ไทยจ่อปล่อยตัว 18 เชลยศึกกัมพูชา 12 พ.ย.นี้ "บิ๊กเล็ก" เดินหน้าทวงคืน "ปราสาทตาควาย" ย้ำใช้หลักสันติวิธีก่อน ลั่นไม่สำเร็จอาจจำเป็นต้องใช้กำลัง “แม่ทัพกุ้ง” มั่นใจผู้มีอำนาจในปัจจุบันจัดการได้ ยันทหารไทยทุกเหล่าพร้อมรบ แต่ไม่รบดีที่สุด "ผู้ช่วย ผบ.ทบ." ลงพื้นที่ภาค 2 ให้กำลังใจกำลังพล วัชระยื่น ป.ป.ช.สอบจริยธรรม "นายกฯ หนู" ส่อผิดร้ายแรงกว่า "อิ๊งค์"
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่า ปราสาทตาควายอยู่ในเขตอธิปไตยไทย แต่หากการเจรจาด้วยสันติวิธีไม่สำเร็จ อาจจำเป็นต้องใช้กำลัง แต่ขอยืนยันว่าจะใช้หลักสันติวิธีเป็นอันดับแรกก่อน ผ่านกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) เว้นแต่ว่าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดถึงขั้นต้องใช้กำลังก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
รมว.กลาโหมยังย้ำถึงการเดินหน้าประเด็นความร่วมมือไทย-กัมพูชาว่า ได้ดำเนินการถอนอาวุธหนัก เพราะหากอาวุธหนักยังอยู่ในพื้นที่และเกิดปัญหาพลาดพลั้งใช้อาวุธกัน จะทำให้ประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายเดือดร้อน
ส่วนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เนื่องจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นมีความเจ็บปวด กรณีที่มีกำลังพล เหยียบกับระเบิด สูญเสียขาถึง 6 คน จากการที่ฝ่ายกัมพูชามาวางทุ่นระเบิด จึงได้เน้นย้ำให้ฝ่ายกัมพูชาเร่งเก็บกู้ทุ่นระเบิด แม้ว่าฝ่ายกัมพูชาจะไม่เก็บกู้ในเขตแดนของตนเอง ถือเป็นเรื่องที่คณะผู้สังเกตการณ์ (เอโอที) จะติดตาม แต่ฝ่ายไทยจะต้องสามารถเก็บกู้ได้ในเขตอธิปไตยของไทย
ส่วนการบริหารจัดการชายแดน ต้องพยายามจัดการทวงคืนพื้นที่ที่เป็นของไทยกลับมาภายใต้ข้อตกลงร่วมกันแล้ว โดยใช้กลไกของเจบีซี โดยเฉพาะที่บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ส่วนการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีระยะทาง 798 กิโลเมตร ประกอบด้วยภูมิประเทศ 3 ลักษณะ คือ 1.สันปันน้ำ 2.ลำน้ำ และ 3.แนวเขตที่เป็นเส้นตรง ซึ่งต้องเริ่มสร้างรั้วชายแดนในรูปแบบกึ่งถาวร คือข้างล่างเป็นรั้วทึบ ข้างบนเป็นรั้วโปร่ง พร้อมติดตั้งลวดหนาม จะทำในพื้นที่แนวเขตเส้นตรง โดยได้พูดคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดแล้ว เพื่อให้เร่งรัดแล้ว หากสามารถดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องสำคัญทั้งหมดได้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี แต่ถ้าทำมากกว่านั้นพร้อมกันอาจจะเกินขีดความสามารถของรัฐบาลและของกองทัพ แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้ละทิ้ง หรือละเลยใดๆ แต่ทุกอย่างต้องทำไปตามลำดับและตามสถานการณ์ รวมไปถึงปัจจัยสภาพแวดล้อม
มีรายงานข่าวว่า กองทัพบกได้ประสานไปยังกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กป.ชต.) ให้เตรียมความพร้อม สถานที่พัก เตรียมการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา จำนวน 18 นาย จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 12 พ.ย.นี้
ทางด้าน พล.อ.อมฤต บุญสุยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เดินทางลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ระหว่างวันที่ 5-7 พ.ย. เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมรับฟังข้อมูลการปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การสนับสนุนด้านต่างๆ เป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของกองทัพบก
ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวตอนหนึ่งระหว่างร่วมงานเสวนาให้ความรู้แก่นักศึกษาวิชาทหาร เนื่องในวันที่ระลึกทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 ประจำปี 2568 ในหัวข้อเรื่อง “เกียรติภูมิของทหารไทย” ว่า ต้องขอบคุณที่ฝ่ายกัมพูชายิงก่อน เพราะที่ผ่านมาเขาเข้ามายึดพื้นที่เรานานแล้ว เราพยายามไล่ออกจากพื้นที่ด้วยขั้นตอน 1-4 พอมาถึง 5 จึงเป็นเช่นนี้ ซึ่งอยากไปถึง 10 แต่ไทยเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า ประชาคมโลกดูอยู่ว่าไทยไปรังแกเขาหรือไม่ ซึ่งช่วงแรกที่มีทหารขาหัก มีคนเข้ามาด่าตนว่าทำไมไม่บุก ยอมรับว่าตอนนั้นรู้สึกเจ็บอยู่ แต่ว่าต้องอดทน เพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่สมเหตุสมผล ซึ่ง 4 คืน 5 วัน เรายืดสุดๆ แล้ว และได้เท่านี้ ซึ่งยังมีพื้นที่อื่นอีกที่ยังไม่เคลียร์ เป็นไปตามเนื้อเพลงสายโลหิต
เมื่อพิธีกรถามว่า เป็นการส่งสัญญาณว่า ปราสาทตาควาย ต้องรอรุ่นต่อไปใช่หรือไม่ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า เพลงสายโลหิตหมดยุคนี้แล้วรอ และปราสาทตาควายเป็นของไทย ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายจะทำอย่างไร ซึ่งมีหลายวิธี
ส่วนจะมั่นใจได้อย่างไรว่ากัมพูชาจะไม่มาหาเรื่องเราอีก พล.ท.บุญสินตอบว่า หลังจากวันนี้เป็นต้นไปกองทัพไทยกลับมาดูตัวเอง และสร้างกองทัพเราให้เป็นที่เชื่อถือและเป็นที่ยำเกรง ทุกเหล่าทัพไปถอดบทเรียนว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ต้องคิดใหม่ ซึ่งในอนาคตมีโอกาสที่จะสงบ ขึ้นอยู่กับผู้นำว่าคิดอะไรอยู่ และต้องคิดให้ทัน มีอำนาจต่อรอง ซึ่งจะนำไปสู่เรื่องของการเปิดด่านว่าจะเปิดหรือไม่ แต่เชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีและ ผบ.ทบ.จะมีการพิจารณาร่วมกันว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่รับราชการมาสิ่งที่ภูมิใจที่สุดคือการได้แผ่นดินคืน
จากนั้นมีนักศึกษาวิชาทหาร ได้สอบถามว่าตอนนี้กองทัพไทยพร้อมหรือไม่ หากจะมีการปะทะอีกรอบ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า "พร้อมครับ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อม เพราะว่าเรารู้ว่า เกิดอะไรขึ้น และมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีก ผู้บังคับบัญชาวางแผนอนาคตตลอด ซึ่งเราจะไม่อยู่กับที่ เราไม่ประมาท พร้อมทั้งสู้ และไม่สู้ แต่ส่วนที่ดีที่สุดคือ ไม่สู้แล้วได้มีสันติสุข ได้แผ่นดินไทยคืน ไม่มีการรุกล้ำอธิปไตย ไม่มีการสู้รบ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้ามีการยั่วยุ ที่จะแย่งแผ่นดินเรา เจรจาแล้ว ประท้วงแล้วไม่ปฏิบัติ ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจในห้วงเวลานั้นที่จะตัดสินใจ ซึ่งเรื่องการสู้รบเป็นอีกเรื่องสุดท้ายเรื่องหนึ่ง ที่เราต้องคิดว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าถามว่ามีโอกาสไหม ก็ทั้งมี และไม่มี แต่เราต้องเตรียมพร้อม ซึ่งถ้าถามว่า ทหารมีไว้ทำไม ก็มีไว้ป้องกันประเทศแบบ 4 คืน 5 วันที่ผ่านมา ที่เขาพร้อมจะสละเลือดเนื้อได้"
พล.ท.บุญสินได้ให้สัมภาษณ์เรื่องปราสาทตาควายว่า ต้องให้ผู้ที่มีอำนาจในปัจจุบันเข้าไปดำเนินการแก้ไข และทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขได้ พร้อมเป็นกำลังใจให้ทหาร ผู้บัญชาการทหารบก นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่จะร่วมกันแก้ปัญหาในจุดนี้ พร้อมยืนยันปราสาทตาควายยังเป็นของไทยอยู่ และมองว่าควรจะเริ่มจากมาตรการเบาคือการพูดคุยกันก่อน ส่วนที่มีประชาชนบางส่วนมองว่าให้ตีเอาปราสาทตาควายคืนกลับมาบางส่วนให้รอก่อน โดยใช้เทคโนโลยีในการวัดพื้นที่นั้น ทั้ง 2 วิธีนี้น่าจะเดินคู่กันได้ ซึ่งไลดาร์เป็นฝ่ายเทคนิคต้องคุยกับกรมแผนที่ทหาร ทั้งนี้ ตาควายจะได้มาวิธีใด ขึ้นอยู่กับวิธีการของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน เชื่อมั่นว่าผู้ใหญ่คงต้องคุยกัน เริ่มจากเบาไปหาหนัก ตั้งแต่ทำหนังสือประท้วง ยกหูโทรศัพท์คุยกัน ส่วนการใช้กำลังเป็นวิธีสุดท้าย
ที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ พ.ท.จักรกฤษณ์ ขุริรัง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 11 หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้ทำพิธีรำลึกถึงการเสียสละของสิบโทต่อพงษ์ พันดวง ทหารกล้าผู้เสียสละชีวิตปกป้องผืนแผ่นดินไทย ครบรอบ 100 วันที่จากไป วีรกรรมที่หาญกล้าคงอยู่เหนือกาลเวลา “นักรบช่องอานม้า” โดยมีกำลังพลร่วมรำลึกและยืนไว้อาลัยให้กับสิบโทต่อพงษ์และทหารกล้าทุกนายที่เสียสละเพื่อปกป้องพื้นแผ่นดินไทย
วันเดียวกัน นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีพูดว่า “ไทยล้ำแดนเขมร” ที่ประเทศมาเลเซีย โดยการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 มาตรา 52 และอาจละเมิดประมวลกฎหมายอาญาหมวดความมั่นคงของรัฐ ทั้งยังอาจขัดคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 160 และ 170 จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบและดำเนินการถอดถอนนายอนุทินออกจากตำแหน่งโดยเร็วที่สุด พร้อมขอให้แจ้งผลการพิจารณาภายใน 15 วัน
"การพูดของนายกฯ อนุทินร้ายแรงกว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดจริยธรรมจากคลิปเสียงกรณีฮุน เซน" นายวัชระระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


