่าผิดสัญญาใน MOA หรือไม่ เพราะยังแก้รัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ นายวิโรจน์กล่าวว่า อย่างน้อยเราได้พยายาม เราพูดมาตลอดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา ที่พรรคต้องพูดถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ก็เพราะกฎระเบียบของประเทศ จะโอเคหรือไม่ที่ 2 ปีเปลี่ยนนายกฯ 3 คน แล้วจะขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจได้อย่างไร อย่างนโยบายเศรษฐกิจ ที่ตอนนี้กลายเป็นแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งคนละครึ่ง ช็อปช่วยชาติ แต่นโยบายเศรษฐกิจ ต้องพูดถึงการลงทุนในสาธารณูปโภคครั้งใหญ่ กระจายเม็ดเงินสู่ท้องถิ่น
เมื่อถามว่า คาดหวังว่านายกฯ จะยุบสภาหลังจากร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขผ่านวาระ 3 แล้วหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ก็คาดหวัง หากพรรค ภท.เห็นปัญหาเดียวกับเราว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นโซ่ตรวนในการพัฒนาประเทศ ตนก็ตั้งคำถามว่าคนที่ร่างรัฐธรรมนูญปี 60 วันที่ร่างรู้จักปัญญาประดิษฐ์แล้วหรือไม่ ซึ่งคิดว่าเขาไม่เคยคิด
ถามว่า เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ มีโอกาสที่พรรค ปชน.อาจจะไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า หากมีเนื้อหาสาระที่จำเป็นต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคก็พร้อมที่จะยื่น เพราะไม่ได้อยู่ในข้อตกลง MOA หากมีเรื่องที่หนักหนาสากรรจ์หรือประเด็นที่เป็นภัยร้ายต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พรรคก็พร้อมที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และพร้อมที่จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยเอาเนื้อหามาคุยกัน
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องอภิปรายโดยยึดกับเนื้อหาสาระ ถึงความผิดฉกรรจ์ที่รัฐบาลก่อ และเนื้อหาสาระในการอภิปราย เราจะไม่ใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจมาเป็นเกมทางการเมืองหรือเป็นช่องทางระบายความแค้นส่วนตัวของใคร เรายึดเนื้อหาสาระเป็นหลัก หากมีเนื้อหาสาระที่มากพอ ก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ" นายวิโรจน์กล่าว
ถามถึงกรณีหัวหน้าพรรค พท.เตือนถึงแคมเปญรณรงค์หาเสียงของพรรค ปชน. “มีเราไม่มีเทา” ให้ระวังในตอนจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า แล้วพรรค พท.เขาจะเอาเทาหรือ ถ้า พท.ไม่เห็นด้วย ก็ทำแคมเปญได้ว่า “มีเพื่อไทยก็มีเทา” ตนคิดว่าเทาของเราคือในเรื่องของสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ยาเสพติด สแกมเมอร์ การหลอกลวงออนไลน์ ตนเรียกว่าธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ที่เราคิดว่าเงินสกปรกเหล่านี้ ทุนสีเทาเหล่านี้ไม่ควรจะเคลื่อนเข้ามา ยึดกลุ่มประเทศของเรา ผ่านกลไกทางการเมือง จนกลายเป็นนักการเมืองสีเทา
“ขอตั้งคำถามกลับไปยังหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่จริงๆ คิดว่าท่านจะต้องมีความตระหนักมากกว่าใคร เพราะเคยดำรงตำแหน่งถึง รมช.การคลัง ที่รู้ผิดร้ายและภัยความมั่นคงของทุนสีเทาข้ามชาติ เป็นอย่างดี ดังนั้นต้องถามท่านกลับ และให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายมาเลย มีเพื่อไทยมีเทาแน่นอน ก็จะให้ประชาชนเลือกว่าถ้าเลือกเพื่อไทยก็จะเจอทุนเทายึดประเทศ เข้ามาทำลายธุรกิจไทย เข้ามาสร้างนักการเมืองสีเทา ซึ่งข้าราชการสีเทาและบ่อนทำลายประเทศ ถ้าชอบแบบนี้ก็เลือกเพื่อไทย” นายวิโรจน์กล่าว
ที่ จ.ปัตตานี นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรค ปชป. และมีข่าวจะเข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม (กธ.) นั้น ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี และมีโอกาสได้พบกับนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ สส.นราธิวาส พรรค กธ. พร้อมมอบช่อดอกไม้ให้นายเฉลิมชัย เป็นการต้อนรับและส่งสัญญาณถึงการเตรียมร่วมงานทางการเมืองในอนาคตกับกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย กว่า 10 คน นอกจากนี้ยังมีนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ รองหัวหน้าพรรคกล้าธรรม รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ และ สส.นราธิวาส รวมถึง พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา พรรค ปชป., นายยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี พรรค ปชป. ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายเฉลิมชัย ก็ได้มาพบปะพูดคุยและรับประทานอาหารร่วมกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างกันเอง
ปชป.เปิดแคมเปญคัด สส.
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. นำคณะกรรมการบริหารพรรค แถลง Kick-off รับผู้ประสงค์จะยื่นแสดงความจำนงลงสมัคร สส.ในนามพรรค ปชป. ภายใต้ชื่อ "สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ" โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราทําหน้าที่ตามสัตยาบันไปก่อน เพราะ กกต.ยังไม่ได้รับรอง แต่ไม่สามารถรอทุกสิ่งทุกอย่างได้ เนื่องจากเงื่อนไขสภาวะทางการเมืองขณะนี้เราต้องทำงานแข่งขันกับเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นในวันนี้เราจึงตัดสินใจว่าเราจะเริ่มต้นดำเนินการเริ่มโครงการเชิญชวนคนที่มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองให้มาร่วมกับเรา โดยการเสนอตัวสมัครเป็น สส.
"ใครเชื่อเรื่องการเมืองสุจริต ใครที่รู้ตัวเองว่ามีดีในตัว ใครที่รู้ว่าแนวทางที่จะพัฒนาประเทศควรจะเป็นอย่างไร เราเชิญชวนว่า วันนี้เราพร้อมสร้างคน คนสร้างพรรค และพรรคสร้างประเทศ นี่คือแนวทางที่เราจะเดินหน้า เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะทําโครงการที่ใช้คําว่า สส.ที่ดี คุณเองก็เป็นได้นะ วันนี้ประชาชนไม่สามารถคาดหวังว่า สส.ที่ดีจะลอยมาจากที่ไหน และประชาชนอีกจํานวนมากเชื่อว่าไม่ได้ตั้งความหวังกับ สส.ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม ดังนั้นวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ จนถึงวันที่ 30 พ.ย. เราเปิดโอกาสและเชิญชวนคนทั้งประเทศ ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย และมีความตั้งใจที่จะมาทําการเมืองสุจริต มาร่วมกับเรา ยืนยันวันนี้ถ้าทุกคนตอบรับเข้ามาจากทั่วประเทศ ก็ส่งผู้สมัครครบทุกเขตแน่นอน เพราะใจก็อยากส่งครบทุกเขตอยู่แล้ว คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรเป็นพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนทุกคนในประเทศไทย ไม่ว่าจะอยู่ที่เขตเลือกตั้งไหน จังหวัดไหน ภาคไหน” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ถามถึงการรับมือกับการที่เลือดไหลออกจากพรรค หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ตอนนี้ถือว่าตนตั้งต้นจากศูนย์ เพราะยังไม่มีการอนุมัติผู้สมัครท่านใดเลย ใครตัดสินใจอย่างไร เราก็ไม่ว่ากัน เราเคารพการตัดสินใจ แต่ถ้าจะอยู่ที่นี่ ก็ต้องเป็นแนวทางนี้ เราเชื่อว่ามีคนพร้อมจะมาร่วมแนวทางนี้มากเพียงพอ ที่จะทําให้เราเดินต่อได้
“ผมไม่โกหกนะครับ เชิญชวนนี่คือชวนมาเหนื่อย ไม่ได้ชวนมาสบาย เพราะวันนี้ถ้าไม่เหนื่อย บ้านเมืองก็ไม่ดีขึ้น ชวนมาเหนื่อย มาทุ่มเทกับพวกเรา ถึงเวลาแล้ว เราต้องมาทําการเมืองให้ไม่เหมือนการเมืองที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้” หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว
ถามถึงกรณีถูกนิสิตจุฬาฯ ชูป้ายโจมตีกรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 53 ต่อไปอาจจะกลายเป็นปัญหาในเวลาลงพื้นที่อาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถ้าเราใช้สิทธิเสรีภาพอยู่ในขอบเขต เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ ก็พยายามใช้คำอธิบายต่างๆ ถึงเหตุผลข้อเท็จจริง ซึ่งสามารถตรวจสอบ และเห็นต่างกันได้ ย้ำว่าคิดต่างกันได้ วิพากษ์วิจารณ์กันได้ ทุกอย่างอยู่ในขอบเขต ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
วันเดียวกัน กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว และนายธนวัฒน์ ศรีสุข เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งคณะที่ 36 เพื่อขอให้เร่งรัดและดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งในคดีทุจริตการเลือก สว.2567.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


